บทที่ 3
บทที่ 3
ซันอธิบายพลางเลื่อนสายตาไปมองข้างหน้า ก่อนจะค่อยๆ ชะลอรถให้รถคันอื่นของทีมบอดี้การ์ดมาขับเทียบด้านข้าง แล้วหาโอกาสเลี้ยวหลบไปอีกทาง โดยใช้รถของทีมสกัดไว้ เพื่อไม่ให้รถคันนั้นสามารถตามขับมาได้ทัน
หญิงสาวเห็นซันตั้งใจขับรถอยู่จึงไม่ถามอะไรเธอนั่งนิ่งแล้วคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาเงียบๆ
‘ธารทีรา บริพัฒน์สกุลเกียรติ’ หรือ ‘ไอซ์’ ลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณจอห์นและคุณหญิงโสภา บริพัฒน์สกุลเกียรติ ตัวเธอมีพี่ชายหนึ่งคนอายุมากกว่าเธอห้าปีคือ ‘ซีล’หรือ ‘หนึ่งนที บริพัฒน์สกุลเกียรติ’
บ้านบริพัฒน์สกุลเกียรตินั้นทำธุรกิจหลายอย่างทั้งขาวและเทา ซึ่งธุรกิจที่ทุกคนรู้จักดีก็คือโรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน ห้างสรรพสินค้า และกาสิโนที่คุณจอห์นทุ่มทุนสร้างกับเพื่อนสนิท
ธารทีราถูกส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศตั้งแต่อายุห้าขวบ โดยมีป้านมและพี่เลี้ยงตามไปดูแลแค่สองคน โดยหญิงสาวเรียนจบคณะแพทย์ศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยชื่อดังในอเมริกา
ปัจจุบันหญิงสาวมีอายุยี่สิบสี่ปี ซึ่งครั้งนี้คือครั้งแรกที่เธอได้กลับมาที่ประเทศไทยในรอบสิบเก้าปี
หญิงสาวตั้งใจไว้ว่าจะกลับมาช่วยพี่ชายบริหารโรงพยาบาลเนื่องจากเรียนจบทางสายนี้มา และทางคุณจอห์นกับคุณหญิงโสภาก็ตั้งใจว่าจะยกโรงพยาบาลนี้ให้ลูกสาวอยู่แล้ว
แต่ใครจะไปคิดว่ากลับมาเพียงวันแรกก็โดนตามล่าเสียแล้ว ไม่คิดเลยว่าศัตรูของพ่อและพี่ชายจะจมูกดีขนาดนี้
เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้นจากด้านหลังครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ซันเหลือบตาไปมองผ่านทางกระจกมองหลังโดยไม่ได้ถามอะไรคุณหนูของตนเนื่องจากสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาในเวลานี้ก็คือการพาคุณหนูไปหลบซ่อนได้อย่างปลอดภัย…
ผับ P
บนชั้นสองของผับชื่อดัง มีร่างของชายหนุ่มชุดดำกำลังนั่งก้มหน้าทำงานด้วยความเคร่งเครียด
ครืด ครืด..
แรงสั่นของโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำให้เขาเงยหน้าขึ้นแล้วหยิบมันขึ้นมาดู
สายเรียกเข้า : ซีล
เมื่อเห็นว่าเป็นใคร ชายหนุ่มก็กดรับสายทันที
“อื้ม” เขตแดนฮัมเสียงในลำคอเพื่อให้ปลายสายรู้ว่าเขาฟังอยู่
“มึงอยู่ไหน”ปลายสายรีบถามขึ้นทันที ในขณะที่กำลังนั่งรถไปตามจีพีเอสที่ลูกน้องในทีมของซันส่งมา
“ผับ”เขตแดนตอบเสียงนิ่งๆ เหมือนใบหน้าของตนในขณะนี้ ถึงแม้ว่าในใจจะกำลังสงสัยเรื่องของเพื่อนก็ตาม
“ไอ้ซันกำลังพาน้องสาวกูไปที่นั่น ฝากด้วย”
“น้อง?” เขตแดนขมวดคิ้วสงสัยแล้วทวนคำพูดของเพื่อนสนิทด้วยความไม่แน่ใจ
“เออ น้องสาวกู”
“มึงไม่มีน้อง” เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขตแดนก็พูดขึ้นเพราะเขาเป็นเพื่อนกับอีกฝ่ายมาตั้งแต่เด็ก มีห่างกันแค่ช่วงหนึ่ง ซึ่งเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเพื่อนสนิทที่รักกันมาก และรู้เรื่องทุกเรื่องของกันและกันจะมีน้องสาวด้วย
“ใครบอกมึงว่ากูไม่มี”หนึ่งนทีถามกลับเสียงเข้ม
“แล้วทำไมถึงให้มาที่นี่”
เมื่อเห็นว่าน้ำเสียงของเพื่อนดูจริงจัง เขตแดนจึงไม่ได้ถามอะไรเกี่ยวกับน้องสาว แต่เลือกถามถึงสาเหตุที่เพื่อนส่งน้องสาวมาที่นี่เพราะฟังจากน้ำเสียงของหนึ่งนทีในตอนนี้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นคงไม่ปกติแน่นอน
“มีปัญหานิดหน่อย เดี๋ยวกูจัดการเสร็จจะไปรับเอง”
หนึ่งนทีไม่อยากบอกอะไรเพื่อนในตอนนี้มากนัก จึงบอกปัดไปแบบนั้น
“อื้ม” เมื่อเพื่อนไม่พูด เขตแดนก็ไม่ได้คิดซักไซ้ถามอะไร เพราะนี่ไม่ใช่นิสัยเขาอยู่แล้ว
และเมื่อวางสายจากเพื่อนแล้ว เขตแดนก็ติดต่อลูกน้องให้จัดการเรื่องนี้และเมื่อสั่งงานเสร็จ เขาก็มานั่งคิดอะไรบางอย่างเงียบๆ คนเดียว
เมื่อนึกถึงคนบางคนในความทรงจำ ดวงตาที่สงบนิ่งมาโดยตลอดก็ไหววูบไปเล็กน้อย…
