ตอนที่10 สัญญา
“เมื่อไหร่คุณจะเลิกทำตัวแบบนี้สักที!...”
“ไม่เห็นแก่เอมก็เห็นแก่ลูกที่จะเกิดมาบ้างได้ไหม!” น้ำเสียงแห่งความเจ็บปวดและไม่พอใจถามฝ่ายตรงข้ามขึ้น
“ทำอะไร” ธิต หรือ สาธิต ย้อนถามด้วยความเบื่อหน่าย
“คุณมีเมียแล้วกำลังมีลูกนะธิต ทำไมทำตัวเจ้าชู้ไม่เลิกสักที!” ยิ่งเห็นท่าทางเบื่อหน่ายไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเขา ยิ่งทำให้เอมิกาโมโหหนักกว่าเก่า
“ฉันเลิกแล้วไง จะเอาอะไรอีก” ยอมรับว่าก่อนหน้าเคยคุยเคยควงกับผู้หญิงอื่น แต่หลังจากเธอท้องเขาก็ยุติความสัมพันธ์ฉาบฉวยข้างนอกนั่น
แต่จะบอกว่าเขาเลวที่มีเมียแล้วยังเจ้าชู้ก็ไม่ถูกหรอกนะ เพราะทุกอย่างมีที่มาที่ไปของมัน มีแรงจูงใจให้เขาทำตัวแบบนี้
“เลิกเหรอ ถ้าเลิกแล้วทำไมอีนั่นยังโพสรูปคู่กับคุณอีก!” แม้ว่ารูปนั้นจะไม่ได้เห็นหน้าสามีชัด แต่ภรรยาที่อยู่กันมานานทำไมจะไม่รู้
และทำไมจะไม่รู้ว่าอีเมียน้อยนั่นมันจงใจทำให้เธอรู้เห็น
“ฉันหยุดแล้ว ส่วนเธอก็เลิกหมกมุ่นให้คนอื่นชักจูงสักที”
“ก็ถ้าคุณไม่ทำตัวสำส่วนมั่วไม่เลือก ฉันจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้หรือไง!” ไม่มีแม้แต่คำขอโทษ ไม่สำนึกผิดหรือโอนอ่อนให้เธออย่างที่ควร
อดีตที่หวานฉ่ำของเรา ทำไมมันถึงขมขื่นขนาดนี้ล่ะ
“นั่นแหละคำตอบของปัญหาทุกอย่าง” ปากหยักกระตุกยิ้มหยันก่อนจะย้อนใส่เธอ
ถ้าไม่ทำตัวแบบนี้ ก็จะไม่เป็นมีสถานการณ์แบบนี้... หมายถึงทั้งเขาและเธอด้วยกันทั้งคู่
ภรรยาผู้โลภมาก แต่ไม่ใช่เรื่องทรัพย์สินเงินทอง เธอโลภในตัวผู้คนที่รักเธอ
“ธิตก็รู้ว่าเอมรักธิตมากแค่ไหน ไม่อย่างนั้นเอมจะแต่งงานกับธิตเหรอ” เธอรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เขาก็ควรรู้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ ว่าเธอรักเขามากแค่ไหน
ทั้งที่รู้ว่ามีคนที่รักเธอมากกว่าและไม่มีวันทำร้ายความรู้สึกของเธอแบบนี้
“เหรอ ทำไมฉันไม่ซึ้งกับคำนี้ของเธอเลยวะ” สาธิตพูดเหยียดหยาม พูดจบก็เดินหนีไม่อยากทะเลาะกับเรื่องเดิมๆ
เรื่องที่ไม่ว่าเธอจะยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแค่ไหน แสดงออกความรักที่มีต่อเขาอย่างมากเท่าไหร่ แต่สุดท้ายการกระทำหลายอย่างของเธอก็ทำให้ระหว่างเรา เดินทางมาถึงจุดนี้
ผู้หญิงที่เขาเคยรัก เคยอยากสร้างครอบครัวร่วมจนบ่อเกิดงานวิวาห์ เขาเคยให้เกียรติเธอ เคยทะนุถนอมเธอ
แต่จะให้ทำยังไงล่ะในเมื่อเขาดันรู้ว่าภรรยารักเขามาก แต่ก็ยังคงบ่วงรั้งใครอีกคนไว้ คนที่เคยสนิทสนมกันตั้งแต่เด็ก เป็นเหมือนพี่น้องคลานตามกันมา แต่ที่มากกว่านั้น...ก็เคยคบหากันในฐานะคนรัก
ในเมื่อเธอไม่ให้เกียรติเขา เขาก็แค่เลิกให้เกียรติเธอ ในเมื่อเขารู้ดีอยู่เต็มอกว่าเธอรักเขาแต่ไม่คิดจะปล่อยใครอีกคนไป เขาก็ไม่จำเป็นต้องให้ใจเธออีกต่อไป
“ขอร้องล่ะ เลิกทำแบบนี้สักที เลิกเป็นแบบนี้สักที เห็นใจกันบ้างเถอะ” เอมิกาหันไปมองแผ่นหลังกว้าง เอ่ยร้องขอออกมาเหมือนทุกครั้ง หวังว่าเขาจะเห็นใจเห็นแก่ความรักของเราบ้างสักนิด
แต่น่าเสียดาย อะไรที่เปลี่ยนไปแล้วใช่ว่าจะกลับมาเหมือนเดิมได้อย่างง่ายดาย
“อย่าทำให้เกิดรอยร้าวด้วยมือเธอ แล้วโทษว่าฉันใจร้ายเอม”
โชคดีแค่ไหนแล้ว ที่ตอนนี้เขายอมหยุดยอมถอยให้เธอหนึ่งก้าวเพื่อลูก
หลายอาทิตย์ต่อมา...
ผืนป่าเข้ามาบริหารงานในบริษัทของเมลินญาอย่างที่ตกลงไว้ แน่นอนว่าการปรากฏตัวของผืนป่าในครั้งแรกได้รับความไม่พอใจของผู้บริหารไม่น้อย โดยเฉพาะคุณบรรจงผู้ดำรงตำแหน่งประธานในปัจจุบัน ทำให้เกิดการประชุมครั้งใหญ่เพื่อกีดกันผืนป่าออกจากบริษัท
แต่น่าเสียดายที่ผืนป่าไม่ใช่เมลินญาผู้อ่อนประสบการณ์ในวงการ หากคนเหล่านี้คือไฮยีน่า ผืนป่าก็ไม่ต่างจากราชาแห่งป่า เขาสามารถเผชิญหน้าและต้อนอีกฝ่ายกลับไปได้อย่างง่ายดาย ที่มากกว่านั้นคือหุ้นในมือที่เขาถือครองมากที่สุด บวกกับความสามารถไปแล้วมันไร้ซึ่งข้อกังขามากที่จะมีใครปฏิเสธได้
สุดท้ายผืนป่าก็ใช้เวลาเพียงแค่เดือนเดียว เขาสามารถเรียกคืนตำแหน่งประธานกลับมาครอบครองแทนภรรยาได้
“เหลือแค่นิดเดียวฉันก็จะได้ครองทุกอย่างแล้วแท้ๆ แต่พวกแกก็มาแย่งมันจากมือฉันไปอีกครั้ง!” คุณบรรจงพูดกับตัวเองอย่างเคียดแค้นกับสิ่งที่เขาได้ครอบครองเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เป็นการครอบครองอย่างที่ยังไม่สมบูรณ์นัก แต่ก็กำลังจะทำให้มันสมบูรณ์ในไม่ช้า
แต่สุดท้ายเขาไม่เคยคิดเลยว่าหลานสาวที่ไร้ประสบการณ์อย่างเมลินญาจะกล้าขนาดโอนหุ้นให้สามีของเธอจนหมดเพื่อต่อกรกับเขา
“ฉันไม่ยอมให้ทุกอย่างหลุดมือฉันไปแน่!” ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นตอนที่ห้องประชุมถูกควบคุมไว้ด้วยอำนาจของผืนป่าทั้งที่พึ่งก้าวเข้ามาไม่กี่อาทิตย์ ทั้งที่เขาสั่งสมอำนาจลับๆ มายาวนานกว่าจะควบคุมอะไรได้ขนาดนี้
แม้จะมีบางคนที่ไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายคนเหล่านั้นกลับไม่กล้าพอจะปฏิเสธออกไป
การกระทำนี้ชัดเจนแล้วว่าผืนป่าควบคุมคนได้ และนี่ก็จะเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ของเขา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ก่อนประตูจะผลักเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าหลานสาว
“คุณอามีอะไรคะ” เมลินญาถามผู้เป็นอาราวกับไม่รับรู้ความรู้สึกใดของอีกฝ่าย คนที่พยายามเป่าหูเธอต่างๆ นานาเรื่องหุ้น
“เธอคิดอะไรอยู่ถึงกล้าทิ้งหุ้นในมือเกือบหมดให้คนอื่น” คุณบรรจงถามอีกฝ่ายอย่างพยายามไม่โมโห เขายังไม่ยอมเปิดเผยความรู้สึกจริงออกไป แสดงออกอย่างเป็นห่วงก็เพียงพอ
“พี่ป่าเป็นสามีของเม จะบอกว่าเป็นคนอื่นได้ยังไงคะ” คำพูดนี้เหมือนคำบอกเล่าทั่วไป แต่มันก็มีนัยสำคัญที่กำลังบอกว่า ‘อาต่างหากที่นับว่าเป็นคนอื่น’
“อารู้ว่านั่นคือสามีเธอ แต่พวกเธอพึ่งจะแต่งงานกันได้ไม่นาน ไม่คิดว่าเสี่ยงเกินไปหรือไงที่ยกหุ้นให้แบบนั้น” ทำไมเธอไม่ไว้ใจอาอย่างเขาแล้วยอมขายหุ้นให้เหมือนที่เขาเคยเสนอ
“งานบริหารมันหนักมากนะ ถ้าเมไม่ไหวขายหุ้นให้อาส่วนหนึ่งแล้วเก็บไว้ส่วนหนึ่งก็ได้ อาจะดูแลทุกอย่างให้เอง ส่วนเมรอรับเงินเดือนกับปันผลไม่ต้องมาทำงานก็ได้”
“ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง แต่เมไม่ขายหรอกค่ะ เมอยากเก็บสิ่งที่พ่อทิ้งไว้ให้ดีที่สุด”
“ไหนบอกว่าอยากเก็บสิ่งที่พ่อทิ้งให้ แล้วทำไมตอนนี้ถึงผิดคำพูดของตัวเอง” คุณบรรจงพยายามควบคุมน้ำเสียงและอารมณ์
“เมกับพี่ป่าเป็นสามีภรรยากัน ของๆ เมก็เหมือนของพี่ป่าค่ะ...”
“อีกอย่างมันเป็นเรื่องดีต่อเราสองคนไม่ใช่เหรอคะ ที่มีคนเก่งกาจมาเป็นผู้บริหารและนำบริษัทให้เติบโตขึ้น” มันดีมากหากนับเป็นประโยชน์ตามความเที่ยงตรงไม่ใช่ผลประโยชน์ส่วนตัว
“อาคงพูดอะไรไม่ได้ แต่สิ่งที่เธอทำวันนี้ มันอาจจะทำให้เธอเสียใจ จำคำอาไว้”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงเมนะคะ เมขอตัวก่อน” เมลินญาไม่ได้ใส่ใจคำพูดนั้นสักนิด เพราะสิ่งที่จะทำให้เธอเสียใจที่สุดก็คือ ให้ผู้เป็นอาครอบครองทุกอย่างในมือต่างหาก
พอออกจากห้องคุณบรรจงที่ลงมาดำรงตำแหน่งเดิมก็ตรงไปยังห้องของประธานบริษัทที่พ่อเธอเคยทำงาน ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นสามีของเธอที่เป็นเจ้าของห้องนี้แทน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เคาะห้องเสร็จก็เปิดเข้าไปด้วยรอยยิ้ม เห็นสามีของเธอที่นั่งก้มหน้าทำงานอย่างตั้งใจเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอ
“ขยันจังเลยนะคะท่านประธาน” กระเซ้าสามีตัวเองระหว่างเดินเข้าไปหยุดข้างเก้าอี้หนังตัวใหญ่ของเขา ก้มลงไปหอมแก้มสากอย่างรักใคร่
“ทำงานให้คุ้มกับหุ้นในมือหน่อยสิ เดี๋ยวบริหารไม่ดีเจ้าของเขาจะตำหนิแล้วเรียกกลับคืน” ผืนป่าดึงเธอมานั่งตักแล้วกระเซ้ากลับเหมือนไม่ได้คิดอะไรในสิ่งที่พูด
“ใครจะกล้าคะ สู้ให้พี่ป่าทำกำไรให้เยอะๆ แล้วเมรับเงินเดือนกับปันผลดีกว่า” กอดคอแกร่งแล้วพูดขึ้นด้วยท่าทีสบายๆ
เพราะเธอไม่เคยมีความคลางแคลงใจใดๆ ต่อสามีเลย รักเขามาก ยอมเขาได้ทุกอย่าง และให้เขาทั้งหมดที่มีอย่างไม่เสียดาย
“ทำหน้าที่เมียให้ดี แล้วพี่จะเพิ่มเงินเดือนให้เท่าตัว” ผืนป่าตอบกลับอย่างใจกว้าง พูดไปปากร้ายก็เริ่มซุกคอระหงสูดดมกลิ่นกายที่หอมผ่อนคลายอย่างที่เขาชอบ
“อื้อ! อย่าเกเรสิคะ ห้องทำงานนะ” เมลินญาปรามเสียงกระเส่าเมื่อรับรู้ถึงความแข็งขื่นเป็นลำ เธอกลัวว่าเขาจะหักห้ามใจไม่ไหวแล้วเตลิดไปไกลในที่ทำงาน
“เดี๋ยวสั่งเลขาไม่ให้ใครเข้ามากวนเวลาของผัวเมีย” ปากยังคงไม่ผละออกจากคออ่อนนุ่ม พูดอย่างไม่ปกปิดความต้องการ
แขนแกร่งข้างหนึ่งยื่นออกไปเพื่อหยิบโทรศัพท์สั่งเลขาที่เป็นคนของเขาเอง
แต่...
พลั่ก! ประตูห้องถูกผลักเข้ามาอย่างไม่ได้รับการเคาะส่งสัญญาณใดๆ ทำให้ทั้งผืนป่าและเมลินญาตกใจหันไปยังต้นเสียง
พร้อมกับ...
พรึ่บ!
