ตอนที่ 7
ตอนที่ 7
‘ทำไมถึงติดตาได้ขนาดนี้วะ’…อาทิตย์นึกสงสัยในใจ เขาพยายามละความสนใจจากเด็กเฟรชชีหน้าใสคนนั้น ดึงสายตากลับมาตรงหน้าตนเอง พยายามมองกลุ่มสาว ๆ ที่เดินเข้าออกในโรงอาหาร ทว่าในหัวกลับมีแต่ใบหน้าของน้องที่ลอยเข้ามา
“คืนนี้ไปกินเหล้ากันดีกว่า” อาทิตย์เอ่ยขึ้นมาเมื่อปัดภาพอีกคนออกไปไม่ได้ จึงคิดว่าไปปลดปล่อยอารมณ์ดีกว่า
เพื่อนทั้งสองที่กำลังมองสาวอยู่ รีบหันกลับมาที่ต้นเสียงทันที
“ที่ไหน มึงนัดมาเลย” แชมป์ตอบรับคำชวนทันที
“ที่เดิม” อาทิตย์ตอบกลับสั้น ๆ ที่เดิมที่เขาพูดถึงคือ ผับ THE SUN ที่ไปกันอยู่เป็นประจำจนคุ้นเคย ที่นั่นสาว ๆ เยอะและเด็ด ๆ กันทั้งนั้น
“เวลาเดิมนะมึง” แบงค์เอ่ยขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น
“อื่ม” อาทิตย์พยักหน้ารับ เขาชวนไปเที่ยวผับก็เพราะอยากไปเจอสาว ๆ คนอื่น ที่จะทำให้เขาลบภาพน้องเฟรชชีออกจากหัวได้
ผ่านไปไม่กี่นาที รุ่นน้องสาวต่างคณะก็เดินผ่านหน้าเขาเพื่อออกจากโรงอาหารไป
ใบหน้าสวยเรียบนิ่ง ลำคอของเธอตั้งตรงราวกับคนที่เย่อหยิ่งนัก เธอไม่สนใจคนรอบข้างสายตามองตรงไปข้างหน้า แม้ว่าเพื่อน ๆ ของอาทิตย์แซวอะไร เธอก็เมินเฉยจนเดินพ้นออกไป
ริมฝีปากหยักลึกกระตุกยิ้ม อาทิตย์มองตามหลังคนตัวเล็กจนสุดสายตา เด็กคนนี้ท่าทางจะไม่ธรรมดา เพิ่งเข้าปีหนึ่ง ก็หยิ่งซะแล้ว แบบนี้น่าสนใจจริงๆ
ม่านฟ้าหย่อนสะโพกลงที่ม้านั่งหน้าตึกคณะ เธอถอนหายใจออกมายาวเหยียด เพราะต้องเดินเกร็งคอมาตั้งนานกว่าจะผ่านพวกชอบแซวออกมาได้
“เห้อ น่าเบื่อ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้ชายคณะวิศวะถึงได้ชอบสุมหัวแซวผู้หญิงนัก คณะบริหารที่เราเรียนไม่เห็นมีใครทำแบบนั้นเลย ดูสิก็ต่างคนต่างอยู่ไหมไม่มีใครแซวเลย” ม่านฟ้าถอนหายใจและพูดขึ้นมาอย่างเบื่อๆ กับเพื่อนทั้งสอง
หญิงสาวกวาดตามองเพื่อนผู้ชายร่วมคณะก็เห็นแต่คนจับกลุ่มคุยกันในกลุ่มตัวเอง ไม่มีใครจ้องผู้หญิงตามัน ไม่เอ่ยแซวรบกวนใคร ผิดกับพวกวิศวะอย่างสิ้นเชิง
ที่น่ากลัวกันทั้งนั้น ไม่มีใครน่าเข้าใกล้เลยสักคน
“ก๋วยเตี๋ยวอร่อยเนอะ วันหลังไปกินอีกดีกว่า” เตยหอมพูดขึ้นพร้อมกับพยักหน้าให้เพื่อนๆ
“แกไปเถอะ ฉันไม่ไปแล้ว” ม่านฟ้าเอ่ยขึ้นมาทันทีหลังจากที่เตยหอมติดใจก๋วยเตี๋ยวและอยากกลับไปกินอีกครั้ง
“ฮ่า ๆ ฉันพูดเล่น ฉันก็รำคาญที่ต้องโดนแซวเหมือนแกแหละ” เตยหอมพูดจบก็เบะปากคว่ำ เธอจ้องหน้าหนุ่ม ๆ พวกนั้น ตาขวางอย่างให้รู้ว่าไม่พอใจ แต่หนุ่มคณะนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแซวอยู่ดี จนพวกเธอต้องรีบเดินออกมาให้พ้น
“ฉันก็ไม่ไปแล้ว น่าเสียดายจัง ร้านนั้นน่าจะมาเปิดขายที่คณะเรา หากร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้านี้มาเปิดที่คณะ ฉันคงเป็นลูกค้าประจำแน่นอน” มะปรางเอ่ยออกมาอย่างเห็นด้วย
“เย็นนี้เราไปกินข้าวด้วยกันปะ” เตยหอมเอ่ยถามขึ้นมาเพราะในช่วงเย็น ๆ พวกเธอก็มักจะรวมตัวไปกินข้าวด้วยกันอยู่เป็นประจำ
“เย็นนี้ฉันไปบ้านอะ พ่อกับแม่บ่นคิดถึงน่ะ เลยให้คนรถมารับไปกินข้าวเย็นด้วย” ม่านฟ้าคลี่ยิ้มให้เพื่อนๆ
“โอเค รับทราบ ฉันไปกับมะปรางสองคนก็ได้” เตยหอมก็เข้าใจและนัดกันไปแค่สองคนกับมะปราง
ตกเย็นม่านฟ้ามารอคนขับรถของพ่อที่จะมารับหน้าคอนโด สักพักลุงคนขับก็มาถึง ม่านฟ้ากลับบ้านแบบไม่อิดออดเพราะตั้งแต่ที่มาอยู่คอนโด เธอก็ไม่ได้กลับบ้านเลย เธอก็คิดถึงท่านเหมือนกัน
“เจ้าขาลูกแม่” นวลปรางยืนรอรับลูกสาวอยู่หน้าบ้านพร้อมกับสามี เมื่อลูกสาวลงจากรถก็อ้าแขนออกทันที
ม่านฟ้าหวนคิดถึงเมื่อวัยเด็ก พอเธอกลับมาจากโรงเรียนก็จะเจอพ่อแม่มายืนรอรับอยู่แบบนี้ หญิงสาวเดินเข้าไปสวมกอดมารดา แล้วค่อยกอดบิดาเหมือนทุกครั้ง
“สวัสดีค่ะแม่ สบายดีไหมคะพ่อ” เธอทักทายทั้งสองคนออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“สบายดีลูก แล้วเจ้าขาไปอยู่คนเดียวอยู่ได้แน่นะ” ฉัตรเทพมองลูกรักที่ใบหน้ายังสดใสอยู่เหมือนเดิม เขากลัวว่าลูกจะแกล้งทำเพื่อให้เขาสบายใจจึงถามออกไปอีกครั้ง
“อยู่ได้สิคะพ่อ สบายมากเลยค่ะ”
น้ำเสียงร่าเริงและแววตาที่มีความสุขของม่านฟ้า ทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่ใจชื้นขึ้น
“แล้วเป็นยังไงบ้าง เล่าให้แม่ฟังบ้างสิ” นวลปรางและสามีโทรหาลูกอยู่เป็นประจำ แต่ก็คุยกันได้ไม่นานก็ต้องวางสายและมันไม่เหมือนกับคุยแบบนี้
“เข้าข้างในบ้านกันค่ะ เดี๋ยวเจ้าขาเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเลย” ม่านฟ้าโอบเอวพ่อแม่คนข้างแล้วชวนกันเข้าบ้าน
“แม่ก็ลืมตัวเลยเนี่ย ถึงว่าสิปวดขามาก” นวลปรางหัวเราะ เธอดีใจที่ได้เจอหน้าลูกจนลืมตัวว่าไม่ได้ชวนกันเข้าไปนั่งในบ้าน
“ไปที่โต๊ะอาหารเลยดีกว่า แม่บ้านน่าจะตั้งโต๊ะกันเสร็จแล้ว” ฉัตรเทพเอ่ยขึ้นมา คนขับรถคอยรายงานว่ารับม่านฟ้าแล้ว ฉัตรเทพจึงสั่งให้แม่บ้านตั้งโต๊ะเลย
