ตอนที่ 9 ปราบปีศาจ 2
ยามนี้ทั้งฝุ่นทั้งควันระเบิดรวมไปถึงไอปีศาจต่างก็กระจายฟุ้งปะปนกันไปทั่ว หานซือหมิงจึงใช้อาคมสลายหมอกควันกำจัดทุกอย่างตนสิ้นในครั้งเดียวที่ร่ายอาคม
“อาคมของศิษย์พี่ยังคงเก่งกาจยิ่งเสมอ” เจ้าของเสียงหวานกล่าวพลางจ้องมองบุรุษข้างกายด้วยความเทิดทูนชื่นชมในความเก่งกาจ
“เพราะข้าตั้งใจฝึกฝนเสมอ มิใช่มัวแต่หลบเลี่ยงเช่นเจ้า” เขา กล่าวทิ้งท้ายก่อนที่กระโดดลงบ่อน้ำร้างที่แทบไม่เหลือเค้าเดิมเพราะ โดนอาคมระเบิดถล่มเมื่อครู่
เมื่อกระโดดลงมาแล้วบ่อน้ำร้างที่สมควรจะมีเพียงพื้นที่เพียง เพื่อใช้เอาไว้กักเก็บน้ำกลับไม่ใช่อย่างที่คิด เพราะเหมือนว่าจะมีอุโมงค์ ลับที่เชื่อมต่อกับบ่อน้ำร้างแห่งนี้
“ดีที่ข้าพกกระบอกจุดไฟมาด้วย” นางส่งกระบอกจุดไฟไปให้ เขา
ชายหนุ่มรับมา เขาเปิดฝาออกสะบัดครั้งหนึ่งไฟก็ติดขึ้นมา อย่างรวดเร็ว “นับว่าเจ้ายังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง”
พอมีแสงสว่างก็ทำให้เห็นภายในอุโมงค์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น “อุโมงค์เป็นฝีมือปีศาจ ดูจากร่องรอยแล้วน่าจะเป็นปีศาจงู”
“ปีศาจงู ที่ใช้มันหวานเป็นอาวุธด้วยเจ้าค่ะศิษย์พี่”
“มันหวานพวกนั้น ไม่น่าใช่อาวุธของปีศาจงูน่าจะเป็นอาหาร ของนางมากกว่า”
“ศิษย์พี่หมายความว่า”
“มันหวานพวกนั้นสามารถดูดกลืนวิญญาณมนุษย์ไปเก็บเอาไว้ ได้”
“เพราะฉะนั้นพวกมันจึงมีไอปีศาจออกมา กลิ่นที่หอมกว่าปกติ คือใช้ล่อลวงพวกเราให้กินมัน แต่แท้จริงแล้วเป็นมันกำลังกินมนุษย์ที่ กินมันหวานพวกนั้นจากภายใน”
“เจ้าเข้าใจได้ไม่ผิด ข้าเองก็คิดว่าจะเป็นเช่นนั้น”
“โชคดีที่ข้ายังไม่ได้กินมันหวานพวกนั้นเข้าไป ไม่เช่นนั้นศิษย์ พี่ ท่านคงได้เห็นเพียงซากศพของข้าแล้ว” นางออดอ้อนเขาอีกครั้ง
“หากเจ้ากินเข้าไปจริงก็คงไม่ถึงตายหรอก เจ้าเป็นผู้บำเพ็ญเซียน ในกายย่อมมีพลังพอที่จะต้านไอปีศาจน้อยนิดไม่ให้กักกินร่างกายและ จิตวิญญาณได้อยู่ มันหวานพวกนั้นแม้จะมีไอปีศาจแต่ก็ไม่ถึงขั้นทำ อันตรายผู้บำเพ็ญเพียรเช่นเราได้”
“เช่นนั้นหากมนุษย์ธรรมดากินมันเข้าไปก็คงจะเป็นเหมือนแม่ครัวผู้นั้นแน่ แล้วพวกคนในสำนักนอกเล่าศิษย์พี่หากพวกเขากินเข้าไปจะเป็นอย่างไร ก่อนหน้านี้คนในโรงครัวจำนวนไม่น้อยต่างสูดดมไอปีศาจอยู่นานเช่นกัน”
“ไอปีศาจเพียงเล็กน้อย เพียงใช้อาคมขับออกไปก็ได้แล้ว พวกศิษย์นอกสำนักแม้จะไม่เคยฝึกบำเพ็ญเช่นพวกเราแต่ก็ย่อมต้องเคยฝึกฝนจิตวิญญาณกันแล้ว การที่จะถูกกัดกินจิตวิญญาณนั้นย่อมยากกว่าคนทั่วไป”
ศิษย์พี่กับนางเดินไปตามทางในอุโมงค์จนพบกับทางออกในที่สุด ปลายอุโมงค์ดินทอดยาวมาถึงป่าทึบซึ่งอยู่ด้านหลังสำนัก หากจำไม่ผิดไกลออกไปไม่เท่าไหร่ก็จะมีเมืองเล็ก ๆ ตั้งอยู่ ปีศาจงูอาจจะหนีไปที่นั้นแล้วตามคาดการณ์ของพวกเขา ปีศาจงูตนนี้ย่อมไม่กล้าที่จะแอบอยู่แถวนี้แน่ ๆ เพราะรู้ว่าตนกำลังถูกตามล่าอยู่
พวกนางทั้งสองตัดสินใจกลับสำนักนอกไปดูสถานการณ์ที่นั่นก่อน แล้วจึงจะค่อย ๆ กลับมาตามล่าหาปีศาจงูต่อ
คนในโรงครัวทั้งหมดปลอดภัยดีแล้ว ท่านอารองเจ้าสำนักเป็นผู้ใช้อาคมขับไอปีศาจให้ทุกคนด้วยตนเอง หมิงเมิ่งเองก็ไม่เป็นอะไร
ศิษย์พี่ของนางแจ้งท่านอาเจ้าสำนักถึงเรื่องปีศาจงู ซ้ำยังอาสาจะเป็นผู้ลงไปกำราบปราบปรามปีศาจตนนี้ด้วยตนเอง
แน่นอนว่าในเมื่อศิษย์พี่จะออกไปปราบปีศาจนางย่อมต้องขอติดตามไปด้วยไม่อาจรั้งรออยู่ที่สำนักเพียงลำพังได้
กลุ่มล่าปีศาจงูจึงจัดตั้งขึ้นโดยมีศิษย์พี่ซือหมิง และศิษย์สำนักนอกสองคนที่โดดเด่นใช้โอกาสนี้ไปทำการทดสอบเพื่อเข้าสำนักในด้วย ศิษย์หญิงเป็นศิษย์ที่เคยเกือบทำนางบาดเจ็บที่เวทีประลองนามว่า โม่หลัน และศิษย์ผู้ชาย นาม ฟางเหยียน
หมิงเมิ่งเองก็ติดตามมาด้วยกันพร้อมกับนาง เขานั้นไม่ได้ตามเพื่อทำการทดสอบหรือทำภารกิจใด ๆ แต่มาเพื่อเป็นเพื่อนเล่นของนาง ไม่ใช่สิต้องเอ่ยว่าตามมาด้วยเพราะต้องรักษาคำพูดว่าจะคอยอยู่ติดตามรับใช้นางจนกว่านางจะกลับสำนักหลัก
