...วุ่นวายนักจู่ๆ มีพ่อเป็นซุปตาร์...บทที่5...
“อิริค ทำไมวันนี้ไม่ลงไปทำหน้าที่ตัวเองหะ”
นานๆ จะได้ยินเสียงเข้มงวดจากชายตรงหน้าสักที นับว่าไม่เลวเลยสำหรับการประท้วงครั้งนี้
“ผมนึกว่าพี่ไม่สนใจผมแล้วซะอีก”
เดวิดส่ายหน้า น้องชายคนนี้ยังเรียกร้องความสนใจไม่ต่างอะไรกับเด็กชายเร่ร่อนคนนั้นตอนเด็กๆ สักนิด
“อะไรทำให้นายคิดว่าพี่จะลืมน้องชายตัวเอง”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นอีก คงเป็นสัญชาตญาณติดตัวอิริค เขาไม่สามารถลบความทรงจำแย่ๆ และการระวังภัยออกไปจากใจน้องชายได้ แม้วันนี้เขาจะมาอยู่ในจุดที่ไม่ว่าใครก็เอื้อมไม่ถึงแล้ว
“ผมมีขนหน้าอก มีกร้ามที่แขน ไม่มีดูมๆ ที่จะดึงสายตาซุปตาร์ใหญ่อย่างพี่ได้นี่ครับ” คำตอบของน้องชายทำให้เดวิดเงยหน้าหัวเราะ
“ฮ่าๆ”
อิริคไหวไหล่ ลุกจากที่นั่งเดินเข้าไปสวมกอดเอวของเดวิดไว้หลวมๆ แสดงความอ้อนเหมือนสมัยที่เขายังอายุแค่สิบปี มันเป็นภาพที่หากใครคิดอกุศลย่อมคิดไปทางผิดศีลธรรม แต่เพราะชายหน้าตาดีสองคนนี่มีศักดิ์เป็นพี่น้องกัน ภาพที่คนทั่วไปเห็นเลยน่าเอ็นดูแทน
“อ้อนแบบนี้คิดเหรอว่าพี่จะยกโทษให้ เรื่องที่นายเบี้ยวงาน” เดวินดันหัวไหล่น้องชายออกห่าง พลางกล่าวเสียงเข้ม
“หากผมไม่ทำแบบนี้ ผมจะได้เจอหน้าพี่ไหมล่ะครับ”
ตั้งแต่วางมือจาการแสดง เดวิดทุ่มเทมันสมองทั้งหมดให้กับการเป็นผู้บริหาร ชื่อเสียงหอมหวานก็จริง แต่มันไม่ยั่งยืน เขาคิดถูกที่วางมือตั้งแต่เนิ่นๆ แถมบุกเบิกบริษัทแห่งนี้จนประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าชื่อเสียงที่เขาเคยสั่งสมไว้จะถูกกลบจากคลื่นลูกใหม่ มันกลับกลายเป็นว่า เขาเป็นผู้บริหารเนื้อหอมที่ถูกสื่อคอยจับตามองทุกการเคลื่อนไหว
คงเพราะเขารักษาภาพลักษณ์การเป็นนักแสดงที่ดีตลอดระยะเวลาที่เป็นซุปตาร์ก็ได้ ไม่เคยมีข่าวแย่ๆ ฐานแฟนคลับของเขาเหนียวแน่น เดวิดเลยยังมีงานเข้าไม่เคยขาด ถึงแม้ว่าเขาจะวางมือในฐานะซุปตาร์แล้วก็ตาม
เขายังออกสื่อบ่อยๆ ผ่านการเป็นพรีเซ็นเตอร์
ค่าตัวเขายังคงราคาสูงอันดับหนึ่ง แต่แปลก เอเจนซี่ก็ยังสู้ราคา จนเป็นที่มาให้เขากลายเป็นดาวค้างฟ้าถึงตอนนี้
“พี่งานยุ่ง”
“ขอให้เป็นแบบนั้นเถอะ” เสียงอริคขึ้นจมูก น้องชายคนนี้เป็นคนเดียวที่รู้ความลับของเขาทั้งหมด ความลับที่ไม่เคยเปิดเผยให้คนภายนอกรู้
“ใจคอนายจะให้พี่แห้งเหี่ยวจนแก่ตายหรือไง”
มุมลับหลังม่านที่คนส่วนใหญ่ก็เป็น เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องการระบายความอัดอั้นบ้าง เขาแค่เก็บความลับได้ดี จนถูกมองว่าเป็นเทพบุตรในสายตาแฟนคลับ
“ผมไม่คิดว่าพี่จะเลี้ยงแม่นั่นจริงจัง”
ไม่มีคำตอบจากพี่ชาย มีแต่แววตาอ่อนโยนที่มองมายังเขา อิริคถอนใจแรงๆ ยกมือขึ้นชูตรงหน้า “ผมแค่ห่วงพี่ครับ พี่อาจจะไม่คิดอะไร แต่...” เขาไม่อยากพูดถึงผู้หญิงคนนั้น หล่อนอยู่เป็น และหากเขาไม่ทักท้วง อนาคตเขาอาจจะต้องยอมรับหล่อนในฐานะที่เขาไม่อยากได้
“พิมไม่มีวันทรยศพี่หรอก ไม่ต้องห่วง” พิมพาคือคนในเงาที่ช่วยให้เดวิดไม่กระอักเลือด เขาเป็นผู้ชายวัยใกล้ห้าสิบปี แต่ยังดูภูมิฐานและหากบอกว่าอายุแค่สามสิบต้นๆ ก็น่าจะมีคนเชื่อ หน้าตาอ่อนเยาว์ แต่กลับไม่ยอมมีครอบครัว อิริคไม่รู้ปูมหลังฝังใจพี่ชายคนนี้ เขาเจอกับเดวิดตอนที่พี่ชายเริ่มมีชื่อเสียงแล้ว
เขาสงสัยมาตลอด แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ
นี่เป็นความลับเรื่องเดียวที่มีคนรู้แค่เจ้าตัว
“ว่าแต่นายเถอะ ปีนี้สามสิบแล้วนะ ไม่คิดจะมีแฟนหรือไง”
พอเดวิดถาม น้องชายสุดแสบก็ไหวไหล่ ทำท่าจะเปลี่ยนเรื่องพูด
“อย่ากลัวนักเลย โลกไม่ได้โหดร้ายทุกเรื่องหรอก” เดวิดพึมพำบอก เขาหมุนตัวเดินกลับไปที่ห้องทำงานตัวเอง โลกไม่ได้โหดร้ายก็จริง แต่บางครั้งโลกก็ไม่เปิดทางให้เขาเลือกได้เลย...
บทที่6.สายลมแห่งโชคชะตา
ฉันเลือกเวลากลับบ้านให้ตรงกับช่วงที่แม่ยุ่งมาก จนไม่มีเวลาโผล่หน้าออกมามองตอนที่ฉันหอบถุงใบใหญ่เข้าบ้าน
“พี่เอลซื้ออะไรมาเยอะแยะเลยครับ”
“ชู!! อย่าเสียงดัง เอาไปไว้หลังบ้านก่อน รอให้แม่อาบน้ำค่อยเอาไปเก็บในครัวนะ” ฉันกระซิบปรามชัชเสียงแผ่วๆ เด็กๆ เลยพากันหุบปาก และช่วยฉันยกถุงนั้นไปกองไว้หลังบ้าน
