ตอนที่2
ไร่พงษ์พิทักษ์
เชียงใหม่
“คุณพิมริสาใช่มั้ยครับ”
ลุงชมคนขับรถของไร่พงษ์พิทักษ์เปิดดูรูปที่ทินกรส่งมาให้เขาเพื่อทีจะมารับหญิงสาวได้ถูกคนเขายืนมองหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าน่าจะเป็นคนเดียวกันเขาจึงเดินเข้ามาทักเธอ
“อ๋อ...ใช่ค่ะ”
พิมริสารู้ว่าคนจากจะมารับเธอที่สนามบินและลุงผู้ชายคนตรงหน้าเธอก็น่าจะเป็นคนจากไร่เพราะเรียกชื่อเธอได้ถูก
“ผมลุงชมมารับคุณไปที่ไร่พงษ์พิทักษ์น่ะครับ”
“สวัสดีค่ะลุงชม”
พิมริสาเห็นว่าลุงชมเป็นคนของไรเธอจึงสวัสดีเขาตามมารยาทเพราะลุงชมแก่กว่าเธอ
“ไม่ต้องไหว้ผมหรอกครับคุณพิม”
ลุงชมเองถึงกับทำตัวไม่ถูกที่หญิงสาวมาไหว้เขาเพราะอีกหน่อยหญิงสาวก็คงจะเป็นแม่เลี้ยงของไร่เท่ากับเป็นนายของเขาอันที่จริงเขาต้องไหว้หญิงสาวมากกว่า
“ลุงชมเป็นผู้ใหญ่พิมต้องไหว้สิคะถึงจะถูก”
พิมริสาเองถึงกับทำหน้างงว่าที่เธอไหว้ลุงชมมันผิดตรงไหน
“แล้วแต่คุณพิมเลยครับ”
ลุงชมได้รับหน้าที่มารับหญิงสาวเมื่อรู้ว่าใช่คนเดียวกันเขาจึงรีบยกกระเป๋าของหญิงสาวแล้วเดินนำเธอมาที่รถทันทีเพราะนี่มันก็ใกล้ที่จะค่ำมากแล้วมัวยืนเถียงกันเรื่องรับไหว้ก็คงจะมืดพอดี
“อืม..ลุงชมคะอีกนานมั้ยคะกว่าจะถึงบ้าน”
พิมริสาเห็นป้ายใหญ่ๆบอกทางมาที่ไร่ตั้งแต่ปากทางเข้าเธอคิดว่ามันน่าจะถึงแล้วแต่นี่ลุงชมขับรถมาได้สักพักเธอยังไม่เห็นวี่แววว่ามันจะมีบ้านสักหลังเดียวเลยมีแต่คอกวัว..ฟาร์มแกะและก็คอกม้าหลายแห่งอยู่เหมือนกันมันทำให้เธอเพลินตาอยู่ไม่น้อยแต่ก็อดถามไม่ได้จริงๆว่าเมื่อไรจะถึงเพราะฟ้ามันก็เริ่มจะมืดลงแล้วด้วย
“ฮ่าๆๆ...ใครมาที่นี่ครั้งแรกก็ต้องถามอย่างนี้กันทุกคนครับคุณพิม..อีกประมาณสิบกิโลครับกว่าจะถึง”
ลุงชมถึงกับต้องออกมาเพราะเขาสังเกตุว่าหญิงสาวมองซ้ายมองขวาอยู่นานแล้วอันที่จริงมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ใครมาบ้านไร่ที่นี่ก็ต้องถามว่าเมื่อไรจะถึงก็เพราะพ่อเลี้ยงที่นี่ค่อนข้างที่จะรักสันโดดเลยปลูกบ้านอยู่ซะไกลห่างผู้คนอยู่มาก
“อ๋อ...ค่ะ”
พิมริสาเองได้ยินคำตอบเธอค่อยสบายใจหน่อยถึงมันจะค่อนข้างอีกไกลแต่เธอก็รู้แล้วว่าจุดหมายอยู่ไกลแค่ไหนตอนนี้เธอก็ขอนั่งรถชมบรรยากาศของไร่ตอนพระอาทิตย์ตกที่นี่หน่อยก็แล้วกันเธอพบว่ายิ่งเข้ามาในไร่ลึกเท่าไรความสวยงามของที่นี่มันยิ่งมากขึ้นเท่านั้นถึงแม้แสงมันจะเริ่มสลัวแล้วก็ตามที่นี่มีทั้งไร่องุ่นไหนจะเป็นไร่สตรอเบอรี่และแปลงผักอีกมากมายจนสุดลูกหูลูกตาเมื่อเธอมองไปมันช่างเป็นภาพที่สวยงามสำหรับเธอมากคงจะสนุกอยู่ไม่น้อยถ้าเธอนั้นมาเที่ยวแต่นี่เธอมาเพราะจุดประสงค์อื่นนี่สิยิ่งคิดใจเธอก็ยิ่งห่อเหี่ยว
“นี่คุณพิมมาคนเดียวหรอครับ...หรือว่าคุณแม่คุณตามมาทีหลัง”
ลุงชมรู้สึกแปลกใจที่คุณหญิงดวงฤดีกล้าปล่อยให้ลูกสาวมาที่นี่เพียงลำพังแถมยังให้นั่งเครื่องมาเองอีกด้วยเขาคิดว่าไม่แน่แม่ของหญิงสาวอาจจะตามมาทีหลังเขาจึงถามเธอขึ้น
“อะ..อ๋อ..พิมมาคนเดียวค่ะ...คุณแม่พิมท่านสุขภาพไม่ค่อยดีท่านเลยมาไม่ไหวค่ะ”
พิมริสาลืมไปเสียสนิทว่าต้องบอกกับคนที่นี่ว่าเธอเป็นลูกแท้ๆของแม่บุญธรรมของเธอหญิงสาวจึงหาข้ออ้างว่าที่แม่ของเธอไม่สามารถมาได้เพราะช่วงนี้ท่านสุขภาพไม่ค่อยดี
“แล้ววันแต่งงานคุณหญิงจะมามั้ยครับผมจะได้บอกแม่บัวให้เตรียมห้องไว้ต้อนรับ”
ลุงชมเองที่ถามหญิงสาวก็เพราะว่าคนเป็นแม่ลูกกันเมื่อถึงวันสำคัญของลูกสาวคนเป็นแม่ก็คงจะต้องมาร่วมแสดงความยินดีถึงแม้การแต่งงานครั้งนี้จะเหมือนคลุมถุงชนไปหน่อยก็เถอะเขาจึงถามเพื่อความแน่ใจจะได้ให้สายบัวภรรยาของเขาที่ทำงานเป็นแม่บ้านที่นี่จัดห้องเอาไว้ให้
“พิมว่าคุณแม่น่าจะมาไม่ได้ค่ะ...”
พิมริสาตอบลุงชมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแหยๆพร้อมหลบสายตาเล็กน้อยอันที่จริงหญิงสาวเองไม่ได้อยากโกหกใครเท่าไรแต่มันเป็นความจำเป็นที่เธอต้องทำแบบนี้
“ถึงแล้วครับคุณพิมตามผมมาเลยครับคุณภาครออยู่ด้านในครับ”
“ค่ะ”
พิมริสาลงจากรถได้เธอยืนมองหน้าบ้านที่เป็นบ้านไม้สักทองที่ค่อนข้างใหญ่และตกแต่งทันสมัยถือได้ว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่น่าอยู่หลังนึงเลยแต่เธอดูแล้วหลังนี้ถ้าตีมูลค่าก็น่าจะหลายสิบล้านยังไม่นับหลังเล็กที่อยู่ตรงข้างๆกันอีกด้วย
หญิงสาวสูดหายใจเข้าออกลึกๆอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเข้าไปในบ้านเธอไม่รู้ว่าคนที่นี่จะต้อนรับเธอดีเหมือนกับลุงชมมั้ยแต่เธอเองก็ขอฉีกยิ้มเป็นมิตรกับทุกคนไว้ก่อนก็แล้วกัน
“คุณพิมมาแล้วค่ะคุณภาค”
ป้าสายบัวเป็นภรรยาของลุงชมแล้วก็เป็นแม่บ้านที่นี่ด้วยเมื่อเห็นว่าผู้เป็นสามีเดินนำหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มมาเธอก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นพิมริสาเธอจึงส่งเสียงบอกกับภควัตรว่าหญิงสาวมาถึงแล้ว
“สวัสดีค่ะ”
“เอ่อ..สวัสดีค่ะ”
พิมริสาเห็นหญิงวัยกลางคนซึ่งน่าจะเป็นแม่บ้านที่นี่เธอจึงยกมือสวัสดีเธอตามมารยาทเพื่อผูกมิตรกับคนที่นี่ไว้ป้าสายบัวเองรับไหว้หญิงสาวแทบไม่ทันเพราะน้อยคนนักที่มาที่นี่แล้วจะยกมือไหว้แม่บ้านอย่างเธอ
“ลุงชมกับป้าบัวไปพักเถอะครับเดี๋ยวผมคุยกับเธอเอง”
ภควัตรนั่งอยู่บนรถเข็นมองทอดออกไปนอกหน้าต่างเขาหันมามองหญิงสาวด้วยสายตาที่เรียบเฉยเพราะป้าสายบัวส่งเสียงบอกว่าหญิงสาวมาแล้วเมื่อเห็นว่าหมดหน้าที่ของทั้งลุงชมและป้าสายบัวแล้วเขาจึงสั่งให้ทั้งสองไปพักได้ส่วนหญิงสาวที่ยืนนิ่งงันอยู่เขาขอเป็นคนคุยกับเธอเอง
“ค่ะคุณภาค/ครับคุณภาค”
ทั้งป้าสายบัวและลุงชมต่างก็เดินออกจากบ้านไปตามคำสั่งของพ่อเลี้ยงของที่นี่ทั้งสองมีสีหน้าที่หวั่นใจอยู่เล็กน้อยว่านายหัวของพวกเขานั้นจะเล่นอะไรพิเรนกับหญิงสาวที่จู่ๆมาสั่งให้พวกเขาเล่นตามบทว่าพ่อเลี้ยงตัวเองเป็นคนพิการแบบนี้
“สวัสดีค่ะคุณภาค...พิมยินดีที่ได้รู้จักคุณนะคะ”
พิมริสาเองคราแรกก็ยืนเก้ๆกังๆตั้งแต่เห็นว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนรถเข็นหันมาแล้วเธอคิดว่าที่คุณหนูพลอยบอกว่านายหัวที่จะต้องแต่งงานด้วยพิการเขาคงเดินไม่ได้สินะหญิงสาวเห็นชายหนุ่มแล้วเธอไม่ได้รังกียจอะไรเขาสักนิดเธอกลับรู้สึกสงสารเขาด้วยซ้ำ
