บทที่ 5 สิ่งนี้เรียกว่าจูบหรือ
บทที่ 5
สิ่งนี้เรียกว่าจูบหรือ
หวานล้ำ
“เช่นนั้นข้าจะทำมันอีกครั้ง เจ้าพร้อมหรือไม่”
“อื้อ ข้าพร้อม!”
จางซินเหยียนพยักหน้ามุ่งมั่น พยายามควบคุมหัวใจไม่ให้เต้นแรง แอบกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเสียงหัวใจของนางเสียเหลือเกิน แต่แล้วความคิดกังวลก็อันตรธานหายไปจนหมดสิ้น เมื่อเรียวปากร้อนประกบลงมาบนเรียวปากของนางอย่างอ่อนโยน
‘ห้ามตัวแข็ง ห้ามเกร็ง!’
สั่งตัวเองพลางปล่อยตัวให้อยู่ในอ้อมแขนของสหายหนุ่ม จากนั้นดวงตากลมโตจึงค่อยๆ ปิดลงตามคำสอน
“อื้อ”
ซินเหยียนเผลอครางออกมาเมื่อเรียวปากของนางถูกปากอุ่นบดคลึงจูบเม้มอย่างช้าๆ ความรู้สึกหวิวโหวงปะทุขึ้นมาในหัวใจดั่งภูเขาไฟที่กำลังระเบิด ราวกับว่าภายในหัวสมองขาวโพลนเต็มไปด้วยเมฆหมอก
พลันเรือนกายถึงกับแข็งเกร็งเมื่อรับรู้ได้ว่าอี้เฟยหลงค่อยๆ ใช้เรียวปากดันให้นางอ้าปากออกช้าๆ แล้วโดยที่หญิงสาวยังไม่ทันตั้งตัวลิ้นร้อนก็สอดเข้าไปในโพรงปากอย่างรวดเร็ว
“อื้อ”
ส่งเสียงดั่งจะร้องประท้วง ทว่าการทำเช่นนั้นกลับเป็นการเปิดปากให้อีกฝ่ายล่วงล้ำลึกเข้าไป กระหวัดเร้าพันรัดลิ้นของนางตามอำเภอใจ
เวลานี้ไม่จำเป็นที่จางซินเหยียนต้องพยายามทำตัวเอนอ่อนอีกต่อไปแล้ว เพราะเรือนกายของนางอ่อนยวบดั่งไร้กระดูก ระทวยดั่งของเหลวเสียยิ่งกว่าไขผึ้งลนไฟเสียอีก
“อะ...อาหลง”
ท้ายที่สุดนางจึงรวบรวมสองมือผลักที่แผงอกแกร่งของสหายหนุ่ม ใบหน้าของนางแดงก่ำ ดวงตาฉ่ำเยิ้มไปด้วยความปรารถนาที่ถูกปลุกเร้า
“ทะ...ที่เจ้าทำกับข้า มันเรียกว่าจูบใช่หรือไม่”
“ใช่แล้วมันคือจูบ”
“งะ....งั้นเหรอ”
“ดูสิ...เวลานี้เสน่ห์ของเจ้าถูกดึงออกมาแล้ว”
มือหนาประคองใบหน้าหวาน ก่อนจะใช้นิ้วโป้งบดคลึงเรียวปากอวบอิ่มที่บวมเจ่อจากการถูกเขาปล้นจูบ
“จะ...จริงเหรอ”
จางซินเหยียนเอ่ยถามราวกับไม่เชื่อ นางรู้สึกสับสนและมึนงงไปหมดแล้ว จนกระทั่งชายหนุ่มจูงมือนางเดินไปยังหน้ากระจก นางมองใบหน้าระเรื่อเรืองไปด้วยเลือดฝาดของตนเองด้วยความแปลกตา เป็นใบหน้าที่นางไม่เคยแสดงมาก่อนในชีวิต ราวกับว่านางไม่รู้จักสตรีในกระจกผู้นั้นมาก่อน
ปากที่เจ่อนิดๆ แก้มที่แดงเพราะเลือดฝาด ดวงตาที่วิบวาวเพราะแรงเสน่หา ทำให้นางดูสวยขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ใจ เมื่อประจักษ์แก่สายตาเช่นนี้ซินเหยียนก็ยิ่งเชื่อสหายหนุ่มจนหมดใจ
“ดะ...ได้ผลจริงๆ ด้วย ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย”
“ยิ่งเจ้ารู้จักบุรุษมากขึ้น เสน่ห์ของเจ้าก็จะยิ่งเย้ายวนสมกับเป็นสตรีมากขึ้น ขอเพียงเจ้าเชื่อฟังข้าและทำตามที่ข้าสอน”
“ขอบคุณนะอาหลง ข้าจะเชื่อฟังเจ้าทุกอย่างเลย”
หญิงสาวดีใจหันไปกระโดดกอดสหายจนตัวลอย หากนางงดงามขึ้นเรื่อยๆ ไม่แน่ว่าคุณชายซักตระกูลอาจถูกใจและยกนางเป็นภรรยาเอกก็เป็นได้ และนางก็จะรอดพ้นจากการถูกนางร้ายหึงหวงเสียที
“เช่นนั้นเรามาต่อกันเลยดีหรือไม่”
คนตัวโตกระชับวงแขนกอดรัดสหายที่กระโดดกอดเขาอย่างไม่ทันระวังตัว จึงกลายเป็นว่าในเวลานี้เขาเป็นฝ่ายกักขังนางเอาไว้ในอ้อมแขนแข็งแกร่ง
“จะ...จูบอีกเหรอ”
คนตัวเล็กช้อนเปลือกตาขึ้นสบตาสหายหนุ่ม พลางเอ่ยถามอย่างเขินอาย ท่าทางเช่นนั้นทำให้อี้เฟยหลงแทบจะอดทนอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว
“คราวนี้ไม่ใช่แค่จูบ แต่ข้าอาจต้องสัมผัสร่างกายของเจ้าอีกหลายส่วน”
ได้ฟังเช่นนั้นคนในอ้อมแขนก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก เพราะแค่จูบนางก็ตื่นเต้นจนหัวใจแทบจะวายตายอยู่แล้ว
“ซินเอ๋อร์เจ้าเชื่อใจข้าหรือไม่”
น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามราวกับเว้าวอน ทำให้จางซินเหยียนซึ่งยังมีฤทธิ์สุราอยู่หลายส่วนถึงกับไปไม่เป็น การตัดสินใจช้าลงและดูเหมือนนางจะผิดพลาดเพราะพยักหน้าตอบรับเขาไปเสียแล้ว
“ถ้าเช่นนั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า”
“อื้อ...”
หัวใจเจ้ากรรมแทบเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่ออี้เฟยหลงบดจูบลงมาอีกครา ครานี้เขาไม่ได้ทำเพียงแค่จูบ แต่สองแขนกลับโอบกอด สองมือหนาสากกระด้างค่อยๆ ลามไล้ไปตามแผ่นหลัง เลื่อนไล้ลงไปยังเอวคอดกิ่วก่อนจะกอบกุมสะโพกผายเอาไว้เต็มมือ
“อึก...”
จางซินเหยียนถึงกับกระตุกเกร็งไปทั้งสรรพางค์กายเมื่อถูกจับก้น อีกทั้งเขายังบีบและขยำอย่างแรง ซึ่งนั่นกลับทำให้นางรู้สึกแปลกๆ
เหตุใดนางจึงเสียวหน่วงลงไปที่แก่นกลางกาย ราวกับว่าภายในรูบุปผาของนางกำลังขับน้ำแปลกๆ ออกมา ซึ่งนางไม่อาจควบคุมร่างกายได้เลย
“ซินเอ๋อร์”
เสียงทุ้มติดจะแหบพร่านิดๆ เอ่ยเรียกนางด้วยน้ำเสียงออดอ้อน จางซินเหยียนถึงกับระทดระทวย แข้งขาอ่อนแรงจนไม่อาจหยัดยืนไหว แล้วโดยที่หญิงสาวยังไม่ทันตั้งตัวนางก็ถูกจับให้นอนหงายลงบนตั่งข้างหน้าต่างโดยมีคนตัวโตทาบทับลงมาเสียแล้ว
“เชื่อใจข้านะ”
เขากระซิบข้างหูขอให้นางเชื่อใจ ทั้งที่คนที่ไม่น่าเชื่อใจที่สุดก็คือเขานั่นเอง
“อื้อ...อะ...อาหลง”
ราวกับลมหายใจขาดห้วงติดขัด เมื่อมือหนาสากเลื่อนขึ้นมากอบกุมทรวงอกของนางเอาไว้เต็มมือ
“เจ้าจะงดงามขึ้นด้วยเสน่ห์แห่งสตรีเพศ...ข้าสัญญา”
“ตะ...แต่ว่า”
หัวสมองขาวโพลนมึนเมา อยากจะปฏิเสธแต่ทว่าเรียวปากกับถูกปล้นปลิดไปเสียสิ้น จูบของสหายวัยเยาว์ทั้งหวานล้ำและรุกเร้าจนร่างกายไม่อาจต่อต้านผลักไส
