คุ้นหู
“ผมไม่เข้าใจคุณพ่อจะเหงาอะไรนักหนาในเมื่อก็มี ภรรยาใหม่ที่ทั้งสาวแล้วก็แสนจะสวยแบบนั้น”
ตะวันไม่ใช่แค่เพียงพูดจาเหน็บแนมบิดาแต่รอยยิ้มและท่าทางของเขายังแสดงถึงความไม่พอใจและน้อยใจ
“เขมจิราไม่ใช่สายเลือดของพ่อ เราสองคนแต่งงานกันเพียงเพราะหวังจะฝากผีฝากไข้กันในยามแก่ชรา ความรักระหว่างปู่กับหลาน ความรักระหว่างสามีภรรยามันต่างกัน”
ประกิตเปลี่ยนจากท่าทางที่ดูเศร้าหมองเป็นท่าทางเอาจริงเอาจังเมื่อเห็นว่าลูกชายเริ่มวนเข้าหาเรื่องภรรยาใหม่ของเขาอีกครั้ง
“การที่ผมจะมีลูกก็แปลว่าผมต้องมีภรรยาบอกตรง ๆนะครับผมไม่อยากมีครอบครัวเลยเพราะอะไรรู้ไหม”
ชายหนุ่มพูดและมองเข้าไปในดวงตาของบิดาที่เวลานี้มันดูเหี่ยวเฉาเหมือนคนกำลังรู้สึกเย็นชากับเรื่องราวต่างๆ
“เพราะผมเห็นชีวิตขอบคุณพ่อกับคุณแม่”
“แกไม่มีสิทธิ์มาตัดสินชีวิตครอบครัวใครว่ามีความสุขหรือทุกข์แม้แต่พ่อกับแม่แกก็ยังไม่เข้าใจในทุกอารมณ์ถึงเราจะทะเลาะกันแค่ไหนแต่ทุกครั้งที่พ่อคิดถึงคำว่าครอบครัวใบหน้าของแม่แกก็ชัดเจนเสมอ”
ชายชราที่ยังคงแข็งแรงลุกขึ้นจากเก้าอี้เพราะเขาไม่ต้องการจะฟังลูกชายพูดให้เสียใจอีกต่อไปแล้ว
“ฉันให้เวลาแก่อีก 1 ปีถ้ายังไม่มีหลานให้กับฉันธุรกิจทั้งหมดรวมทั้งบริษัทนี้ด้วยฉันจะยกให้กับหลานคนอื่นแล้วก็การกุศลเลือกเอาเองแล้วกัน”
บิดาเดินออกไปแล้วทิ้งไว้แต่คำพูดที่ดูเหมือนจะเป็นการยื่นคำขาดแบบจริงจังไว้ให้กับลูกชายได้คิดและตัดสินใจ
ตะวันเกิดและเติบโตมากับครอบครัวที่มีแต่เสียงทะเลาะ ทุกเย็นเขาจะต้องเห็นแม่นั่งร้องไห้เพื่อคอยพ่อกลับมาจากข้างนอกแล้วก็ตามมาด้วยเสียงโวยวายด่าว่าก่อนที่เช้ามาทุกคนก็จะมีรอยยิ้มเหมือนว่าไม่เคยเกิดเรื่องอะไรแต่สำหรับตะวันแล้วเขาไม่เคยลืม ทุกคำด่าทอที่ทั้งคู่พ่นใส่กันเวลาโมโห
“ขออนุญาตเข้าไปในห้องนะคะ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงที่ตะวันรู้สึกคุ้นหูเพราะมันเป็นเสียงของแก้วขวัญนักศึกษาฝึกงานที่มักจะเอาเอกสารของฝ่ายบุคคลเข้ามาให้เขาเซ็นอยู่ประจำ
“เอกสารของฝ่ายบุคคลค่ะ”
“อย่าเพิ่งไป นั่งก่อนสิ”
การเข้ามาของแก้วขวัญทำให้ท่านประธานคิดแผนการอะไรออกซึ่งเขาคิดว่าคงไม่มีใครเหมาะที่จะร่วมมือกับเขาในการทำแผนนี้ให้สำเร็จเท่ากับแก้วขวัญอีกแล้ว
