ตอนที่ 4 ครั้งที่ 1
มือบางล้างจานข้าวตัวเองหลังทานข้าวเสร็จเรียบร้อย อันดาทำเป็นประจำทุกวันมีแค่มื้อเย็นเท่านั้นที่เธอไม่ต้องทำเองเพราะจะทานข้าวพร้อมกับปรินซ์ ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างอันดากับแม่สามีที่สั่งไม่ให้เอาเรื่องนี้ไปฟ้องปรินซ์
‘ลูกฉันก็ทำงานเหนื่อยอยู่แล้ว อย่าเอาเรื่องในบ้านไปฟ้องให้ตาปรินซ์เหนื่อยใจล่ะ’
เพราะปรินซ์ต้องพิสูจน์ตัวเองในบริษัทเนื่องจากเป็นหลานคนเดียวที่ได้ทำงานจากตำแหน่งทั่วไปให้ไต่เต้าตัวเองด้วยความสามารถต่างจากพวกพี่ ๆ ที่เรียนจบก็เข้ามาบริหารกิจการเลย
เหตุนี้มั้ง อันดาเลยยอมทำหูทวนลม ไม่เอาเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปเล่าให้ปรินซ์ พอเขาถามว่าอยู่บ้านเป็นยังไงบ้างก็จะปล่อยผ่านเรื่องในใจตลอดมา กระทั่งเธอผ่านไปได้ยินบางอย่างที่คิดว่าต่อไปเธอน่าจะคุยกับสามีจริงจังสักที
“ฉันสงสารคุณอันดาวะ!” ดาวสาวใช้ในบ้านกำลังรอผ้าในเครื่อง ระหว่างนั้นก็เปิดหัวข้อเพื่อเม้าท์มอยข้ามเวลาไปพลางๆ
“เออวะ แต่งเข้ามาต้องมาทำงานเหมือนกับเป็นสาวใช้ เรียนจบก็สูง คุณปรินซ์น่าจะให้พาคุณอันดาไปช่วยงานดีกว่ามาอยู่บ้านให้แม่ผัวโขกสับอยู่แบบนี้” นิดร่วมวงสนทนาทันที เห็นทุกวันจนอดที่จะพูดถึงไม่ได้
“สงสารเนอะ มีแม่ผัวใจดำคอยกีดกันความรัก”
“จริง ฉันก็สงสาร ต้องล้างจาน ทำความสะอาดนู่นนี้เอง ขนาดฮันนีมูนยังไม่เหตุไม่ได้ไปตลอดเลย คุณปรางก็กระไร มาป่วยทุกที”
“ป่วยการละครนะสิ!”
“บ้า แกพูดงี้คือ!?” เรื่องกลั่นแกล้งนั้นนี้ นิดเห็นทุกวัน แต่เรื่องป่วยการละคร นิดไม่อยากจะเชื่อ
“ป้าสมจิตรมาบ่นกับฉันว่าคุณปรางคอยแกล้งคุณอันดา ไม่อยากให้ไปฮันนีมูนกัน จัดฉากป่วยทุกรอบ” ดาวนินทาเจ้านายทำท่าจีบปากจีบคอเม้าท์มอยอย่างออกรส
“แต่ครั้งล่าสุด คุณปรางหัวแตกเลยนะ จะการละครได้ไง” นิดขมวดคิ้วยุ่ง ไม่อยากเชื่อเรื่องล่าสุดเท่าไหร่
“แกรู้แล้ว เหยียบไว้เลยนะ ถึงหูคุณปรางตกงานคู่แน่”
เสียงนั้นดังไม่ถึงหูอันดาที่ผ่านมาได้ยินแต่เลือกที่จะยืนนิ่งเพื่อฟังต่อไม่เข้าไปแทรก ทว่ารอไม่นานนิดก็เฉลยสิ่งที่ดาวกระซิบออกมาเสียงดังฟังชัด
“เฮ้ย! บ้าไปแล้ว คุณปรางเนี่ยนะเอาแจกันฟาดหัวตัวเอง…อุ้บ!” มือของดาวรีบเอื้อมไปปิดปากเพื่อนโดยเร็ว มองซ้ายมองขวากลัวใครจะผ่านมาได้ยิน
“ยัยนิด! มึงจะเสียดังทำไม”
“ขอโทษๆ ก็ฉันตกใจนี่” นิดแกะมือดาวออกแล้วขอโทษทันที
“ฉันไม่ได้แต่งเรื่องนะ ป้าสมจิตรเป็นคนบอกฉัน จริงๆ แกเห็นกับตาว่าคุณปรางเอาแจกันฟาดหัวก่อนจะแกล้งล้ม จัดฉากว่าตกบันได”
อันดานิ่งอึ้งอย่างคิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าทำแบบนี้ เธอพยายามฟังหูไว้หู แต่จะเก็บไปสังเกตเอง ทว่าอย่างที่ได้ยินต่อจากนี้ ทำให้ใจอันดาเริ่มจะเชื่อสิ่งที่ดาวกับนิดเม้าท์มอยกัน
“คุณปรางจะทำแบบนั้นทำไม ตอนคบกัน คุณปรินซ์กับคุณอันดาก็ต้องเคยไปเที่ยวกันบ้างไหมวะ จะหวงอะไรขนาดนั้น”
“เนี่ย! ใครไม่รู้ก็คงไม่เชื่อ ตอนเขาคบกัน คุณปรางส่งคนไปตามติดคอยรายงานตลอด ถ้าคุณปรินซ์จะไปเที่ยวกับคุณอันดาก็ต้องบอกคุณปรางว่าไปดูงานในบริษัทเจ้าสัว ไม่ได้บอกตรงๆ ไม่งั้นคงไม่ได้ไป”
“แล้วคุณปรางเชื่อ!?”
“ไม่เชื่อ แต่ลุงวรช่วยคุณปรินซ์ทุกรอบ” ถ้าไม่ได้ลุงถาวรคนขับรถเป็นพวกอีกคน
เส้นทางความรักของอันดาและปรินซ์คงจะพังไปตั้งนานแล้วคงไม่ถึงขั้นได้แต่งงานกันหรอก
“เฮ้ย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย” ณิรินฟังเรื่องเล่าจากอันดาด้วยความมึนงง มีคนแบบนี้บนโลกด้วยเหรอวะ ทำร้ายตัวเองเพื่อทำลายความสุขของลูก แถมยังทำลายครอบครัวที่ลูกกำลังสร้างด้วย
“แล้วพ่อแม่แกรู้เรื่องนี้ไหม” ณิรินถามอย่างร้อนใจทันที ลูกสาวคนเดียวของพ่อแม่ น้องสาวคนเล็กของบ้าน ทุกคนทะนุถนอมอันดามาอย่างดี แต่กลับมาเจอป้าประสาทแดกที่อยู่ในนามแม่สามี
“ไม่” อันดาส่ายหน้า “ไม่อยากบอกพวกเขาให้มองแม่พี่ปรินซ์ไม่ดี”
“เออๆ เข้าใจๆ” เพราะอันดากับปรินซ์ไม่ได้จะเลิกกัน ถ้าพูดก็อาจจะทำให้ครอบครัวมองไม่เหมือนเดิมอีก
“งั้นพี่ปรินซ์ล่ะ เชื่อหรือเปล่าว่าแม่พี่เขาทำแบบนั้นกับแก”
“ไม่รู้” อันดาตอบเสียงเศร้า
“หมายความว่าไง ไม่รู้!?”
อันดาจึงเล่าย้อนกลับไปตอนที่ทั้งคู่ตกลงจะมีน้องเลยนัดกันไปปรึกษาคุณหมอสูตินารีเวชที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
เพราะปรินซ์ติดประชุมด่วนทำให้ปรินซ์ไม่สะดวกไปรับอันดาเพื่อมาโรงพยาบาลพร้อมกัน
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ปรินซ์ เดี๋ยวอันให้ลุงวรไปส่งก็ได้ค่ะ”
(พี่นี่แย่จริงๆ เลย รับปากอันดาแล้วแต่ก็ไปรับเองไม่ได้) ปรินซ์เอาแต่โทษตัวเอง รู้สึกผิดเพราะตั้งแต่แต่งงานกันมา เขาละเลยอะไรหลาย ๆ อย่าง ภาพก่อนแต่งงาน ยังไม่เคยเกิดขึ้นสักเรื่อง แต่เรื่องที่จะมีลูกด้วยกัน เขาหวังเต็มที่ อยากให้มีเด็กตัวน้อย ๆ มาวิ่งเล่นในบ้าน เด็กที่เกิดจากอันดาเท่านั้น
“แค่นี้เองค่ะ เจอที่โรงพยาบาลก็ได้ค่ะ พี่ปรินซ์จะได้ไม่ต้องวนรถไปมาอีก”
(เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่เดี๋ยวพี่ไม่มีงานต่อแล้ว อันดาบอกให้ลุงวรขับกลับเลย พี่จะพาอันดาไปทานข้าวต่อ)
ตกลงนัดกันเสร็จสรรพอันดาก็เดินทางมาโรงพยาบาลด้วยตัวเอง เนื่องจากแม่สามีต้องใช้รถเลยทำให้อันดาต้องนั่งแท็กซี่ออกมา พอถึงที่หมายเธอก็ส่งข้อความรายงานสามีแบบที่ทำมาตลอด กระทั่งใกล้จะถึงเวลานัด ปรินซ์ก็ยังไม่มา อันดาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาส่งไลน์หาอีกครั้งว่าประชุมเสร็จยัง ถ้าติดเรื่องงานเธอได้วางใจ ไม่ต้องกังวลว่าทำไมถึงมาไม่ถึงสักที ปกติเขาเป็นคนตรงต่อเวลา ถ้าติดปัญหาก็จะไลน์มาหากันทันที
“ทำไมไม่ตอบไลน์นะ” อันดาร้อนใจ ใจเริ่มเต้นผิดจังหวะ อย่าให้อะไรที่คิดไว้เป็นจริงเลยนะ
“คุณอันดาคะ ถึงคิวแล้วค่ะ เชิญที่ห้องคุณหมอได้เลยค่ะ” พยาบาลเดินเข้ามาตามที่โซฟานั่งรอ
“แป๊บหนึ่งนะคะ” อันดาจึงปลีกตัวออกไปโทรตามปรินซ์ ไม่ว่าจะโทรกี่สายก็ไม่มีการตอบรับและไม่มีสายโทรกลับมาเลย
กระทั่ง…สายที่เท่าไหร่ไม่รู้ก็มีเสียงตอบรับสักที
“พี่ปรินซ์อยู่ไหนคะ ทำไมไม่อ่านไลน์ กว่าจะรับสายอันอีก อันโทรหาพี่เป็นสิบสายแล้วนะ” เป็นครั้งแรก ที่อันดาบ่นใส่สามี มันเหลืออดแล้วจริง ๆ
(อันดา เอ่อ…พี่ไปไม่ได้แล้วนะ)
“คะ!? แต่เรานัดคุณหมอไว้แล้วนะคะ” เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ยังไงวันนี้เธอก็จะไม่ยอมเหมือนตอนไปฮันนีมูนอีก
(เลื่อนนัดคุณหมอแทนนะ) เขาตอบกลับมาง่าย ๆ
“แล้วทำไมพี่ไม่มา”
(พอดีว่าคุณแม่หกล้ม)
“อีกแล้ว…” อันดาอดจะบ่นเรื่องนี้ออกมาไม่ได้จริง ๆ
(หมายความว่าไงอะอันดา!) และเป็นครั้งแรกที่ปรินซ์ขึ้นเสียงใส่อันดาเหมือนกัน
“ทำไมทุกครั้งที่เรานัดกัน คุณแม่ต้องมีเรื่องทุกครั้งเลย”
(ทำไมพูดอย่างนี้ แม่พี่ไม่สบายนะอันดา)
“ถ้าไม่สบายจริงๆ อันก็เข้าใจอยู่หรอกค่ะ แต่เริ่มจะไม่เชื่อแล้วว่าแม่พี่ไม่สบายจริงๆ”
(อันดา!) ปรินซ์ตวาดอย่างข่มอารมณ์ เขาเหนื่อยจากงาน ต้องรีบขับรถออกมาหาเมียที่นัดกัน ใกล้จะถึงที่หมายแล้วแท้ ๆ ต้องวนรถกลับไปบ้านใหม่เมื่อที่บ้านโทรมาส่งข่าว
“พี่ปรินซ์ไม่เคยสงสัยบ้างเหรอว่าทำไมระหว่างเราต้องมีเรื่องทุกครั้งเลย อันอดทนมาตลอด ไม่อยากให้พี่ลำบากใจ แต่ถ้าอันไม่พูด ต้องเป็นอันคนเดียวที่ต้องอดทนกับเรื่องอะไรก็ไม่รู้”
(อันดาอย่าพาล!)
“พี่ปรินซ์ต้องมาตามนัด”
(พี่บอกว่าพี่ไปไม่ได้ ทำไมพูดไม่เข้าใจ แล้วไม่ต้องให้พี่เลือกนะ…) เหมือนปรินซ์จะรู้ใจปลายสายเพราะเขาพูดดักทันที (…เพราะพี่ไม่เลือก เรื่องมีลูกเอาไว้ก่อน พี่ขอดูแลทางนี้ก่อน เดี๋ยวพี่ให้ลุงวรไปรับกลับบ้านนะ)
“ไม่ต้องค่ะ ตอนขามาอันก็มาเอง ถ้ากลับอันก็กลับเองได้!!” พูดจบอันดาก็วางสาย จุกในอกอย่างบอกไม่ถูก ยังไม่ทันที่เธอจะเล่าสิ่งที่ได้ยินมา เขาก็ตัดบทใส่เธอ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าพูดไปก็ไม่มีความหมาย
