บทที่ 4 เจ็บก็ต้องทน
ขณะนี้เวลาเที่ยงคืนกว่าแล้วสองสามีภรรยาในนามก็ได้แต่นั่งหน้านิ่งกันอยู่ในห้องนั่งเล่น เพื่อรอชายอีกคนกลับมาบ้าน แล้วไม่นานการรอคอยก็สิ้นสุดลง เมื่อรถของแทนคุณวิ่งเข้ามาจอด แล้วไม่นานร่างสูงใหญ่ของคนที่รอก็เดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าเรียบเฉย
แทนคุณเห็นกีรณากับอภิวัฒน์นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เลยเดินเข้ามาหาอย่างสงสัย เพราะตอนนี้มันก็ดึกมากแล้วทั้งสองน่าจะขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนได้แล้วตอนนี้ เพราะตัวเขาเองตาก็แทบจะปิดอยู่แล้ว
“ไปส่งกันถึงไหนคะพี่แทน ทำไมกลับเอาป่านนี้”
เป็นน้ำเสียงห้วนของกีรณาเองดังขึ้น หล่อนถามอย่างประชดเหน็บแนม แสดงความหึงหวงชายหนุ่มอย่างไม่รู้ตัว จนทำให้อภิวัฒน์ที่นั่งข้างกายอดหันมามองหน้าเธอไม่ได้
แทนคุณหยุดเท้าที่จะเดินไปนั่งทันที จ้องมองใบหน้าสวยที่จ้องมองมาทางตนอย่างสับสนไม่เข้าใจว่าตอนนี้กีรณาเป็นอะไร ทำไมทำเหมือนจะหึงหวงเขากัน หรือว่าหล่อนหึงจริงๆ
“ถึงบ้านครับ” ตอบเสียงเรียบ
“เหรอคะ จริงๆ พี่แทนไม่ต้องไปส่งน้องมิวก็ได้นะคะ น่าจะให้น้องเขากลับไปพร้อมกับแม่เขา”
กีรณายังคงไม่รู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกไป สติของหล่อนหลุดลอยไปตั้งแต่สาวน้อยหน้าหวานคนนั้นควงแขนแทนคุณเดินยิ้มร่าทั่วงานแล้ว
“พี่อยากไปส่งเองครับ” ตอบกลับอย่างไม่สนใจอารมณ์กรุ่นโกรธของคนตัวเล็ก
“คุณเป้คะ นาไม่อยากทำแบบนั้นอีกแล้ว นาไม่อยากนอนกับพี่แทน นารักคุณเป้นะคะ”
หล่อนเปลี่ยนเรื่องดึงมือใหญ่ของคนที่นั่งข้างตนขึ้นมาจับ จนทำให้ชายหนุ่มทั้งสองตามอารมณ์ความนึกคิดของสาวเจ้าไม่ทัน
“ฮึ! อย่าพูดแบบนั้นนา”
พร้อมสะบัดมือน้อยออกจากมือตน ตอนนี้เขาพอจะรู้แล้วว่าสาวเจ้าก็เริ่มมีใจให้แทนคุณแล้ว ดูจากคำพูดและท่าทางก่อนหน้านี้ แถมสายตาที่มองแทนคุณกับศิลาณีที่งานแล้ว อภิวัฒน์เริ่มมั่นใจแล้วว่าหญิงสาวคนนี้ได้หลงรักสามีตัวเองอีกคนแล้ว แต่ยังไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง
“ให้นาพูดเถอะคุณเป้ นาไม่ไหวแล้ว นาขยะแขยงพี่แทนเต็มทนแล้ว คุณเป้รู้ไหมนาเจ็บ นาเจ็บตรงนี้”
ตุ๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ!
หล่อนเอ่ยเสียงเครือ มือน้อยทุบอกตัวเองรัวๆ ด้วยความเจ็บปวด แล้วก็เบนสายตามาทางชายอีกคนที่ตนบอกว่ารังเกียจขยะแขยงเขาด้วยสายตาชิงชัง
สายตาของกีรณาที่ทอดมาทางแทนคุณ ทำให้เขาแทบเข่าอ่อน หัวใจแข็งแรงถึงกับอ่อนแรง เรี่ยวแรงจะเดินจะยืนแทบไม่มี ปากหนากัดแน่นด้วยความเคืองขุ่นคนตัวเล็ก
“ฉันบอกเธอแต่แรกแล้วนะนาว่าฉันเป็นสามีให้เธอไม่ได้ ให้ความสุขเธอไม่ได้ บอกไปตั้งแต่แรกแล้วว่าฉันทำแบบผู้ชายทั่วไปไม่ได้”
เอ่ยเสียงเยือกเย็น เบือนหน้าไปทางอื่น ไม่อยากเห็นดวงหน้าสวยของกีรณาที่กำลังอาบล้นไปด้วยน้ำตา
“นะ...นา....”
ร่างเล็กเคลื่อนกายไปทรุดกายกับพื้นพรม แล้วเอาหน้าสวยของตนซบแนบไปกับหน้าขาของอภิวัฒน์ มือเล็กกอดขาของบุรุษไว้แน่น
ภาพของกีรณาสะท้อนใจของแทนคุณเหลือเกิน สงสารและสมเพชหล่อนในคราเดียวกัน แต่ก็อดเย้ยหยันคนตัวเล็กไม่ได้ ยิ่งคิดถึงประโยคก่อนหน้านี้ของสาวเจ้าก็ยิ่งทำให้ความเคืองขุ่นในใจโหมกระหน่ำลุกเป็นไฟ
“นาฉันว่าเราคุยกันรู้เรื่องมาตลอดนะ ถ้าคิดจะเป็นเมียฉันต้องรับได้ในสถานะนี้ ถ้านอนกับแทนไม่ได้ก็ออกไปจากบ้านฉันซะนา ออกไปจากสายตาฉันซะ”
อภิวัฒน์เอ่ยเสียงเข้ม ไล่คนตัวเล็กที่ทรุดกายนั่งกอดขาตัวเองไว้ ร่างใหญ่นั่งนิ่งบนโซฟาเบือนหน้ามองไปทางอื่น ด้วยไม่อาจจะทนเห็นกีรณาที่นั่งอยู่ที่พื้นได้
“ไม่นะคะ คุณเป้ คุณเป้อย่าไล่นาเลยนะคะ นารักคุณเป้ นาจะพยายามยอมรับให้ได้แม้คุณเป้จะไม่รักไม่ต้องการนา” สาวเจ้าส่ายหน้าไปมา ใบหน้าสวยอาบด้วยน้ำใสๆ
ห่างไปจากทั้งสองมีร่างสูงใหญ่ของแทนคุณยืนมองร่างเล็กกอดขาของผู้มีพระคุณตนไว้ด้วยความสงสารอาทร ใช่ เขารักหล่อน แต่ในหัวใจของเธอกลับมีแต่ผู้มีพระคุณ
“กลับขึ้นข้างบนซะ ฉันจะคุยกับแทน จำไว้อย่าเรียกร้องอะไรอีก เธอเลือกแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าจะจบก็ต้องไปจากที่นี่”
อภิวัฒน์พูดเสียงเย็น รู้ว่ากีรณาเจ็บ แต่จำเป็นต้องพูดออกไป เพราะตัวเขาเองก็เจ็บที่เห็นชายที่รักนั้นรักหล่อน และเขาก็ยอมรับถ้าผู้หญิงคนนั้นคือกีรณา คนที่เติบโตมาพร้อมกันกับเขาและแทนคุณ
หญิงสาวลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นทั้งน้ำตา แต่ก็ฝืนทนความเจ็บปวดไว้ พอเดินมาถึงแทนคุณก็หยุดแล้วแหงนมองหน้าชายหนุ่มด้วยสายตาชิงชังก่อนเดินจากไป
สายตาของกีรณาที่ทิ้งไว้ก่อนออกไปมันบาดลึกไปทั้งร่างกายแข็งแรงของเขาจนแทบจะไปต่อไม่ไหว แต่แล้วก็ต้องก้าวเดินไปนั่งโซฟาที่ว่างอีกตัว เมื่ออภิวัฒน์เรียกไปนั่งคุยกัน
“รักนามากไหม”
ถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจ แต่ก็ยังถาม ถามให้ตัวเองเจ็บก็จะถาม เขายอมได้ เพื่อคนที่รัก ยอมได้ขอแค่เห็นชายที่รักยิ้มหัวเราะ เพียงแค่นี้เขาสบายมาก
“คุณเป้....” แทนคุณเอ่ยเสียงแผ่ว
“ฉันว่านาก็รักนายนะ เพียงแต่ยังไม่รู้ใจตัวเองเท่านั้นเอง”
พูดอย่างมั่นใจ นาทีนี้เขาจ้องลึกเข้าไปในตาของแทนคุณอย่างต้องการฟังของอีกฝ่าย
“นารักคุณเป้ มันเป็นไปไม่ได้ที่นาจะรักผู้ชายแบบผม เธอรังเกียจ ขยะแขยงผม คุณเป้ก็เห็นและได้ยินในสิ่งที่เธอพูดแล้วไม่ใช่เหรอครับ”
พูดตามสิ่งที่ตัวเองได้ฟัง ได้เห็น ได้รับรู้มาตลอดหลายปีที่ได้รู้จักหญิงสาวและได้แนบชิดกับเธอ
“นายคิดไปเองว่านาไม่รัก ผู้หญิงมักพูดตรงข้ามกับความรู้สึกเสมอ มักยึดมั่นกับความรู้สึกดีในวัยเด็ก และทึกทักเอาเองว่ามันเป็นความรัก ฉันคิดว่านาก็เป็นแบบนั้น ไปซะ ไปทำให้นารู้ใจตัวเองเหมือนที่ฉันกับนายรู้ใจตัวเอง ไม่ต้องห่วงฉัน ฉันทำใจยอมรับและเลือกจะให้มากกว่าครอบครอง”
