สองจอมโจรยอดดวงใจ

89.0K · จบแล้ว
Chivavass
44
บท
794
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

อาเซ่อหลิงคือสตรีบรรณาการที่รัชทายาทปรารถนาจะครอบครอง ในระหว่างทางขบวนเจ้าสาวกลับถูกจู่โจมกลางหุบเขาด้วยฝีมือของ'สองจอมโจร' ฝาแฝดผู้มีนิสัยแตกต่างกันราวน้ำกับไฟ ทว่าหัวใจนางกลับต้องการพวกเขาทั้งสองคน!

นิยายจีนโบราณราชวงศ์/ชนชั้นเจ้าผู้ชายอบอุ่นนางเอกเก่งพระชายาจีนโบราณโรแมนติก3P

บทนำ ปฐมบทโอรสแฝด

ยี่สิบปีก่อนหน้า ...

พระราชวังใหญ่โตที่ตั้งสูงตระหง่านแห่งแคว้นหนานหลิง ในยามนี้นั้นเต็มไปด้วยม่านหมอกสีเทาทะมึนปกคลุมไปทั่วบริเวณราวกับลางร้ายจากฟากฟ้า อีกาดำบินว่อนอยู่เหนือตำหนักใหญ่ ท่ามกลางความวุ่นวายของเหล่านางกำนัลและขันที เมื่อฮองเฮาผู้เป็นนายเหนือเกล้ากำลังจะมีประสูติกาล หลังจากนั้นไม่นานเสียงร้องของโอรสสวรรค์ก็ดังขึ้น ทว่าในช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูปกลับมีเสียงของทารกดังขึ้นอีกครั้ง

ซูเหวินเซียว ฮองเฮาแห่งแคว้นหนานหลิง คลอดพระโอรสออกมาถึงสองพระองค์ในวันที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม ดวงจันทร์อับแสง หมอหลวง

และข้ารับใช้ต่างพากันขมวดคิ้ว แต่ทว่ายังไม่ทันได้คลายความตกใจ ร่างอรชรของมารดาแห่งแผ่นดินกลับแน่นิ่งไปอย่างน่าใจหาย

เฉินหลงตี้ ผู้เป็นฝ่าบาทของแผ่นดิน ยืนอยู่ด้านหน้าตำหนักด้วยท่าทางกระวนกระวาย แต่กลับต้องชะงักค้าง เมื่อเสียงของทารกดังขึ้นติดต่อกัน ท่ามกลางความอยากรู้ของบรรดาขุนนางที่เฝ้ารอการประสูติกาลกันอย่างพร้อมหน้า เมื่อเห็นว่าทุกอย่างนั้นดูสงบ

จนน่าแปลกไป เขาจึงรีบรุดเท้าเข้าไปยังด้านในตำหนักด้วยความรีบร้อน

นัยน์ตาคู่คมสั่นระริกในทันทีที่ก้าวผ่านบานประตูเข้ามา ร่างของสตรีอันเป็นที่รักแน่นิ่งไป เรือนกายของนางเต็มไปด้วยโลหิตมากมาย 

ทำให้นางสิ้นใจในทันทีที่โอรสองค์ที่สองลืมตาดูโลก

“เซียวเอ๋อร์” เขารีบก้าวเท้าไปยังเตียงใหญ่ด้วยหัวใจที่ตื่นกลัว

“ฝะ...ฝ่าบาท ฮองเฮาสิ้นพระชนม์แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ขันทีคนสนิทของซูเหวินเซียวก้มหมอบกราบลงบนพื้น ก่อนจะถวายรายงานด้วยความเสียใจ หลังจากนั้นจึงหันไปพยักหน้าให้หมอหลวงถวายโอรสฝาแฝดให้แก่ฝ่าบาทผู้ครองแผ่นดิน

“ฮองเฮาประสูติพระโอรสฝาแฝดเพคะ” เสียงของหมอหลวงสั่นเครือ ก่อนจะวางโอรสฝาแฝดเอาไว้ข้างกายของผู้เป็นฮองเฮา

เฉินหลงตี้ปรายดวงตามองทารกน้อยอ้วนท้วนสมบูรณ์ทั้งสองด้วยสีหน้าที่ไม่อาจแยกความรู้สึก ระหว่างความดีใจกับเสียใจ โอรสสองพระองค์ของเขาเกิดภายในเวลาไล่เลี่ยกัน ดวงหน้าคล้ายคลึงผู้เป็นมารดาดั่งเงาสะท้อน ทว่าซูเหวินเซียวกลับมิอาจต้านทานชะตากรรม 

มีเพียงร่างที่ไร้ลมหายใจให้เขาได้ดูต่างหน้า

หลังจากนั้นไม่นานเสียงเอะอะโวยวายก็ดังขึ้นมาจากบริเวณด้านหน้าตำหนักราวกับตั้งใจที่จะแพร่งพรายการประสูติกาลของโอรส

ฝาแฝดออกไปด้วยความรวดเร็วราวกับเปลวเพลิงที่ลุกลาม

“หนานหลิงต้องเกิดอาเพศใหญ่เป็นแน่ ฮองเฮาต้องสิ้นพระชนม์ เพราะโอรสฝาแฝดคือกาลกิณี!”

ผู้เป็นฝ่าบาทหลับพระเนตรลงด้วยความเสียใจ ข่าวลือแพร่สะพัดทั่วทั้งแคว้นหนานหลิงดั่งไฟลามทุ่ง ไม่ว่าจะเป็นขุนนาง หรือราชวงศ์ แม้กระทั่งชาวบ้าน ต่างยื่นฎีกาเร่งเร้าให้ ‘กำจัดสิ่งอัปมงคล’ เพื่อความสงบสุขของใต้หล้า

“ฝ่าบาท ได้โปรดสั่งประหารพระโอรสฝาแฝดด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

อัครเสนาบดีเร่งเร้าให้รีบตัดสินพระทัยด้วยท่าทีกดดัน ก่อนที่ขุนนางคนอื่น ๆ จะคุกเข่าลงโดยพร้อมเพรียงกัน

เฉินหลงตี้เป็นฮ่องเต้ในวัยหนุ่ม ด้วยนิสัยที่อ่อนแอ เขาจึงไม่ต่างไปจากหุ่นเชิดของขุนนาง แม้ว่าจะนั่งอยู่เหนือบัลลังก์มังกรแต่กลับไม่อาจทัดทานความต้องการของทุกคนในแผ่นดินได้ จึงจำใจสั่งประหารโอรสฝาแฝดด้วยความเสียใจ

“ประหารโอรสฝาแฝด...เพื่อความมั่นคงของหนานหลิง”

ดวงพระเนตรคมคายคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ร่างสูงสง่ารีบลุกออกจากบัลลังก์มังกรในทันที ความจุกแน่นสุมอยู่ในอกแทบจะขาดใจ 

สตรีอันเป็นที่รักก็จากไปอย่างไม่ทันได้ร่ำลา โอรสที่นางประสูติออกมาก็ไม่อาจเลี้ยงดูให้เติบโต

ทว่าก่อนที่จะมีการประหาร ซูอวี้หยาง น้องสาวต่างมารดาของผู้เป็นฮองเฮาได้ลักลอบเข้าไปขโมยตัวโอรสแฝดด้านในตำหนัก ก่อนจะพาสองทารกน้อย ผู้มีศักดิ์เป็นหลานชายหลบหนีเอาชีวิตรอด

แต่มีหรือผู้ที่ได้ผลประโยชน์สูงสุดจากเรื่องนี้จะยอมปล่อยให้นางพาโอรสฝาแฝดที่ได้ชื่อว่าเป็นกาลกิณีออกไปจากรั้ววังได้อย่างไร้ซึ่งอุปสรรค ทหารองครักษ์มากมายต่างวิ่งกรูกันเข้ามา ประหนึ่งจะรวบรัดชีวิตของนางและหลานชายไปพร้อมกันเสียทีเดียว

“ท่านหญิงอวี้หยาง แม้ว่าท่านจะเป็นน้องสาวของซูฮองเฮา แต่คิดหรือว่าจะไร้ความผิด โทษฐานที่คิดจะพาตัวพระโอรสกาลกิณี

ไปจากวังหลวง” อัครเสนาบดี เดินอาดเข้ามาพร้อมกับทหารมากมาย

“ข้าจะไม่ยอมให้หลานของข้า ต้องถูกสังหารราวกับสัตว์!”

ซูอวี้หยางไม่สนใจบุรุษกระหายอำนาจเบื้องหน้า นางอาศัยจังหวะพาหลานชายฝาแฝดออกจากไปวังหลวง ด้วยการใช้เส้นทางลับหลบหนีท่ามกลางความมืดมิด นางห่อหุ้มกายของดรุณน้อยทั้งสองด้วยผ้าคลุมอาบโลหิตของผู้เป็นพี่สาว ยอมแลกแม้กระทั่งชีวิตของตนเองเพื่อให้พวกเขาได้เติบโต

“ท่านหญิง ขึ้นรถม้าไปเถิดขอรับ” หนานกงกงรีบประคองร่างแน่งน้อยขึ้นสู่ด้านบนรถม้า หลังจากที่หนีออกมาจากช่องทางลับ

“กงกง ไปกับข้า เร็ว!” นางเอ่ยสั่ง

รถม้าไร้ตราประทับรีบทะยานออกไปในทันที ทหารองครักษ์แห่งหนานหลิงต่างก็ตามไล่ล่าอย่างไม่ยอมเลิกรา นางหลีกหนีอย่างไร้จุดหมาย เพียงขอให้หลานชายทั้งสองนั้นมีชีวิตรอดก็เพียงพอแล้ว

ช่วงเวลาผ่านไปเนิ่นนาน รถม้าของนางก็โลดแล่นเข้าสู่เขตภูเขาสูงด้วยความยากลำบาก ก่อนที่รถม้าของนางจะหยุดอย่างกะทันหัน เมื่อผู้กุมบังเหียนถูกธนูปักบริเวณกลางอก นางจึงต้องระหกระเหินลงจากรถม้าและออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต โดยมีหนานกงกงเป็นผู้อารักขา

แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายมุ่งมั่นจะเอาชีวิตเสียให้ได้ และยามนี้ไม่ได้มีเพียงทหารองครักษ์ของพระราชวัง แต่กลับเต็มไปด้วยชายชุดดำที่พร้อมจะฉกชิงลมหายใจด้วยความเหี้ยมโหด

ซูอวี้หยางมองดูหลานชายตัวน้อยที่ยิ้มร่าอย่างไม่รู้สถานการณ์ด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อพาพวกเขาหลบหนีเข้าไปในป่าใหญ่ ทว่าพวกมันกลับมีมากมายเสียเหลือเกิน แม้กระทั่งกงกง ยามนี้ก็ไม่อาจรักษาลมหายใจเอาไว้ได้เสียแล้ว

ริมฝีปากบางขบเม้มแน่นจนซึมด้วยโลหิต แข้งขาอ่อนแรงหลายครั้งต่อหลายครั้ง แต่ก็จำต้องฝืนใจพาทั้งสองชีวิตหนีให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของคนร้าย

ทว่านางกลับโชคร้าย เมื่อลูกธนูปักลงบนหน้าขาของนางจนไม่อาจหยัดกายลุกขึ้นหลบหนี

“ส่งพระโอรสฝาแฝดมาให้พวกข้าสังหารเสียเถอะ ท่านหญิง”

บุรุษในอาภรณ์ทหารประจำราชวังเอ่ยขึ้น พร้อมกับขยับร่างสูงเข้ามาใกล้ ก่อนจะง้างดาบในมือ ดวงตากลมหลับลงด้วยความรู้สึกผิด

ที่ไม่อาจพาผู้เป็นหลานชายทั้งสองหลบหนีได้ตลอดรอดฝั่ง

เคร้ง

เสียงโลหะดังขึ้น ทว่านางไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด จึงได้ปรือดวงตาขึ้นมอง เบื้องหน้าของนางกลับมีบุรุษรูปร่างสูงใหญ่

ในอาภรณ์ชนเผ่าเข้ามารับดาบแทน ก่อนที่เสียงทุ้มเข้มทรงอำนาจจะดังขึ้น

“ที่แห่งนี้เป็นเขตแดนของอานาจักรอวี้หลาน หากหนานหลิงของพวกเจ้ายังไม่พร้อมที่จะทำสงครามก็ถอยห่างออกไปเสีย!”

“ถอย!”

เมื่อเห็นธงสัญลักษณ์ประจำชนเผ่า ผู้ครอบครองอานาจักรทุ่งหญ้าและผืนทะเลทรายที่กว้างขวาง เต็มไปด้วยกำลังพลอันแสนน่ากลัว จนบรรดาทหารหลวงและชายชุดดำต่างก็ไม่กล้าที่จะต่อกร จึงได้แต่ล่าถอยกลับไปด้วยความเจ็บใจ

เขตชายแดนแห่งนี้ทำให้นางได้พบกับบุรุษน่าเกรงขามด้วยความบังเอิญ ทู่เหยียน ผู้นำชนเผ่าหยวนอู๋ ประมุขแห่งอานาจักรอวี้หลาน

บุรุษผู้มีนิสัยเหี้ยมโหดดุจปีศาจในสายตาศัตรู เขากลับยื่นมือช่วยเหลือสตรี และดรุณน้อยทั้งสองอย่างเหนือความคาดหมาย แม้แต่บิดาผู้ให้กำเนิดยังมิอาจปกป้องสองฝาแฝด แต่ประมุขทู่เหยียนกลับให้การช่วยเหลืออย่างไม่เกรงกลัวคำครหาและเสียงทัดทาน

“เด็กแฝดพวกนี้...ถูกราชวงศ์ทอดทิ้งอย่างนั้นหรือ แม้แต่ผู้เป็นบิดาก็ไม่คิดจะปกป้องสายเลือดของตนเลยหรืออย่างไร” ทู่เหยียนเอ่ยถามสตรีที่โอบกอดดรุณน้อยเอาไว้แน่น ด้วยสายตาที่อ่อนโยน

ไม่ต้องเอ่ยถามให้ยืดยาว เขาก็มองออกตั้งแต่ต้นว่าฝาแฝดทั้งสองหาใช่เด็กน้อยสายเลือดธรรมดา ทหารองรักษ์มากมายตามไล่ล่ามาก็เพื่อที่จะกำจัดพวกเขา เพียงเพราะความเชื่อว่าเด็กแฝดเป็นกาลกิณีแห่งแผ่นดิน

ซูอวี้หยางก้มศีรษะลงกับพื้นหินทั้งน้ำตา เพื่อร้องขอให้บุรุษเบื้องหน้าให้การช่วยเหลือและปกป้องหลานชายทั้งสองของนาง

“ได้โปรดช่วยหม่อมฉัน แม้เป็นเพียงทาสชั้นต่ำหม่อมฉันก็ยอม ขอแค่พวกเขาได้มีชีวิตต่อไป”

“เจ้าคือดอกไม้ที่หยัดยืนท่ามกลางพายุ…ข้าถูกใจนัก หากข้าอยากให้เจ้าเป็นชายาของข้า จะยินดีหรือไม่”

เขารู้สึกถูกใจสตรีเบื้องหน้าอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งยังเอ็นดูเด็กน้อยในห่อผ้าประหนึ่งว่าเป็นโอรสของตัวเอง

นางชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง เพราะไม่ได้มีใจรักบุรุษเบื้องหน้า แต่เพื่อความอยู่รอด นางจึงรับปากที่จะเป็นชายาของเขา

“ขะ...ข้ายินดี”

“ฮ่า เช่นนั้นเจ้าจงอยู่ที่นี่ในฐานะชายาของข้า และให้เด็กน้อยทั้งสองเติบโตใต้เงาของข้า” ทู่เหยียนหัวเราะขึ้นเสียงดัง แต่ไม่ใช่การเย้ยหยัน หากเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนดั่งสายลมเบาบาง

หลังจากนั้น ซูอวี้หยางก็แต่งงานในฐานะชายาเพียงหนึ่งเดียวของผู้เป็นประมุขแห่งอาณาจักรอวี้หลาน และช่วยกันเลี้ยงดูดรุณน้อยฝาแฝดราวกับลูกในไส้

นางเฝ้ามองราชสำนักแห่งหนานหลิงมาโดยตลอด หลังจากนั้นเพียงแค่หนึ่งปี เฉินหลงตี้ก็แต่งตั้งฮองเฮาพระองค์ใหม่ ซึ่งไม่ใช่สตรีอื่นใดแต่เป็นเจียวฮวาเยว่ พระสนมกุ้ยเฟย บุตรีของอัครเสนาบดีเจียวเหวินหมิง

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นดูรีบร้อนเสียจนซูอวี้หยางเกิดความสงสัยว่าพระสนมผู้นั้นเป็นต้นตอที่ทำให้ร่างกายของผู้เป็นพี่สาวของนางอ่อนแอจนไร้เรี่ยวแรงคลอดโอรสฝาแฝดหรือไม่

ในดวงตาของซูอวี้หยาง ไฟแห่งความแค้นค่อย ๆ ลุกไหม้ขึ้นภายในใจ ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด นางจะต้องเอาคืนให้สาสม!