ตอนที่หนึ่ง หญิงสาวนอกด่าน2
ตวนมู่เจียวยืนหาจังหวะหลบหลีกเพื่อไม่ให้พวกเขาทั้งสองแลเห็นขณะคิดถึงตัวตนของชายหญิงซึ่งกำลังเริงร่าท้าสายลมแสงแดด
หญิงสาวนางนี้ก็คือ ‘ลี่ปี้’ คณิกาดาวเด่นของหอแห่งนี้ ส่วนชายหนุ่มที่นางเรียกว่านายท่านเถิงก็คงจะเป็น ‘เถิงฮวน’ รองแม่ทัพหนุ่มผู้สร้างผลงานไว้ไม่น้อย
และชื่อที่พวกเขาพูดถึงกัน ‘แม่ทัพโยวหย่งคัง’ แม่ทัพพิทักษ์ชายแดนด่านตะวันออกนั่นเอง
ด่านแห่งนี้ตั้งอยู่ชานเมืองซือซานโดยมีเผ่านอกด่านเล็กๆ3เผ่ากั้นกลางระหว่างแคว้นเฉียวแห่งนี้กับแคว้นต๋า
ยามพวกเขาทำศึกสงครามกัน เผ่าเล็กทั้งสามต่างอพยพย้ายที่อยู่ไปหลบซ่อนตามซอกเขา เมื่อพวกเขาสงบศึกจึงค่อยออกมาทำมาหากินอีกครั้ง
โชคดีที่ช่วงนี้การรบถูกการเจรจาสงบศึกทำให้ว่างเว้นไประยะหนึ่งแล้ว รองแม่ทัพอย่างเถิงฮวนจึงมีเวลามาเที่ยวหาความสุขในหอคณิกา
ตวนมู่เจียวรีรออยู่พักหนึ่งจนเห็นเถิงฮวนอุ้มร่างงามหันหน้าเดินกลับเข้าห้องจึงรีบเดินจ้ำไปรับเงินด้วยความรวดเร็ว
เมื่อหญิงสาวบังคับลามาส่งสุราที่เหลือยังร้านอาหารของเสาซิงอี เพื่อนสาวซึ่งสนิทสนมมานานปีจึงได้ยินเสียงตะโกนทักทายตั้งแต่ยังไม่ถึงหน้าประตู
“เจียวเจียว เจ้ามาแล้ว ข้ารอตั้งนาน คราวนี้นำสุรามู่จิ่วมามากหรือไม่”
สุรามู่จิ่วคือสูตรลับของมารดาซึ่งสร้างชื่อเสียงจนผู้คนต่างกล่าวขานและติดตามมาลิ้มลอง ตวนมู่เจียวขายสุราชนิดนี้ให้เพียงสองแห่งเท่านั้นเพื่อไม่ให้หาดื่มง่ายจนเกินไป
“ย่อมนำมาไม่น้อย หาไม่เจ้าคงไล่ตะเพิดข้าไปนอนที่อื่นแน่” ถ้อยคำหยอกล้อพร้อมสีหน้ายิ้มแย้มบ่งบอกความสนิทสนมของหญิงสาวทั้งสองเป็นอย่างดี
เสาซิงอีเดินมาช่วยตวนมู่เจียวยกสุราลงไปเก็บในร้าน สองสาวพบหน้ากันตั้งแต่วัยเยาว์ด้วยมารดาของตวนมู่เจียวนำสุรามาส่งให้บิดาของเสาซิงอีตั้งหลายปีมาแล้ว
ครั้นมารดาของตวนมู่เจียวลาจากอย่างกะทันหันก็ได้บิดาของเสาซิงอีช่วยปลอบโยนและหาลู่ทางช่วยเหลือ ยามบิดาแซ่เสาจากลาไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน ตวนมู่เจียวจึงทั้งปลอบโยนเพื่อนสาวและช่วยจัดการงานอยู่หลายวัน
จากนั้นยามตวนมู่เจียวเข้าเมืองมาจึงแวะพักที่บ้านสกุลเสาเป็นประจำ สองสาวอายุไล่เลี่ยกันจึงพูดคุยสนิทสนมหยอกล้อได้อย่างไม่เกรงใจ
“วันนี้ข้าเสียเวลาที่หอคณิกานานไปหน่อย ไม่คิดว่าจะมีชายหนุ่มหญิงสาวมาแสดงสดกลางแจ้งให้ชมดูต่อหน้า” ตวนมู่เจียวบ่นพึมพำขณะจัดเรียงไหสุรา
“หา!...กลางแจ้งเชียวหรือ ผู้ใดกัน” น้ำเสียงอยากรู้อยากเห็นของเสาซิงอีเรียกสายตาขบขันคิดอยากแกล้ง
“เจ้าคงคาดไม่ถึงเชียวล่ะ อีอี” ตวนมู่เจียวอมพะนำ
“เล่ามาเร็วเข้า เจียวเจียว หาไม่ข้าจะไม่ทำของอร่อยให้เจ้ากิน”
“ได้ ได้ ได้ เล่าแล้ว” ตวนมู่เจียวแพ้ทางให้กับอาหารอร่อยจนได้
เสาซิงอีนับเป็นแม่ครัวฝีมือดีซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากบิดา ร้านอาหารของนางแม้ขนาดไม่ใหญ่แต่มีผู้คนหลั่งไหลมาอุดหนุนไม่ขาด
“แม่นางลี่ปี้คนงามโดนรองแม่ทัพเถิงฮวนกระหน่ำไม่ยั้งเชียวล่ะ” ตวนมู่เจียวเริ่มอย่างดุเด็ดเผ็ดแสบ
“อย่างไร แบบไหน เล่ามาให้ชัด” เสาซิงอีตั้งอกตั้งใจฟังราวเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
“เจ้าจะให้ข้าเล่าทุกท่วงท่าเชียวหรือ”
