ตอนที่หนึ่ง หญิงสาวนอกด่าน4
นางอายุถึง18ปีแล้ว บิดาเคยทาบทามบุตรชายของเพื่อนสนิทเพื่อหมั้นหมายกัน แต่หลังจากบิดาของนางเสียชีวิต พวกเขาก็เงียบหายไปราวล่องหน แม่ครัวสาวจึงไม่คิดทักท้วงทวงถามหรือติดตามหา
ในเมื่อพวกเขาไม่คิดแต่งกับนาง แล้วไยต้องแกว่งเท้าหาเสี้ยนให้เจ็บช้ำน้ำใจด้วยเล่า
“อีอี เจ้ามีความสามารถทั้งทำอาหารเก่งเพียงนี้ หน้าตาฐานะหรือก็ไม่ด้อย รูปร่างก็ช่างน่าขยำเช่นนี้ วันหนึ่งต้องมีชายหนุ่มที่คู่ควรมาสู่ขอแน่” ตวนมู่เจียวปลอบใจเพื่อนสาว
“เจียวเจียว เจ้าเองงดงามกว่าข้ามาก เรือนร่างหรือก็เย้ายวน หากชายหนุ่มที่มาเที่ยวในหอคณิกาได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าคงไม่แคล้วโดนจับสอดใส่กระแทกกระทั้นจนไม่อาจเดินออกมาได้”
ตวนมู่เจียวรู้ข้อนี้ดีจึงพยายามปิดบังใบหน้าและสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่เพื่อบดบังเรือนร่างสัดส่วนอันยั่วยวน
ความที่นางเป็นหญิงสาวต่างเผ่า หากโดนทำร้ายจริงคงไม่อาจเรียกร้องสิ่งใดได้ หรือกว่าจะเรียกร้องพวกเขาก็อาจหนีไปไกลแล้ว
แม้จะเกิดอารมณ์เร่าร้อนคล้อยตามทุกคราที่เดินผ่านและได้ยินเสียงหรือเห็นภาพความเสียวซ่านของชายหนุ่มหญิงสาวเหล่านั้น แต่นางไม่เคยมีความคิดจะขายตัว
ถึงอย่างไรสาวน้อยอย่างนางก็อยากมีครอบครัวที่ดี แม้ความหวังจะเลือนรางก็ตาม
ตวนมู่เจียวไม่อยากมีชีวิตเช่นมารดาซึ่งไม่อยากเอ่ยถึงบิดาผู้ให้กำเนิดนางสักคำ
“อย่าทำหน้าเช่นนั้นสิ เจียวเจียว เจ้าป้องกันตนเองอย่างดี อีกทั้งแม่เล้าใหญ่ก็ไม่เคยคิดบังคับหรือบีบคั้นเจ้า”
“นางคงเห็นแก่มารดาของข้า” แม่เล้าใหญ่และมารดาของนางนับว่าคบค้ากันมานาน
“พวกเราไปทำอาหารกันดีกว่า ได้เวลาของอร่อยแล้ว” เสาซิงอีรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ดีดีดี” ตวนมู่เจียวเปลี่ยนอารมณ์ในทันทีพลางวิ่งนำหน้าและหยอกล้อเล่นกับเสาซิงอีไปตลอดทาง
มีเพียงยามนี้เท่านั้นที่พวกนางทั้งสองได้เป็นตัวของตนเองและเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาแห่งความสุขของชีวิต
