บทย่อ
เธอต้องการเงินและอนาคตดีๆให้หลานสาว เขาเองก็ต้องการทายาทเพื่อรักษาตำแหน่งท่านประธานและสมบัติ บุพเพสันนิวาสนำพาคนทั้งคู่มาเจอกัน สัญญาความเป็นสามีภรรยามีวันสิ้นสุดแต่ความรู้สึกบางอย่างมันกลับกำลังเริ่มต้น ตะวันจะทำอย่างไรเมื่อเวลานี้เขาตกหลุมรักทั้งแม่และลูกเข้าแล้ว *** “คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร” เป็นคำถามที่คนถามวาดหวังคำตอบที่จะทำให้หัวใจของเธอรู้สึกชุ่มชื่นขึ้นมาบ้างถึงแม้ว่าเธอจะไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เขาทำมันเป็นความรู้สึกจากหัวใจ “ผมไม่อยากเสียข้าวปุ้นไปแล้วก็คงไม่มีใครจะรักข้าวปุ้นได้ดีเท่าคุณ” หญิงสาวผู้บอบช้ำเธอสูญเสียความบริสุทธิ์ความสาวที่ตั้งใจเก็บรักษามันไว้ให้กับคนที่เธอรักและเขาก็รักเธอแต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงแค่หน้าที่ของความเป็นแม่ เขานอนกับเธอเพราะต้องการให้เธออยู่เลี้ยงลูกไม่ใช่เพราะรัก แก้วขวัญบอกกับตัวเองให้รู้ว่าเธอเองก็มีค่าเป็นเพียงแค่คนเลี้ยงเด็ก
ยื่นคำขาด
ตอนที่ 1
ยื่นคำขาด
“ท่านประธานเรียกแก้วมาทำไมหรือคะ”
ครองแก้วหัวหน้าฝ่ายบุคคลทำถ้ากล้า ๆ กลัว ๆ เมื่อถูกเจ้านายเรียกเข้ามาพบที่ห้องทำงานตั้งแต่เช้าแบบนี้
“เมื่อเช้าผมเห็นคุณคุยกับแก้วขวัญดูท่าทางจริงจังแต่พอผมเดินเข้ามาก็หยุดพูด คุณคุยเรื่องอะไรกัน”
ตะวันรู้สึกถูกชะตากับแก้วขวัญถึงแม้ทั้งคู่จะไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่แต่ชายหนุ่มก็สังเกตพฤติกรรมของสาวน้อยคนนี้อยู่ห่างๆและวันนี้เขาก็รู้สึกสงสัยกับลักษณะท่าทางที่แก้วขวัญกับครองแก้วทำตัวมีพิรุธเมื่อเขาเดินเข้ามา
“คือแก้ว….”
หญิงสาวที่เวลานี้ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรได้แต่ลากเสียงยาวเพราะกลัวว่าถ้าไม่พูดความจริงให้เจ้านายรู้อาจจะมีผลต่อ การพิจารณาการเลื่อนเงินเดือนที่จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้
“ผมเป็นเจ้านาย คุณไม่เชื่อใจผมหรือยังไง”
ตะวันอ่านใจถูก เขาใช้ความเป็นเจ้านายมาบีบเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องยินยอมบอกความจริง
“เมื่อเช้าพี่สาวของแก้วขวัญเอาลูกของเธอที่เพิ่งคลอดได้เพียงสัปดาห์เดียวมาทิ้งไว้ที่หน้าบ้านแล้วตัวเองก็หนีหายไป”
เมื่อจำเป็นต้องเล่าครองแก้วจึงเล่าความจริงตั้งแต่ต้นจนจบโดยเฉพาะความรู้สึกของแก้วขวัญในเวลานี้ที่เธอกำลังวิตกกังวลเป็นอย่างมากเพราะนอกจากเวลาที่ไม่มีพอจะเลี้ยงทารกน้อยแล้วเธอ ยังไม่รู้ว่าจะไปหาเงินมาจากไหนเพราะการเลี้ยงเด็กมีค่าใช้จ่ายสูงโดยเฉพาะในสังคมเมืองหลวง
“ตอนนี้เด็กคนนั้นอยู่ไหน”
ตะวันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรเขาถึงต้องสนใจในเรื่องราวของนักศึกษาฝึกงานขนาดนี้ทั้งที่ความจริงมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องงานในบริษัทเลย
“ขวัญฝากแม่บ้านให้ช่วยดูให้ค่ะ”
ท่านประธานเมื่อได้คำตอบก็รีบเดินออกจากห้องไปยังในส่วนของแม่บ้านซึ่งอยู่อีกชั้นเพราะอยากเห็นหน้าเด็กน้อยคนนั้นแล้ว
แค่เพียงแรกสบตาตะวันก็รู้สึกเอ็นดูทารกน้อยที่กำลังนอนหลับอยู่บนที่นอนเหมือนว่าเขามีความผูกพันอย่างบอกไม่ถูก
“วันนี้ผมอนุญาตให้คุณไม่ต้องทำงานได้โดยไม่ตัดค่าแรงเลี้ยงเด็กคนนี้ให้ดีล่ะ”
แม่บ้านต่างมองหน้ากันด้วยความแปลกใจเพราะทุกคนต่างคิดว่าถ้าตะวันรู้เรื่องนี้คงจะไม่พอใจแน่ที่พวกเขาเอาเวลางานมาดูแลทารกน้อยคนนี้
ตะวันเดินกลับขึ้นไปบนห้องเขาไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรถึงรู้สึกวุ่นวายใจกับปัญหาของแก้วขวัญ เขาอยากช่วยเธอแก้ปัญหาแต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะเป็นวิธีการไหนเพราะถ้าหยิบยื่นเงินทองให้กับเธอตรง ๆ หญิงสาวคงไม่รับแน่
ประตูห้องทำงานเปิดและคนที่เดินเข้ามาก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นประกิตพ่อของท่านประธานที่ปกติแล้วจะไม่ค่อยเดินทางมาที่บริษัทของลูก
“ลมอะไรหอบคุณพ่อมาถึงที่บริษัทของผม”
ชายหนุ่มเอ่ยทักทายบิดาด้วยถ้อยคำที่ดูจะไม่ยินดีมากนะกับการมาของพ่อเพราะตะวันกับประกิตมีเรื่องขัดใจกันตั้งแต่บิดาของเขาตัดสินใจแต่งงานใหม่ทั้งที่แม่ของเขาเพิ่งจะจากไปยังไม่ถึงปี
“วันนี้พ่อไปกินเลี้ยงกับเพื่อน ๆ สมัยเรียนมา”
ประกิตเริ่มเข้าเรื่องทันทีเพราะสาเหตุที่ทำให้เขามาหาลูกถึงที่บริษัท มันเกิดจากปัญหาที่เขาค้างคาใจมานานและลูกชายก็ไม่มี ทีท่าว่าจะทำตามที่เขาหวังได้
“เพื่อนทุกคนต่างก็เอารูปหลานมาอวดคงถึงเวลาแล้วนะตะวันที่พ่อจะต้องเอาจริงกับลูกเรื่องนี้”
“ผมไม่เข้าใจเลย คุณพ่อจะอยากให้ผมมีครอบครัวมีลูกไปเพื่ออะไร ผมจะมีหรือไม่มีมันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับคุณพ่อเลย”
ตะวันไม่เข้าใจในข้อเสนอของบิดาที่มักจะเอาขึ้นมาขู่ตลอดว่าถ้าเขาไม่แต่งงานมีลูกทรัพย์สมบัติทั้งหมดคนเป็นพ่อจะยกให้ การกุศลและหลานคนอื่น
“ลูกรู้ไหมชีวิตคนแก่ที่วัน ๆ ก็ไม่ได้ทำงานอะไรมันเหงาแค่ไหนถ้าเวลานี้ฉันมีหลานเหมือนคนอื่นคงจะได้นั่งชื่นชมมีเสียงหัวเราะไม่ต้องกลับไปเจอบ้านที่เงียบเหงาแบบนี้”
ประกิตทำหน้าเศร้าเพราะมันเป็นความทุกข์เดียวในใจของเขาที่ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นเท่าไหร่แต่พอเมื่อภรรยาของเขาจากไปเขากลับรู้สึกว่าอยู่บนโลกใบนี้เพียงคนเดียวถึงแม้ว่าจะตัดสินใจแต่งงานใหม่แต่เขมจิราก็ไม่สามารถแทนที่ภรรยาที่จากไปได้

