6
บทที่ 6
“ใช่ครับ ถ้ามีรถเครื่องสักคันก็คงไม่ลำบากแล้วครับ” แต่ถ้าต้องใช้การเดินด้วยเท้ามันก็จัดได้ว่าลำบากมาก เพราะต้องเดินออกจากซอยเล็ก ๆ แห่งนี้ แล้วยังต้องเดินออกไปตามซอยหลักอีกเป็นกิโลกว่าจะถึงถนนหมู่บ้าน
“ครับ ผมว่าปู่คิดถูกแล้วครับที่ขาย ที่นี่ไม่เหมาะให้หนูหยินมาอยู่หรอก มันดูเปลี่ยวเกินไปสำหรับเด็กผู้หญิง” เขาคิดแบบนั้นจริง ๆ แต่ถ้าบริษัทที่เจ้านายเป็นหุ้นส่วน สามารถกว้านซื้อได้หมดมันก็คงจะเจริญในอีกไม่ช้า
“ผมไม่อยากขายหรอกครับถ้าไม่จำเป็น เพราะอยากเก็บไว้ให้หลานมากกว่า จอดตรงบ้านหลังนี้เลยครับคุณ” อุดมกล่าวอย่างท้อแท้ แล้วบอกให้เขาจอดที่หน้าบ้านไม้ชั้นเดียวหลังหนึ่ง
“เหมือนจะไม่มีคนอยู่นะครับ” ไซม่อนมองผ่านกระจกรถ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีหมาจึงเปิดประตูลงไปสำรวจด้านนอก “บ้านล็อกนะครับ” เขาบอกกับชายชราที่ลงมาจากรถพร้อมกับหลานสาว
“คงอยู่ในสวนกันแหละครับ” อุดมคาดเดาและมองไปที่บ้านอีกหลังหนึ่งที่ห่างไปประมาณยี่สิบเมตร และเห็นคนในบ้านนั้นออกมาพอดีจึงโบกมือทักทาย
“มาหาใครรึ” ฝ่ายนั้นส่งเสียงถามพร้อมกับเดินมาหา “อุดมใช่หรือเปล่านั่น”
“ฉันเองพี่นวล” อุดมยกมือไหว้สตรีที่สูงวัยกว่าเล็กน้อย “ยังแข็งแรงอยู่เลยนะพี่นวล”
“ก็ตามอัตภาพแหละ แล้วไปไงมาไงล่ะถึงได้มาถึงที่นี่” ศรีนวลถามสามีของเพื่อนบ้านในอดีต ที่ไปทำมาหากินอยู่ในกรุงเทพหลายสิบปี มองไปที่เด็กสาวกับชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง พร้อมกับพยักหน้ารับเมื่อพวกเขายกมือไหว้ “ใครกันล่ะนี่”
“นั่นหลานสาวฉันจ้ะพี่นวล ชื่อหยิน ส่วนคุณคนนี้เป็นคนรู้จักกันจ้ะ เขาจะมาทำธุระแถวนี้พอดีก็เลยติดรถเขามา” อุดมอธิบายให้อีกฝ่ายฟังแล้วมองหน้าของไซม่อน “ขอบคุณมากนะครับคุณที่อุตส่าห์มาส่งเราสองคนถึงที่นี่ เชิญคุณไปทำธุระของคุณเถอะครับ”
“ครับ แล้วปู่จะกลับเมื่อไหร่ครับ”
“กะว่าคุยกับหลานรู้เรื่องแล้วก็จะกลับครับ อาจจะเป็นพรุ่งนี้ตอนสาย ๆ”
“ผมก็จะกลับพรุ่งนี้เหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นขากลับผมจะแวะมารับนะครับ”
“อย่าเลยครับคุณ แค่นี้ผมก็เกรงใจจะแย่แล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ เพราะตรงนี้เป็นทางผ่านของผมอยู่แล้ว พรุ่งนี้ผมจะแวะมารับนะครับ”
“ก็ได้ครับ” อุดมยอมรับน้ำใจของเขาอีกครั้ง เมื่อคิดถึงความสะดวกสบายของหลานสาวเป็นหลัก
“นี่นามบัตรผมนะครับ ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรหาได้ตลอดเวลานะครับ เพราะผมอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เลย ไม่ถึงสิบนาทีก็น่าจะมาถึง ผมไปก่อนนะครับ” ไซม่อนยกมือไหว้ผู้สูงวัยทั้งสองก่อนจะรับไหว้เด็กสาว
“เอ็งรู้เรื่องแล้วรึอุดม” นวลถามสามีของเพื่อนหลังจากไซม่อนเดินจากไป
“เรื่องอะไรเหรอพี่นวล”
“ก็เรื่องที่ของเมียเอ็งไง หลานเอ็งเอาที่ไปจำนองไว้เอ็งไม่รู้เรื่องหรอกรึ”
“เรื่องจริงเหรอพี่นวล” อุดมยกมือกุมหัวใจที่เจ็บแปลบ
“ไปนั่งคุยกันที่บ้านข้าเถอะอุดม หลานเมียเอ็งมันแสบนัก ข้ามีเรื่องเล่ายาวเป็นหางว่าวเลยแหละ”
ไซม่อนได้ยินทุกประโยคการสนทนาของผู้สูงวัยทั้งสอง แล้วหวนนึกถึงคำพูดของผู้เป็นนายขึ้นมาทันที ลางสังหรณ์ของเขาไม่พลาดอีกแล้วสินะ
ชายหนุ่มตัดสินใจขึ้นรถและขับออกไปทั้งที่เป็นกังวล แต่ยังไม่ทันได้ออกไปถึงถนนใหญ่ก็จอดรถเข้าข้างทาง คิดว่าอย่างน้อยก็ควรจะอยู่ให้เห็นหน้าหลานตัวแสบนั่นสักหน่อยแล้วค่อยจากไปจะดีกว่า จึงปรับเบาะเอนนอนแล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านฆ่าเวลา รอที่จะกลับเข้าไปที่บ้านหลังนั้นอีกครั้ง
คำบอกเล่าจากปากของอดีตเพื่อนบ้าน ทำให้อุดมเจ็บจุกที่หน้าอกจนหายใจไม่สะดวก เดือดร้อนถึงหลานสาวต้องหาหยูกยามาบรรเทา
“ทำไมพวกเขาถึงทำกับฉันแบบนี้ล่ะพี่นวล เมียฉันอุตส่าห์ยอมให้พวกเขาใช้ที่ทางทำมาหากินฟรี ๆ เพราะเห็นว่าเป็นญาติพี่น้องกัน แล้วทำไมเขาถึงทำกับฉันแบบนี้” น้ำตาของคนแก่ไหลรินออกมาด้วยความรู้สึกผิดหวังอย่างที่สุด แต่เขาก็ต้องทำเป็นเข้มแข็ง รีบปาดน้ำตาพวกนั้นทิ้งไปเพื่อหลานสาว “แล้วฉันจะทำยังไงกับพวกเขาดีล่ะพี่”
“ข้าเห็นใจเอ็งนะไอ้ดม ข้าอยากจะติดต่อเอ็งมาตลอด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะติดต่อยังไง” ศรีนวลได้แต่ปลอบใจ สงสารแต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง และรู้ว่าการคุยให้รู้เรื่องมันเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะกับคนที่เห็นแก่ตัวพวกนั้น “ที่เอ็งทำได้ตอนนี้ก็คือต้องคุยกับพวกมันให้รู้เรื่อง ว่าจะเอายังไงกันต่อไป”
“ฉันก็หวังว่าจะคุยกันรู้เรื่องนะพี่ ฉันไม่อยากมีปัญหากับพวกเขาหรอก เพราะยังไงมันก็น้องเมีย”
“ก็ลองดูนะ คุยกับมันดี ๆ ล่ะ ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องคุยต่อ เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่อง พวกมันยิ่งบ้าๆ กันอยู่”
“จ้ะพี่”
ปันหยีมองใบหน้าทุกข์ระทมของปู่ด้วยหัวใจที่เป็นทุกข์ไม่ต่างกัน แต่ก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไร เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรกับเรื่องนี้เหมือนกัน เธอได้แต่ชะเง้อคอมองไปที่บ้านของญาติ ที่เคยไปมาหาสู่อยู่สี่ห้าครั้งตอนที่ย่ายังอยู่
“ปู่จ๋า ย่าเล็กกลับมาแล้ว” เกือบ ๆ สี่โมงเย็นเธอก็เห็นสตรีที่พอจะคุ้นหน้าอยู่บ้าง ขี่รถเครื่องกลับมาที่บ้านหลังนั้น จึงรีบบอกปู่พร้อมกับเดินเข้าไปประคองให้ท่านลุกขึ้น
“ใจเย็น ๆ ล่ะดม นางเล็กมันไม่เหมือนแต่ก่อนแล้วนะ” ศรีนวลเตือนสติอดีตเพื่อนบ้าน ที่กำลังเดินออกไปจากบ้านของนาง “ถ้ามีปัญหาอะไรก็กลับมาที่นี่ได้นะ”
“จ้ะพี่ ฉันไปก่อนนะ”
“หนูไปก่อนนะคะยาย” เด็กสาวยกมือไหว้เพื่อนบ้านของปู่อย่างนอบน้อมก่อนจะจากไป
