
บทย่อ
“เอาอีกแล้ว...ฉันว่าแล้วไง เป็นแบบนี้ทุกที” เกวลินผุดลุกขึ้นนั่ง หัวหูยุ่งเหยิง นาฬิกาที่หัวเตียงบอกเวลาตีสาม เสียงผัวหนุ่มเมียสาวถกเถียงกันกลางดึก “เกว ผมขอรอบเดียวนะ..นะ” เสียงชายหนุ่มเว้าวอนอ่อนหวาน “รอบเดียว...รอบเดียวมากี่ครั้งแล้วคุณวิน... จะสว่างอยู่แล้วเนี่ย” ปากบ่น ทั้งที่หนังตาหนัก ใกล้จะปิดเต็มที “น่านะ เมียจ๋า รอบเดียว”ต่อรอง ทั้งที่มือไม้ยุ่มย่ามไม่ยอมหยุด เกวลินถูกดึงลงไปนอนอีกครั้ง คงได้สำลักความสุขกันล่ะคราวนี้
1
หญิงสาวชาวกรุง รูปร่างโปร่งบางแบกเป้ใบใหญ่ แต่งกายทะมัดทะแมง ย่ำเท้าที่ห่อหุ้มด้วยรองเท้าผ้าใบกลางเก่ากลางใหม่ เดินมาตามถนนลูกรัง จุดหมายคือไร่อนาวิน ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากถนนเส้นหลักราว ๆ ห้าหกกิโลเมตร แถบอำเภอชายแดนทางด้านตะวันตกของประเทศไทย ยังดีที่แดดร่มลมตก แต่กระไอความร้อนที่สะสมบนพื้นผิวถนนมาทั้งวัน ก็เล่นเอาเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ซึมเกาะตามไรผมที่ล้อมรอบวงหน้าเรียว แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา
ความจริง เจ้าสัวดนัย ย้ำนักย้ำหนาให้โทรหาคนที่ไร่ นั่นก็คือทายาทคนเดียวของท่าน ให้ส่งรถมารับ แต่เพราะเกวลิน อยากจะยืดเวลาออกไปสักนิด ถึงแม้จะตัดสินใจแน่วแน่ที่จะทำงานนี้ แต่ลึก ๆ ก็ยังหวั่นไหว ไม่ค่อยมั่นใจนัก บางทีการเดินใช้ความคิดเงียบ ๆ คนเดียวสักห้าหกกิโล อาจจะทำให้หล่อนรวบรวมสติอันกระเจิดกระเจิงกลับมาได้
หญิงสาวเดินมาเรื่อย ๆ ไม่ได้รีบร้อนกระทั่งมองเห็นป้ายชื่อตัวโต ไร่ อนาวิน หล่อนดีใจราวกับเจอโอเอซีสกลางทะเลทราย เพราะตอนนี้ลำคอแห้งผาก อยากจะดื่มน้ำสักสามลิตรถ้าเป็นไปได้รั้วลวดหนามถี่ ๆ ที่ทอดยาวตลอดแนว หล่อนประมาณไม่ถูกหรอกว่าเนื้อที่เท่าไหร่ รู้แต่ว่ากว้างมาก หญิงสาวสอดส่ายสายตา มองหาใครสักคนที่จะมาเปิดประตูรั้วให้ แต่ก็ไม่มี มองเข้าไปมีแต่ต้นไม้ แล้วก็ต้นไม้ ตัวบ้านคงจะแอบซ่อนอยู่ใน ความร่มรื่นเป็นแน่ จึงมองจากจุดนี้ไม่เห็น
เกวลินลองผลักบานประตูรั้วไม้หนาหนักเผื่อจะเปิดเข้าไปเองได้ แต่ก็ไร้ผล จึงถอยออกมายืนพิจารณา กวาดตามองหากริ่ง เผื่อจะมีแต่ก็ไม่พบ เกวลิน ยู่หน้าใส่ ใจนึกไปถึงผู้เป็นเจ้าของไร่ ช่างเข้าถึงยากเย็น.....เฮอะ.... คงเหลือทางสุดท้าย
เอาวะ...ปีนก็ได้ มาถึงขั้นนี้แล้ว...หญิงสาวลืมคิดเรื่องโทรศัพท์ไปเสียสนิท หล่อนไม่รอช้า ไม่ต้องวางมาดนางพญา รีบโยนเป้ใบใหญ่ข้ามรั้วไปก่อน และตรงเข้าใช้ทักษะสมัยเด็กวัยซนที่ชอบแอบบิดาไปปีนป่ายเล่นราวกับเด็กผู้ชาย แถมยังตั้งตัวเป็นหัวหน้าแก๊งค์อีกต่างหาก แถวบ้านจึงมีแต่เด็กเรียกลูกพี่ ไม่นึกว่าจะนำมาใช้ประโยชน์ได้ในตอนนี้
“...ตุ๊บ....” หญิงสาวกระโดดลงมายืนในไร่ได้อย่างสวยงาม สมกับเป็นหัวหน้าแก๊งค์
“...โฮ่ง....โฮ่ง.....โฮ่ง”
“เฮ้ย...ไม่นะ” แค่เสียงโฮ่งแรก ก็ทำเอาสาวเจ้า ปีนกลับขึ้นไปเกาะหนึบอยู่บนประตูรั้วเกือบขั้นสุด สายตาล่อกแล่ก มองหาเจ้าของเสียงอย่างหวาด ๆ เพียงไม่นานก็มีเด็กหนุ่มอายุราวสิบห้าสิบหก วิ่งกระหืดกระหอบออกมาในมือจับโซ่เส้นใหญ่ ที่เกาะติดกับปลอกคอเจ้าหมาร่างยักษ์สีดำทะมึน
“พี่สาวครับ ลงมาเถอะครับ” เด็กหนุ่มตะโกนบอก กลั้นหัวเราะเต็มที่ เขามาทันได้เห็นภาพหญิงสาววิ่งกลับไปปีนแผงประตูรั้ว มันเป็นภาพที่น่าทึ่งมาก ไม่กลัวจริงคงทำไม่ได้
“ไม่เด็ดขาด เอาเจ้านั่นกลับไปก่อน” เกวลินส่ายหน้าหวือ เกาะแผงประตูรั้วไว้แน่น ตะโกนบอกเด็กหนุ่มที่มาใหม่
“เจ้าสำลีมันไม่กัดใครหรอกครับ”
“ห๊า....ชื่อสำลี มันไม่กัดแน่นะ” เกวลินไม่ค่อยไว้ใจ ขนาดชื่อ เจ้าของมันยังตั้งไว้ลวงโลกได้ลงคอ......ตัวดำเป็นถ่าน แต่ดันชื่อสำลี.....
“ครับ เจ้านายให้ผมมาเชิญพี่สาวเข้าไปในบ้านครับ” เด็กหนุ่มส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้ รวมทั้งเจ้าสำลีที่นั่งหอบลิ้นห้อยยาวออกมาจากปากใหญ่ นี่ถ้าทำอะไรไม่ถูกใจ ไอ้เจ้าสำลีมันคงงับหัวหล่อนเข้าไปได้ทั้งหัวแน่เลย.....บรื๋ออออ.......
พอดูจนแน่ใจ เกวลินจึงกระโดดลงมาอีกครั้ง ก้มลงหยิบเป้ขึ้นมาปัด ๆ ฝุ่นออกเล็กน้อย ก่อนจะคล้องเข้ากับหัวไหล่ และเดินตามเด็กหนุ่มเข้าไปภายในไร่
“พ่อสำลีสุดหล่อ เกว มาดีนะจ๊ะ...เป็นเพื่อนกันนะ” หญิงสาวรีบผูกมิตรกับเจ้าร่างยักษ์เป็นอันดับแรก
“โฮ่ง....” เกวลินสะดุ้ง เจ้าหมายักษ์กระดิกหางไปมา จึงเหมาเอาว่าเจ้าสำลีตอบรับหล่อนแล้ว
“น้องชื่ออะไรจ๊ะ” เกวลินตั้งใจผูกมิตรกับรายต่อไป เห็นเด็กหนุ่มท่าทางซื่อ ๆ หน้าตาออกจะขาวซีด
“ครกครับ”
“ขอบใจมากนะนายครกสุดหล่อ ฉันชื่อเกวลิน เรียกพี่เกว ก็ได้จ่ะ”
“ครับพี่เกว” นายครกยิ้มกว้างนึกชอบท่าทางลุย ๆ ห่าม ๆ ของพี่สาวคนนี้ดูโคตรเท่ห์เลยว่ะ.... ไม่น่ารำคาญเหมือนพวกสาว ๆ ที่เคยแวะเวียนมาหาเจ้านายบ่อย ๆ
นายครกเดินนำพี่สาวร่วมโลก มาที่บ้านไม้ชั้นเดียว ยกพื้นสูง ขนาดกะทัดรัด แต่ดูน่าสบาย ระเบียงหน้าบ้านเปิดโล่ง มีโต๊ะเก้าอี้ จัดวางไว้เรียบร้อย เด็กหนุ่มพาเจ้าสำลีเข้าไปอยู่ในกรงใหญ่ด้านล่างเรียบร้อย จึงกลับมาบริการแขกคนสำคัญ
“พี่เกว รอตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวคุณวินก็มา” นายครก ยกเหยือกน้ำเย็นเจี๊ยบพร้อมแก้วใบเล็กมาวางไว้ให้ บนโต๊ะไม้ริมระเบียง หญิงสาวจึงตามไปนั่งลง ไม่ต้องรอให้ใครเชิญ
“อ้าว แล้วครกจะไปไหนเหรอจ๊ะ” เกวลินถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินไปทางบันได
“กลับบ้านครับ”
“ไม่ได้พักที่นี่เหรอจ๊ะ”
“เปล่าครับ บ้านนี้นายอยู่คนเดียว ผมไปก่อนนะครับ” พูดจบก็เดินลงจากบ้านไป คว้าจักรยานปั่น ออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่อยู่ให้ซักถามอีก หญิงสาวได้แต่มองตามเด็กหนุ่มไป เสียดายนึกว่าจะมีเพื่อนคุย
อนาวินจับจ้องอิริยาบท หญิงสาวผู้มาเยือนตั้งแต่เห็นหล่อนยืนเก้ ๆ กัง ๆ ที่หน้ารั้วผ่านกล้องวงจรปิดคุณภาพสูง ที่ติดตั้งแอบซ่อนไว้อย่างแนบเนียน ชายหนุ่มรู้ทันทีว่าเจ้าหล่อนคือคนที่พ่อเขาส่งมา แต่ไม่คิดว่าคุณเธอจะห้าวได้ขนาดนี้ จากความหงุดหงิดที่คุยกับบิดาเมื่อเช้านี้ เพิ่มเติมคือความขบขัน ตั้งแต่เห็นเจ้าหล่อนจ้ำอ้าวขึ้นไปเกาะอยู่บนรั้วเมื่อได้ยินเสียงเจ้า สำลี....นี่หรือวะ...สะใภ้ตระกูลวงศ์วิริยะกุล พ่อเขาต้องเข้าใจอะไรผิดแน่ ๆ หรือเครียดจนเพี้ยนไปแล้ว ถึงได้เลือกยัยโก๊ะ มายัดเยียดให้เป็นเจ้าสาวของเขา
