บทที่ 7. เมื่อต้องเผชิญกับความเป็นจริงที่ไม่อิงนิยาย...
“อะไรนะ ไม่มีทาง ไม่ๆๆ ม่ายยยยย”
เอี๊ยดด.. เสียงห้ามล้อดังสนั่นทินวัฒน์ซึ่งเบรกรถกะทันหันจนหัวทิ่มหากไม่คาดเข็มขัดนิรภัยเห็นทีต้องมีใครพุ่งทะลุกระจกรถออกไปบ้างล่ะ
“นี่นังหงส์ นังบ้า แหกปากทำไม ละเมอเหรอยะ ฉันตกใจแทบหักพวงมาลัยชนต้นไม้ข้างทางโอยๆ หัวใจอีทิมมี่จะวาย...”
“ฉัน ฉัน ขอ โทษ แหะๆๆ” นวลหงส์ลืมตาตื่นตะลึงอ้าปากค้าง มือง้างค้างไว้อยู่กลางอากาศท่าทางน่าขบขัน หากเป็นยามปกติที่ไม่ใช่เกือบขับรถพุ่งชนต้นไม้ข้างทางเช่นนี้ทินวัฒน์คงขำท้องคัดท้องแข็งที่เพื่อนรักละเมอร้องเสียงหลงหน้าตาเหรอหรา...
“ขอโทษแล้วได้อะไรยะ ได้ไปเฝ้ายมบาลที่ยมโลกน่ะสิ นังหงส์นี่แกดูเพี้ยนๆ ไปนะ เป็นไรมากรึเปล่าแก..”
“เปล่า นี่ปกติดี แค่เผลอหลับแล้วก็ฝันไป” เมื่อเห็นเพื่อนรักมองเขม็งมาอย่างไม่ค่อยเชื่อถือเธอจึงเสเสยผมและขยับกายนั่งตัวตรงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แกแน่ใจนะยะ ว่าไม่มีไรปิดบังฉัน”
ทินวัฒน์หันมาเขม้นมองเพื่อนรักด้วยแววตาคาดคั้น เซ้นส์กะเทยไม่เคยผิด...
“ก็ ไม่รู้สิ มันบอกไม่ถูก เฮ้ยแก จะมาถามอะไรตอนนี้วะ ขับรถต่อสิ อูยปวดฉี่ว่ะเจอปั้มข้างหน้าแวะด้วยนะ อ้าวมองทำไมขับรถสิ นังคนนี้นี่ ฉันป่วยอยู่นะ ไปสิไปอั้นฉี่มากๆ กระเพาะปัสสาวะอักเสบอีก” นวลหงส์ พูดกลบเกลื่อนเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักยังคงมองมาแบบไม่ค่อยเชื่อถือเธอก็ทำตัวเป็นคุณนายสั่งคนขับรถเสียเลย
“จ้า แม่คุณนาย อย่าให้ฉันรู้นะว่าหล่อนมีอะไรดีๆ แล้วไม่บอกฉันน่ะ”
“จะมีอะไรดีๆ วะคนเพิ่งจะซวยไปหยกๆ แถมเจอผีในฝัน แล้วก็แหวนหมั้น..” หญิงสาวบ่นเพื่อนรัก แต่ปลายประโยคสุดท้ายกลับแผ่วเบา เธอกำมือข้างซ้ายไว้แน่นจนรับรู้ได้ถึงความอุ่นซ่านจากแหวนวงสวยที่ส่งผ่านมาสู่เธอ
“หนูดาวจะอยู่กับพี่หงส์ตลอดตราบใดที่พี่หงส์ยังสวมแหวนอยู่” เสียงกระซิบแผ่วเบาลอยมากระทบโสตประสาททำให้เธอรับรู้ว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่มันไม่ใช่แค่ความฝันดวงตากลมโตกลอกไปมามองเลิ่กลั่ก
“นี่นังหงส์แกเป็นไรนักหนาฮึ” สุดท้ายทินวัฒน์ที่แอบสังเกตกิริยาของเพื่อนรักก็เอ่ยขึ้นเมื่อนำรถเข้ามาจอดในปั๊มน้ำมันให้นวลหงส์เข้าห้องน้ำ
“แกเห็นอะไรไหม ทิมมี่”
แทนที่จะตอบคำถามเพื่อนรักนวลหงส์กลับยื่นมือมาให้ดู ทินวัฒน์ขมวดคิ้วยุ่งมองมือกับใบหน้าเหรอหราของนวลหงส์อย่างไม่เข้าใจ พลางคิดในใจว่าเพื่อนรักคงโดนรถชนจนกระทบกระเทือนไปถึงเส้นประสาท
“อะไรของแกวะ เห็นอะไร้..” ทินวัฒน์ทำเสียงสูง
“ก็ที่มือฉันไง แกดูสิ มีอะไรเพิ่มขึ้นมาหรือผิดสังเกตไหมเล่า ดูดิ”
“โอ้ว.. แม่เจ้า ไม่ๆ เป็นไปไม่ได้ เม็ดใหญ่ม้ากกก..” และเมื่อเพื่อนรักยังคงยืนกรานให้เขาดูมือของตน ทินวัฒน์ก็ถึงกับตาเหลือกลาน อุทานออกมาอย่างตื่นเต้นจนลืมรักษาท่าทีอย่างสุภาพบุรุษ จนเมื่อรู้ตัวเขาจึงกระแอมเบาๆ ก่อนจะยืดตัวเต็มความสูงแล้วจูงมือบางของนวลหงส์ ไปที่รถแล้วดันร่างบางของเพื่อนรักเข้าไปในรถในกิริยาที่เรียกว่าจับยัดกันเลยทีเดียว
“แกเม้าท์มาเดี๋ยวนี้ว่าแหวนเพชรนี้วงนี้แกแต่ได้แต่ใดมานังนวลหงส์ มันอลังการม้ากกก โอ้ว กะเทยตื่นเต้นเหมือนได้สวมแหวนเอง..” เมื่อเข้ามาอยู่ในรถทินวัฒน์ก็เก็บอาการไม่อยู่วี้ดว้ายเป็นการใหญ่
“มันเป็นแหวนหมั้น...”
“หา แหวนหมั้น ใครๆๆ ชายหนุ่มคนไหนมาหมั้นแก บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ แล้วทำไมฉันไม่รู้หาๆๆ” ทินวัฒน์ตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่เขย่าร่างบางของเพื่อนรักจนหัวสั่นหัวคลอน
“โอ๊ยย.. หยุดๆๆ ก่อนที่ฉันจะหัวหลุดซะก่อนนังทิมมี่” นวลหงส์ ร้องขัดขึ้นเมื่อแม่เพื่อนรัก ตื่นเต้นมากมายแทบจะเขย่าเธอจนหัวจะหลุดออกจากบ่า
“เออ โทษทีแก อิอิ ไหนว่ามาสิ.. เล่ามาให้หมดอย่าหมกเม็ด” ทินวัฒน์ละมือจากบ่าของเพื่อนรักแล้วทำหน้าแบบนักเรียนที่ตั้งใจฟังครูสอน นวลหงส์มองค้อนแล้วถอนใจเบาๆ ก่อนจะพูด
“มันเป็นแหวนหมั้นของอีตาช้างน้ำตกมัน” ทินวัฒน์ก็ทำตาโตห่อปากอย่างไม่อยากจะเชื่อพร้อมกับทำท่าจะพูดสวนออกมาแต่นวลหงส์ยกมือเป็นเชิงห้ามและทำสัญญาณให้เพื่อนรักฟังเพียงอย่างเดียว
“หยุด แกไม่ต้องพูด.. แล้วก็ฟังให้จบและแกก็ห้ามว่าฉันบ้าด้วยโอเค้ เอาล่ะฟังนะทิมมี่คือเรื่องมันมีอยู่ว่า..” แล้วหญิงสาวก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเองให้ทินวัฒน์ฟังอย่างหมดเปลือก...
