บท
ตั้งค่า

2

“อะไรของนายนี่”

“เธอรับปากแต่งงานแล้ว จะกลับลำหรือไง หรือเธอกลัวฉัน ไม่กล้าแต่งงานกับฉัน” ภวัตยื่นหน้าเข้าไปหามองสบตาเธออย่างท้าทาย

“ใครจะไปกลัวนายกัน ฉันนี่นะจะกลัวนาย” เธอปัดมือหนาของเขาที่กำลังจะจับแก้มของเธอออกไป

“ก็ดี กล้าๆ หน่อย ฉันจะได้แต่งงานกับคนกล้าแบบเธอ” เขาหัวเราะก่อนจะเดินจากไป ปล่อยให้น้ำขิงกระทืบเท้าไปมาอย่างเจ็บใจ

เสียงฆ้องดังแว่วไปทั่วชานเรือนไทยริมคลองแต่เช้า ขบวนขันหมากเคลื่อนผ่านไม้ใหญ่ริมทาง เสียงแตร กลองยาว และเสียงเฮฮาจากเพื่อนเจ้าบ่าวทำให้บรรยากาศยามเช้าคึกคักผิดกับความเงียบสงบในหมู่บ้านโดยสิ้นเชิง

ภวัตในชุดไทยประยุกต์ยืนยิ้มอย่างภูมิใจตรงหัวขบวน กลีบดอกไม้โปรยจากญาติผู้หญิงถูกโยนผ่านรั้วไม้เตี้ย ๆ ที่กั้นบ้านเรือนไทยสองหลังไว้

2

หน้าบ้านฝ่ายหญิง เจ้าสาวนั่งเรียบร้อยบนเก้าอี้ไม้ไผ่ใต้ร่มต้นจามจุรีใหญ่ ชุดไทยสีชมพูอมทองอ่อนขับผิวจนสว่าง น้ำขิงแม้จะหน้านิ่งสงบ แต่แววตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยใจระคนไม่ยอมจำนน

“วัตต้องพูดก่อนนะ ว่าตั้งใจมาขอขิงแต่งงาน ไม่ใช่แค่รับผิดชอบ ๆ” แก้วเกด เพื่อนเจ้าสาวยืนกอดอกตรงประตูเงินประตูทอง ประกาศเสียงดัง

“พูดแบบจริงใจด้วย!” อีกคนเสริม

“ไม่งั้นไม่ผ่าน” ภวัตมองเพื่อนเจ้าสาวแล้วหันมายิ้มให้คนที่นั่งอยู่ข้างใน

“ก็ได้...ยอมแล้วครับ” เขายิ้มขำ ๆ

“ผมขอแต่งงานกับขิงตั้งแต่ตอนม.2 แล้วครับ...ในใจน่ะ” เสียงหัวเราะดังขึ้นรอบหนึ่ง ก่อนที่เพื่อนเจ้าสาวน่าจะขนมาหมดห้องกั้นประตูจนภวัตแจกซองจนเหงื่อตก

ยกที่หนึ่งน้ำขิงยกยิ้มมุมปาก ภวัตคาดโทษเจ้าสาวเอาไว้ในใจ คืนนี้โดนจัดหนักแน่

ก่อนที่ประตูเงินประตูทองจะเปิดทางให้ภวัตเดินเข้าสู่ชานเรือน

พิธีสวมแหวนเกิดขึ้นหลังจากนั้น ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายนั่งล้อมวงอยู่บนเสื่อผืนงาม พิธีสงฆ์ดำเนินไปเรียบร้อยจนถึงเวลาสวมแหวน

ภวัตยื่นมือมารับกล่องแหวนจากแม่ ก่อนจะเปิดและหยิบแหวนขึ้นมาช้า ๆ

เขาสวมแหวนให้เธออย่างเบามือ

“สวมแหวนแล้ว ห้ามถอดใจนะ” เธอเม้มปากแน่นไม่ตอบ แต่ยื่นมือให้เขาสวมแหวนอย่างขัดใจ แต่ทันทีที่แหวนครอบลงนิ้วนางข้างซ้าย ภวัตก็โน้มตัวไปหอมแก้มเธอเบา ๆ อย่างไม่ให้ทันตั้งตัว

“นี่นาย!” เธอกระซิบเสียงดุ

เขาหันไปยิ้มแป้นให้ญาติผู้ใหญ่

“หอมแก้มเจ้าสาวครับ แก้มเจ้าสาวหอมมากครับ”

เสียงหัวเราะลั่นเรือน ส่วนน้ำขิงนั้นทั้งเขินทั้งโกรธจนมือจิกชายผ้าถุงแน่น

พิธีต่อไปเป็นการใส่บาตรคู่ริมคลองหน้าบ้าน เสียงพระสวดลอยตามลมจากศาลาริมน้ำ ภวัตกับน้ำขิงนั่งเคียงคู่กันบนเสื่อใบตอง ใส่บาตรยามเช้าด้วยกันเป็นครั้งแรกในชีวิต

ฉันจะใส่ก่อน” น้ำขิงกระซิบ

“ไม่ได้” ภวัตกระซิบกลับ

“จับมือพร้อมกันแล้วใส่พร้อมกันสิ จะได้บุญเยอะ ๆ เคยได้ยินไหม ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขันน่ะ”

“อย่ามาแตะมือฉัน”

“มือเธอเย็นมากนะ ตื่นเต้นเหรอ แถมยังสั่นด้วย หรือว่าสั่นสู้”

“อย่ามาเล่นมุกตลกนะ มันไม่ขำ”

“ใส่บาตรคู่ครั้งแรก ยิ้มบ้างสิ คนอื่นเขาจะนึกว่าเธอถูกบังคับให้แต่งงานกับฉัน”

“ก็ใช่น่ะสิ ใครจะอยากแต่งงานกับนายกัน” เสียงพระรับบาตรอย่างสงบ ขณะที่คนถวายบาตรขัดคอกันเบา ๆ ตลอดเวลา

ช่วงงานเลี้ยงในตอนกลางวัน โต๊ะเลี้ยงกลางสวนใต้ต้นมะม่วงใหญ่ถูกจัดไว้อย่างเรียบง่าย มีแขกเหรื่อมาร่วมงานเกือบทั้งหมู่บ้าน ชายหนุ่มหลายคนที่รู้จักน้ำขิงตั้งแต่เด็กต่างพากันมองเธอในชุดเจ้าสาวตาค้าง

น้ำขิงสวยหวานละมุนละไมอย่างที่สุด ทำเอาผู้ชายทั้งงานมองอย่างเสียดาย เพราะเธอจีบยากและแสบมาก ไม่มีใครจีบเธอติดสักคนเดียว

“น้ำขิง” ภวัตกระซิบข้างหู

“คนมองเธอกันทั้งงานแล้ว”

“ให้เขามองไปสิ” เธอพูดโดยไม่หันไปมอง

“ฉันไม่ชอบให้ผู้ชายที่ไหนมามองว่าที่เมียของฉันด้วยสายตาแบบนี้” ว่าแล้วเขาก็โอบเอวบางของเธอเอาไว้แน่น แต่น้ำขิงกลับแกล้งหยิกเอวเขาเต็มแรง

“โอ๊ย!” เสียงภวัตดังขึ้นจนแขกหันมามอง

สมพรถามลูกชายในทันที “เป็นอะไรลูก”

“มดครับ มดอันธพาลกัดครับแม่”

โต๊ะข้าง ๆ พากันหัวเราะ น้ำขิงนั่งหน้าตึงแต่หางตาแพรวพราว

ระหว่างทานอาหาร น้ำขิงทำท่าเอาใจ ตักข้าวใส่ช้อนแล้วป้อนภวัตต่อหน้าญาติผู้ใหญ่

“เจ้าสาวดูเอาใจเจ้าบ่าวดีจังเลยนะคะ น่ารัก” ป้าข้างบ้านเอ่ยชมด้วยรอยยิ้ม

ภวัตอ้าปากรับอย่างวางใจ แล้วสำลักทันที เพราะข้าวเต็มช้อนจนล้น

“แค่ก แค่ก แค่ก! นี่จะป้อนหรือจะยัดกันแน่” เขาสำลักกระซิบถามเสียงดุข้างหูให้พอได้ยินกันสองคน

“อุ๊ย ขอโทษค่ะ มือมันหนักไปนิด” เธอยิ้มหวาน พร้อมกับสายตาที่บอกว่า ‘สะใจล้วน ๆ’

ภวัตไม่ยอมแพ้ เขาตักอาหารป้อนเธอบ้าง

“ลองดูสิ...อร่อยนะ”

“ไม่เป็นไรฉันเกรงใจ” เธอมองช้อนตรงหน้าอย่างไม่ไว้วางใจ ภายใต้ปลาราดพริกอาจจะมีอะไรซ่อนอยู่ ตอนเขาตักอาหารให้เธอ เธอไม่ทันได้สังเกต

“กินสิจ๊ะ พี่เขาอยากป้อน” ป้าข้างบ้านอีกแล้ว

“ไม่เป็นไร แค่ก ๆ ๆ” ในจังหวะอ้าปากโต้ตอบ เขาก็ป้อนอาหารให้เธอเต็มๆ คำ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel