บทที่ 1 ทายาทอันดับสองของตระกูลมหาเศรษฐี
“เซวียนอวิ๋นซี” เป็นชื่อที่หลายคนในวงการธุรกิจอสังหาริมทรพัย์ และบริษัทก่อสร้างระดับประเทศต่างรู้จักกันดี ในฐานะทายาทคนรองของตระกูลเซวียน ซึ่งเป็นตระกูลมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยอันดับหนึ่งของประเทศ
เจ้าของอาณาจักรธุรกิจที่ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้างอาคารสูง บ้านพักตากอากาศ โรงแรมหรู ไปจนถึงเครือซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารระดับห้าดาวและบริษัทติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ที่ครบวงจร
ถึงแม้เธอจะเป็นทายาทคนรองจากพี่ชาย แต่ไม่เคยใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยไปวัน ๆ ตามประสาคุณหนูทั่วไป เนื่องจากเธอเลือกเรียนด้านสถาปัตยกรรมควบวิศวกรรมโยธาจนจบระดับปริญญาโทก่อนอายุยี่สิบสี่ปี
ด้วยความเก่งกาจรอบด้านจึงช่วยงานของตระกูลอย่างน่าเชื่อถือ ภายหลังเรียนจบเธอได้เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบโครงการระดับประเทศ โดยเป็นบริษัทในเครือของตระกูลตั้งแต่อายุยังน้อย
ที่สำคัญเธอยังไม่มีคนรักเช่นหญิงสาวคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะมีหนุ่ม ๆ ในวงการธุรกิจหรือวงการนักแสดงเข้ามาจีบเธอ แต่พวกเขากลับไม่เป็นที่ถูกใจเธอเสียอย่างนั้น
“ซีซีวันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้นที่บริษัทนะลูก อย่าลืมเอกสารโครงการที่พ่อสั่งไว้ล่ะ” เสียงของเซวียนไห่ซวนผู้เป็นพ่อตะโกนตามหลังลูกสาวของเขา
“ได้ค่ะคุณพ่อเดี๋ยวเจอกันที่บริษัทนะคะ” เซวียนอวิ๋นซีตอบพลางหยิบแท็บเลตกับแฟ้มงานก่อนจะวิ่งไปขึ้นรถสปอร์ตขับออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่
เซียงเชียนอิงเห็นก็ร้องเตือนตามหลังลูกสาว “ซีซีไม่ต้องรีบและอย่าขับรถเร็วด้วยนะ เฮ้อ ดูทำเข้าเป็นผู้หญิงแท้ ๆ ชอบจริง ๆ ทำตัวกระโดกกระเดก”
“เอาน่าคุณลูกเป็นตัวของตัวเองก็ดีแล้วล่ะ เรื่องขับรถก็ตามประสาวัยรุ่นยุคนี้คุณอย่าคิดมากเลยมานั่งกินอาหารเช้ากันต่อดีกว่า”
“ก็ได้ค่ะ ป้าถิงอย่าลืมไปปลุกคุณชายด้วยล่ะ ประเดี๋ยวจะเข้าบริษัทไม่ทันประชุมผู้ถือหุ้น”
“ค่ะคุณผู้หญิง เดี๋ยวป้าจะไปปลุกคุณชายให้เองค่ะ”
ความสำเร็จในหน้าที่การงานของเซวียนอวิ๋นซีที่ได้มา แม้จะมาจากความพยายามของเธอเอง แต่มีบ่อยครั้งที่คนนอกมักคิดว่าเธอใช้เส้นสายของตระกูล เพื่อไต่เต้าให้ได้มาในตำแหน่งผู้บริหาร
ทั้งที่ความเป็นจริงเซวียนอวิ๋นซีสอบได้อันดับต้น ๆ ของประเทศตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยมปลาย เรียนจบปริญญาด้วยเกียรตินิยม แม้แต่บริษัทต่างชาติยังยื่นข้อเสนอยินดีมอบเงินเดือนที่สูงลิ่ว เพื่อดึงตัวเธอไปทำงานยังต่างประเทศ
แต่เพราะเป็นคนรักครอบครัวที่สนับสนุนเธอทุกอย่าง จึงเลือกที่จะช่วยทำงานให้บริษัทของตระกูลมากกว่า หากปล่อยให้พี่ชายที่ยังไม่แต่งงานเสียทีทำเพียงลำพัง คงจะล้มป่วยเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอเอาได้
กระทั่งวันหนึ่งก่อนเซวียนอวิ๋นซีจะออกจากบ้าน แม่ของเธอที่รู้สึกใจหายทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอาการแบบนี้เลยสักครั้ง เซียงเชียนอิงตัดสินใจเรียกลูกสาวและโอบกอดเธอเอาไว้แน่น จนอีกฝ่ายงุนงงกับอาการของคนเป็นแม่
“ซีซีวันนี้แม่รู้สึกใจคอไม่ดีเลย หนูไปทำงานต้องระมัดระวังให้มากนะ”
“ได้สิคะ หนูจะระมัดระวังในการทำงานให้ดีแน่นอน คุณแม่ทำใจให้สบายนะคะการทำงานเกี่ยวกับการก่อสร้างก็เป็นแบบนี้ ไว้ทำงานเสร็จหนูจะรีบกลับมา ม๊วฟ รักคุณแม่ที่สุดหนูไปทำงานก่อนนะคะเดี๋ยวจะสายไปกว่านี้”
“จ้ะ ขับรถดี ๆ ล่ะ”
เพราะคุณพ่อและพี่ชายสุดหล่อมีประชุมด่วน จึงออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าโดยไม่ทันได้พูดคุยกัน และการออกจากบ้านครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของเซวียนอวิ๋นซี ที่เธอไม่อาจได้กลับมาพบเจอครอบครัวอีกตลอดชีวิต
เมื่อเซวียนอวิ๋นซีมาถึงไซต์งานก่อสร้างตึกสูงใจกลางเมือง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคราวซวยหรือชีวิตถึงฆาต ขณะที่เธอกำลังเดินตรวจการทำงานของคนงาน จู่ ๆ ด้านบนของโครงสร้างตึกก็มีเหล็กขนาดใหญ่ร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว
เสียงตะโกนเตือนจากหัวหน้าคนงานดังขึ้น “คุณหนูเซวียน! ระวัง!!”
เซวียนอวิ๋นซีได้ยินคำเตือนนั้นก็จริง แต่ด้วยแรงโน้มถ่วงของโลกทำให้เหล็กขนาดใหญ่ ที่หลุดร่วงลงมามีความเร็วมากเกินไป แม้ว่าเธอจะรีบวิ่งหลบออกมาแต่ก็ไม่ทันอยู่ดี
โครงสร้างบางส่วนถูกกวาดร่วงตามมา สุดท้ายถาโถมทับร่างของเซวียนอวิ๋นซี คนงานบางส่วนก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่กับทายาทคนรองของเซวียนกรุ๊ป บัดนี้เธอได้หมดลมหายใจโดยไม่ทันได้บอกลาคนในครอบครัวไปแล้ว
ระหว่างนั้นเป็นเวลาที่เซวียนไห่ซวนกับลูกชาย เพิ่งจะเดินออกจากห้องประชุมกับกรรมการคนอื่น เสียงโทรศัพท์ของเขาดังติดกันถี่จึงต้องหยิบขึ้นมารับสายเกรงว่าจะเป็นเรื่องด่วน “ฮัลโหล...”
‘สวัสดีครับท่านประธานผมโทรจากโรงพยาบาลในเครือเซวียนกรุ๊ป ท่านประธานครับเกิดอุบัติกับคุณหนูที่ไซต์งาน ผมต้องขอโทษด้วยที่ต้องแจ้งกับท่านว่า คุณหนูซีซีเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุคระ...’
“ไม่… ไม่จริง…ซีซีของพ่อ… ต้องไม่ใช่…!”
“พ่อครับ ๆ ทำใจดี ๆ ไว้นะครับ”
“จื่อหานน้องของลูก ฮึก น้องของลูกไม่อยู่แล้ว”
เซวียนจื่อหานแม้จะเสียใจไม่แพ้คนเป็นพ่อ แต่เขาไม่อาจแสดงความอ่อนแอในตอนนี้ได้ “พ่อครับตอนนี้พวกเราไปหาซีซีกันเถอะนะ น้องคงรอให้พวกเราไปรับเธอกลับบ้าน”
“พ่อยังคิดไม่ออกว่าจะบอกเรื่องนี้กับแม่ของลูกยังไงดี”
“ไม่เป็นไรครับไว้ผมจะบอกเรื่องนี้กับแม่เอง”
เซวียนจื่อหานต้องประคองพ่อของเขาขึ้นรถเพื่อกลับไปรับแม่ที่คฤหาสน์ ตัวเขาเองรู้ได้ทันทีว่าหากแม่ได้รู้เรื่องของน้องสาวคงหัวใจสลายไม่ต่างจากพวกเขาพ่อลูก
และก็เป็นอย่างที่เซวียนจื่อหานคิดเอาไว้เมื่อผู้เป็นแม่ได้รับรู้ข่าวร้ายของลูกสาว ที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจจากปากของลูกชายเธอถึงกับเป็นลมล้มพับไม่ทันได้หลั่งน้ำตา
ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับตระกูลเซวียนครั้งนี้ ถือว่าหนักหนาสาหัสเสียเหลือเกิน ทุกคนไม่คิดมาก่อนว่าเธอจะจากไปในวัยยี่สิบต้น ๆ แต่จากนี้คงเหลือเพียงสิ่งที่เคยทำไว้ให้คนได้คิดถึงเท่านั้น
ระหว่างการจัดพิธีศพของทายาทคนรองตระกูลเซวียน มีแขกมาร่วมไว้อาลัยให้กับเธอมากมาย พวกเขายังนึกเสียดายความสามารถที่คนอย่างเซวียนอวิ๋นซีควรมีโอกาสแสดงฝีมือได้มากกว่านี้
เมื่อตกตายดวงวิญญาณก็ถูกดึงออกจากร่าง และไม่อาจรับรู้ถึงความอาลัยของคนในครอบครัวที่มีต่อตัวเธอได้ เพียงแต่พอลืมตาอันหนักหน่วงขึ้นได้ เซวียนอวิ๋นซีถึงกับท้อแท้ตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มใช้ชีวิตในโลกใบใหม่เสียแล้ว