บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 ความริษยาต่อกัน

เช้าวันหนึ่ง ขณะที่เหวิ่นจือหยูกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ สาวใช้คนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เธอมือไม้สั่นเพราะพึ่งทำถาดอาหารหลุดมือและข้าวหกเลอะพื้น

“คุณหนู ข้าขออภัย ข้าไม่ได้ตั้งใจ” สาวใช้รีบคุกเข่าลงพื้น ใบหน้าซีดเผือดราวกับจะร้องไห้ เธอคิดว่าตัวเองคงจะถูกลงโทษอย่างหนัก

เหวิ่นจือหยู วาดรวีที่อยู่ในร่างนั้นเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือสา เจ้าคงรีบร้อน เดี๋ยวให้คนไปช่วยเก็บกวาดก็พอ”

คำตอบของเหวิ่นจือหยูทำให้สาวใช้คนนั้นเงยหน้าขึ้นด้วยความไม่อยากเชื่อสายตาและเชื่อหูของตัวเอง ในใจของเธอเตรียมรับโทษที่หนักหนาไว้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นคำพูดอ่อนโยนและการให้อภัยแทน

“คุณหนู ท่านไม่โกรธข้าหรือเจ้าคะ” สาวใช้ถามด้วยความงุนงง ขณะที่คนรับใช้คนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องโถงต่างพากันแอบมองมาด้วยกลัวว่าสาวรับใช้คนนี้จะโดนทำโทษอะไร แต่สิ่งที่ได้ยินทำเอาทุกคนอึ้งไปพร้อมๆกัน เพราะไม่คิดว่าจะได้รับการให้อภัยอย่างง่ายดายจากคุณหนูผู้ร้ายกาจ

เหวิ่นจือหยูส่ายศีรษะเบาๆ “ข้าไม่มีเหตุผลที่จะโกรธ มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่ใช่ความผิดของเจ้าเสียทีเดียว เจ้าไม่ได้ตั้งใจไม่ใช่หรอกหรือ”

เหล่าคนรับใช้ต่างพากันมองหน้ากันด้วยความสงสัยและไม่ค่อยแน่ใจว่าตนเองควรจะทำอย่างไรต่อไป บางคนถึงกับเริ่มกระซิบกระซาบกันลับหลัง

“คุณหนูเหวิ่นจือหยูเปลี่ยนไปจริงๆ...”

“ข้าไม่เคยเห็นนางใจดีเช่นนี้มาก่อน…”

จากวันที่เคยเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและอยู่ด้วยความรู้สึกกดดัน เหล่าคนรับใช้ค่อยๆ เริ่มปรับตัวและรู้สึกสบายใจที่จะอยู่ใกล้คุณหนูเหวิ่นจือหยูมากขึ้น แม้ว่าจะยังมีความระแวงเล็กน้อย เนื่องจากพวกเขายังคงจำภาพของเหวิ่นจือหยูที่โหดร้ายในอดีตได้อย่างชัดเจน

ถึงแม้ความเปลี่ยนแปลงของเหวิ่นจือหยูจะทำให้บรรยากาศในจวนผ่อนคลายลง แต่ก็ยังมีบางคนที่ไม่กล้าปักใจเชื่อว่านิสัยของคุณหนูเหวิ่นจือหยูจะเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้ ทั้งคนในจวนและแม้กระทั่งสมาชิกในครอบครัวเองก็ต่างสงสัย

เหวิ่นจวิ้นอี้บิดาของเหวิ่นจือหยู เป็นคนหนึ่งที่เริ่มสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง เขาเองยังคงนึกไม่ออกว่าสิ่งใดที่ทำให้ลูกสาวของเขาที่เคยเอาแต่ใจและดื้อรั้น กลายมาเป็นคนมีความสงบเยือกเย็นและมีเมตตาขึ้นได้เพียงข้ามคืน

ในช่วงหลายวันหลังจากอุบัติเหตุ เขาเฝ้าดูลูกสาวอย่างเงียบๆ เห็นว่าเธอเริ่มพูดคุยกับคนรับใช้อย่างสุภาพ ไม่ออกคำสั่งหรือลงโทษอย่างที่เคยทำ แม้จะมีเหตุการณ์ที่ทำให้เธอไม่พอใจ เธอก็ยังคงควบคุมอารมณ์ได้

"ท่านพ่อ" เสียงเรียกเบาๆ ของเหวิ่นจือหยูดังขึ้นในขณะที่นางเดินเข้ามายังห้องทำงานของบิดา นางยิ้มบางๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เหวิ่นจวิ้นอี้ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักในอดีต

"เจ้ามีอะไรหรือหยูเอ๋อร์" เขาถามพร้อมกับพยายามซ่อนความสงสัยในน้ำเสียง

“ท่านพ่อ ลูกมาคิดดูแล้วลูกอยากจะช่วยแบ่งเบาภาระของท่านพ่อบ้าง ท่านพ่อมีอะไรที่ต้องการให้ลูกช่วยหรือไม่เจ้าคะ ลูกไม่อยากอยู่เฉยๆ” เหวิ่นจือหยูพูดด้วยท่าทีตั้งใจจริงนางพูดต่อไปอย่างรอบคอบ

“ลูกอาจเคยทำสิ่งที่ไม่ดีมาก่อน แต่ตอนนี้ลูกอยากเริ่มต้นใหม่ ลูกอยากทำให้ตระกูลของเราดีขึ้น ท่านพ่อโปรดเชื่อลูกเถิด”

เหวิ่นจวิ้นอี้แทบไม่เชื่อหูตัวเอง ลูกสาวที่เคยไม่สนใจสิ่งใดนอกจากตัวเองกลับมาพูดเช่นนี้ เมื่อก่อนเขาพยายามที่จะให้เหวิ่นจือหยูร่ำเรียนและสนใจเรื่องค้าขาย เพื่อที่จะช่วยเขาและเหวิ่นซิ่วเหมย ฮูหยิน ผู้เป็นมารดาของนางดูแลเรื่องการค้า แต่ลูกสาวตัวดีกลับไม่สนใจ พอให้ฝึกการบ้านการเรือนเยี่ยงกุลสตรีเหวิ่นจือหยูก็ดื้อรั้นไม่ยอมฝึก มาครั้งนี้ลูกสาวถึงกับมาเสนอตัวขอช่วยเอง คนเป็นพ่อถึงกับแปลกใจจ้องมองเหวิ่นจือหยูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

“ดีแล้ว...หากหยูเอ๋อร์คิดได้เช่นนั้น พ่อก็ยินดี” เหวิ่นจวิ้นอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความเอ็นดูล็กน้อยก่อนที่จะเอื้อมมือมาลูบศีรษะลูกสาวเบาๆ พลางเดินนำลูกสาวเข้าไปเริ่มสอนงาน

แต่ถึงแม้คำพูดของเหวิ่นจือหยูจะน่าเชื่อถือ คนในจวนบางส่วนก็ยังคงสงสัยอยู่ โดยเฉพาะเหวิ่นลี่หยาน้องสาวของเหวิ่นจือหยูที่เคยเป็นคนโปรดของทุกคนในครอบครัว รวมถึงองค์ชายหลี่หยวนเจ๋อ แม้เหวิ่นลี่หยางจะเป็นคนอ่อนโยนและดูเหมือนเป็นกุลสตรี แต่ในใจลึกๆ นางมีความทะเยอทะยานและไม่พอใจที่ตนต้องอยู่ใต้เงาของพี่สาวมาโดยตลอดและยังต้องเกิดจากเฉียนอี้หรงมารดาของนางที่เป็นเพียงแค่อนุภรรยาจึงไม่มีเกียรติเท่าเหวิ่นจือหยู ลูกสาวของฮูหยิน

เหวิ่นลี่หยาสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในพี่สาวของนางอย่างชัดเจน และแม้ว่าภายนอกนางจะแสร้งทำเป็นยินดี แต่ในใจลึกๆ นางเริ่มรู้สึกอึดอัด เพราะการเปลี่ยนแปลงของเหวิ่นจือหยูอาจทำให้ตำแหน่งที่นางแอบปรารถนาหลุดมือไป

ในตอนเช้าในขณะที่เหวิ่นลี่หยาอยู่ในสวน เธอได้ยินเสียงคนรับใช้สองคนสนทนากันเบาๆ เกี่ยวกับเหวิ่นจือหยู

“คุณหนูจือหยูเปลี่ยนไปมากจริงๆ ตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้น ข้าแทบไม่เชื่อว่าเป็นคนเดียวกัน”สาวใช้คนหนึ่งพูด

“ใช่ ข้าเองก็คิดเช่นนั้น คุณหนูจือหยูใจดีกับพวกเรามากขึ้น ไม่ดุด่าหรือทำร้ายเหมือนก่อน ข้าว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นคงทำให้นางคิดได้” อีกคนเสริม

“ถ้าคุณหนูเป็นเช่นนี้ตลอดคงดี เพราะใบหน้าคุณหนูก็งดงามมากเหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาขององค์ชายมากเลย และยิ่งตอนนี้นายท่านกับฮูหยินกำลังสอนคุณหนูเรื่องค้าขายดูแลกิจการของฮูหยินกับนายท่านต่อ นายท่านดูมีความสุขมากที่คุณหนูสนใจเรื่องนี้”

เหวิ่นลี่หยาได้ยินทุกคำพูด ทำให้ในใจของนางเต็มไปด้วยความไม่หงุดหงิด โกรธแค้น ไม่สบายใจ นางรู้ดีว่าถ้าเเหวิ่นจือหยูเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นจริงๆ นางอาจจะเสียโอกาสที่จะได้ครองตำแหน่งที่นางปรารถนามานาน นั่นคือตำแหน่งคู่หมั้นขององค์ชายหลี่หยวนเจ๋อ

เหวิ่นลี่หยายืนเงียบอยู่หลังพุ่มไม้ ใจของนางเต็มไปด้วยความอึดอัดและความหงุดหงิดที่ไม่อาจปกปิดได้ การเปลี่ยนแปลงของพี่สาวที่เคยถูกเกลียดชังมาตลอด ทำให้นางเริ่มรู้สึกถึงความไม่แน่นอนในอนาคตของตัวเอง ความหวังที่ว่านางอาจได้เข้าไปแทนที่พี่สาวในฐานะคู่หมั้นขององค์ชายหลี่หยวนเจ๋อ ค่อยๆ เริ่มสลายลง

“ทำไมต้องเป็นเช่นนี้ ข้าอุตส่าห์ทุบหัวกะจะให้ไม่ฟื้นแล้ว นี่นางกลับตื่นมาเป็นคนที่ดีกว่าเดิมอีก” เหวิ่นลี่หยาคิดในใจ นางทำทุกอย่างเพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อองค์ชาย ทำตัวเป็นกุลสตรีสมบูรณ์แบบที่ทุกคนชื่นชม แต่สุดท้ายเหวิ่นจือหยูกลับเปลี่ยนไปในทางที่ดีและเข้ามาแย่งตำแหน่งที่นางใฝ่ฝันมานานได้อย่างสบาย

เหวิ่นลี่หยาที่อยู่ภายใต้เงาของเหวิ่นจือหยูเสมอมา แม้ว่าพี่สาวจะเป็นคนที่มีนิสัยร้ายกาจและเอาแต่ใจ แต่เพราะเป็นบุตรสาวคนโตที่เกิดจากฮูหยิน เหวิ่นจือหยูจึงได้รับทุกอย่างที่ดีที่สุด ทั้งการยอมรับจากครอบครัวและโอกาสในการเป็นคู่หมั้นขององค์ชาย แม้ว่าเหวิ่นลี่หยาจะเป็นที่ชื่นชมของทุกคน แต่ตำแหน่งสำคัญในตระกูลก็ตกเป็นของพี่สาวเสมอ เหมือนกับที่เฉียนอี้หรงมารดาของเธอไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรในจวนเลยแม้แต่น้อย เพราะฮูหยิน เหวิ่นซิ่วเหม่ย คุมอำนาจเป็นใหญ่ดูแลทั้งหมดในจวน

แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เหวิ่นลี่หยาพยายามเข้าหาองค์ชายหลี่หยวนเจ๋อและแสดงให้เห็นว่านางเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเหวิ่นจือหยูผู้เย่อหยิ่งและอารมณ์ร้ายหวังว่าองค์ชายจะมองเห็นว่านางมีคุณสมบัติเหมาะสมยิ่งกว่า แต่เมื่อเหวิ่นจือหยูฟื้นขึ้นมาและเริ่มเปลี่ยนแปลงไป นางกลับกลายเป็นคนใหม่ที่สงบเยือกเย็นและมีเมตตา ซึ่งทำให้เหล่าคนในจวน รวมถึงองค์ชายหลี่หยวนเจ๋อเอง ก็ค่อยๆ หันมามองเหวิ่นจือหยูในแง่ดีขึ้น นี่ทำให้เหวินหยางรู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียโอกาสของตัวเองไปทีละน้อย

เย็นวันนั้น เหวิ่นลี่หยาตัดสินใจไปหาองค์ชายหลี่หยวนเจ๋อที่ตำหนักของเขาเพื่อพูดคุยกับพระองค์ นางหวังว่าการแสดงตัวให้เห็นว่าเธอเป็นคนที่ใส่ใจและเหมาะสมที่สุด จะทำให้พระองค์เริ่มหันมาสนใจนางมากขึ้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel