บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 : สตรีร้ายกาจตายแล้ว

ตอนที่

[1]

สตรีร้ายกาจตายแล้ว

“ฮะ ฮูหยินน้อยอย่าทำบ่าวเลยเจ้าค่ะ!”

“เจ้า!!”

ตุบ!

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

เสียงกรีดร้องเล็กแหลมของสาวรับใช้ประจำตัวฮูหยินน้อยนามว่า

ฝู่อ้ายดังขึ้นในช่วงบ่ายของวันหนึ่ง เสียงที่ดังขึ้นมากะทันหันทำให้แม้แต่เหล่าวิหคที่เกาะอยู่ตามกิ่งไม้ต้องตกใจจนกระพือปีกบินหนี ด้านคนที่ได้ยินเสียงของกรีดร้องซึ่งก็รู้ว่าเป็นผู้ใด พวกเขาก็ได้แต่มองหน้ากันจนกระทั่งพยักหน้าให้กันอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะค่อยวางสิ่งที่ทำลงแล้วเดินออกไปดูเหตุการณ์ด้วยอาการไม่เร่งร้อนแต่อย่างใด

ใช่ว่าเรื่องเช่นนี้จะไม่เคยเกิดขึ้น

สตรีผู้โมโหร้ายอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ผู้นั้น มักรังแกสาวใช้คนสนิทของตนเป็นประจำ แม้หลายคนจะชาชินแต่บัดนั้นก็มีคนผู้หนึ่งที่วิ่งไปดูเหตุการณ์ด้วยอาการเร่งร้อนแตกต่างจากผู้อื่น และเมื่อภาพตรงหน้าปรากฏสู่สายตาใจของหญิงสาวก็บีบรัดอย่างไม่รู้ตัว

“ฮูหยินน้อย!!”

ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปดูทุกอย่างให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และยิ่งใกล้มากเพียงใดใจของบ่าวรับใช้ตัวน้อยก็ไม่เป็นสุข

“ฝู่อ้ายนี่มันเกิดอะไรขึ้น!!”

“ข้า ข้า”

ฝู่อ้ายได้แต่ตัวสั่นงันงก สีหน้าตกใจสุดขีด ฝู่อินเมื่อเห็นว่าสหายพูดจาอันใดไม่รู้เรื่องแล้วจึงได้ประคองผู้เป็นนายของตนไว้ในอ้อมกอด โดยไม่สนใจมวลเลือดที่แดงฉานอาบย้อมอาภรณ์ของผู้เป็นนายเลยแม้แต่น้อย

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!” ต่อมาเสียงของหญิงชราผู้หนึ่งดังขึ้นและเมื่อภาพตรงหน้าปรากฏในสายตาหญิงชราก็แต่ได้นิ่งงันไปอย่างตั้งตัวไม่ถูก ในขณะที่คนด้านข้างที่มาด้วยกันกลับกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ พร้อมกันนั้นบ่าวที่อยู่ประจำเรือนของฮูหยินน้อยต่างก็มาถึงจุดเกิดเหตุเช่นกัน

“กรี๊ดเลือดดดดดด”

“ฮูหยินน้อยตายแล้วหรือ!”

“อัปมงคล! พูดอันใด!” หญิงชราที่ตั้งสติได้แล้วหันไปเอ็ดคนที่กล่าววาจาไม่เป็นมงคลด้วยน้ำเสียงดุดัน บ่าวผู้นั้นต่างรีบก้มหน้าลง หญิงชราผู้นี้คือท่านป้าหยวนหรือจางจู้หยวน ผู้ที่ต่างขึ้นชื่อเรื่องความเคร่งครัดและเจ้าระเบียบและเป็นผู้ที่น่าหวาดกลัวเพราะเป็นคนสนิทของฮูหยินใหญ่

“ตานฉงเจ้ารีบไปแจ้งฮูหยินและท่านรองแม่ทัพมาที่นี่เร็ว” จางจู้หยวนรีบหันไปสั่งการจางตานฉงหลานสาวของตนที่ยังมีท่าทีหวาดกลัวต่อภาพตรงหน้าอยู่ จางตานฉงเมื่อได้รับคำสั่งและนึกขึ้นได้ว่าตนจะได้ไม่ต้องอยู่ตรงหน้าก็รีบพยักหน้าให้กับท่านป้าของตนแล้วรีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกไปทันที

ไม่นานผู้เป็นเจ้าของจวนอย่างเหรินฮูหยินและบุตรชายอย่างรองแม่ทัพเหรินฮุนก็มาถึงจุดเกิดเหตุ และที่กระหืดกระหอบวิ่งตามทั้งสองมานั้นก็คือหมอที่มีชื่อเสียงผู้หนึ่งในเมืองหลวง

“นั่น นางเป็นอะไร!!” เหรินฮูหยินได้แต่เอามือทาบอกด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าฝู่อินกำลังกอดร่างของลูกสะใภ้พลางร้องไห้สะอึกสะอื้น ด้านข้างกันนั้นคือฝู่อ้ายที่ตั้งสติได้แล้วจับมือของผู้เป็นนายเอาไว้ไม่ปล่อยเช่นกัน ตอนนี้สามนายบ่าวร่างกายเต็มไปด้วยเลือดช่างเป็นภาพที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่ง

ไวเท่าความคิดเหรินฮุนรีบเดินเข้าไปช้อนร่างของฮูหยินของตนไปยังเตียงของอีกฝ่ายที่อยู่ด้านในเข้าไป ก่อนจะออกมาตามท่านหมอตู้ให้เข้าไปดูอาการของผู้เป็นภรรยา

ทันทีที่หมอชรานั่งลงและจับชีพจรของหญิงสาว สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยทันที จากนั้นจึงทำการใช้เครื่องมือที่เตรียมมาตรวจอาการผู้ป่วยอย่างบ้าคลั่งราวกับกำลังค้นหาความจริงบางอย่าง ทันใดนั้นเขาก็ราวกับต้องยอมรับความจริง ขณะเดียวกันนั้นเหรินฮุนที่จดจ่ออยู่กับทุกอย่างตรงหน้า ดวงตาของชายหนุ่มเข้มขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของหมอชรา ไม่รู้ว่าแท้จริงเขารู้สึกอย่างไร แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน

“เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ”

“ท่านรองแม่ทัพ สายไปแล้ว…ฮูหยินน้อยสิ้นใจไปแล้ว!”

!!!

“ฝู่อิน ฝู่อ้าย พวกเจ้ารีบเล่ามาว่ามันเกิดอะไรขึ้น!!” ชายหนุ่มตวัดสายตาไปหาสองคนที่น่าจะตอบคำถามของเขาได้มากที่สุดในตอนนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงได้ถึงขั้นเลือดตกยางออก และลงเอยเช่นนี้

ฝู่อ้ายรีบคุกเข่าลงน้ำตานองหน้า

“ท่านรองแม่ทัพ เป็นความผิดบ่าวเองเจ้าค่ะ บ่าวไม่น่าวิ่งหนีฮูหยินน้อยเลย บ่าวน่าจะให้ฮูหยินตีให้พอใจ ฮึก ถ้าบ่าวไม่วิ่งหนีฮูหยินก็คงจะไม่สะดุดขาตนเองล้มลงหัวฟาดฟื้นเช่นนั้น…”

“แล้วเหตุใดนางจึงตีเจ้า” เขาอยากรู้เหตุผลที่ผ่านมา แม้จะดุด่าบ่าวรับใช้ หรือทำลายข้าวของแต่ก็ไม่เคยต้องลงมือหนักเช่นนี้

“บ่าว…” ฝู่อ้ายก้มหน้าด้วยความหวาดกลัว

“ตอบมา!!” น้ำเสียงของเหรินฮุนเยียบเย็นน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก แม้แต่ท่านหมอตู้ยังไม่กล้าขยับตัวไปไหน

ฝู่อ้ายทำใจกล้าเงยหน้าขึ้นสบสายตาผู้มีอำนาจในจวนก่อนจะตอบ

“บ่าวเพียงมาบอกฮูหยินน้อยตามความที่ท่านรองแม่ทัพกล่าวว่าเย็นนี้จะมากินอาหารที่เรือน เพียงเท่านั้น…ฮูหยินน้อยก็อาละวาดไล่ตบตีบ่าวเจ้าค่ะ”

ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว ไม่กล่าวสิ่งใดอีก

นี่นางไม่อยากให้เขามาหาถึงขั้นตบตีบ่าวรับใช้เลยหรือ เกลียดอันใดเขาถึงเพียงนั้นกัน

“เช่นนั้นให้เคราะห์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวหรือ” เสียงของเหรินฮูหยินเอ่ยขึ้นไร้ซึ่งความโกรธแต่เต็มไปด้วยความปลงตก

ไม่นานต่อจากนั้นจวน ก็ประดับไปด้วยผ้าแพรสีขาวอันบ่งบอกว่ามีผู้ล่วงลับจากไป ผู้คนต่างตกใจเป็นผู้ใดกัน แต่เมื่อได้ยินว่าเป็นฮูหยินของรองแม่ทัพรักษาเมืองต่างก็ได้แต่สงสัยว่าเกิดอันใดขึ้น

ในช่วงเย็นวันนั้นแขกเหรื่อต่างมาที่จวนตระกูลเหรินมากมาย ไม่เว้นแม้แต่ตระกูลกู้ ซึ่งเป็นบ้านเดิมของกู้ซูฉิน

และเมื่อรู้สาเหตุการตายของบุตรสาวพวกเขาก็ได้แต่เศร้าในใจ

“เหตุใดนางจึงไม่ปล่อยวางกันนี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว”

“เหตุใดจึงใช้อารมณ์จึงทำให้ตนเองมาถึงจุดจบเช่นนี้”

ท่ามกลางความโศกเศร้าของตระกูลกู้ที่สูญเสียบุตรสาวเพียงคนเดียว

ทว่าไม่ไกลออกไปนั้นบ่าวรับใช้ในจวนต่างพูดกันเงียบ ๆ ว่า “ในที่สุดสตรีร้ายกาจก็ตายแล้ว ต่อไปจวนนี้ก็จะสงบสุขเสียที”

ฝู่อินและฝู่อ้ายบ่าวรับใช้คนสนิทของกู้ซูฉินในยามที่แขกเหรื่อกลับไปจนหมด ทั้งสองคนก็ยังคงร้องไห้ที่หน้าโลงศพของผู้เป็นนายด้วยทำใจไม่ได้ จนในที่สุดก็หมดแรงหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน และกลางดึกคืนนั้นเองท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัด สายลมโบกไหวจนได้ยินเป็นเสียงหวีดหวิวของใบไม้เสียดสีกันราวกับเสียงร้องของสิ่งลึกลับที่อยู่คนละภพภูมิก็ไม่ปาน

ในโลงศพที่ดูหรูหราทว่าโดดเดี่ยว….ดวงตาที่ปิดสนิทมาหลายชั่วยามก็เบิกโพลงขึ้น ท่ามกลางความมืดมิดและภาพมากมายที่หลั่งไหลเข้ามาในหัวจนแทบไม่อาจรับไหวได้แต่กรีดร้องระบายความเจ็บปวดออกมา!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel