ตอนที่ 4
“ไงจ๊ะ หรือว่าเธอจะจีบเพื่อนพี่อีกคน” มยุเรศเข้ามาร่วมวงในทันทีที่ผละจากนักข่าวซึ่งตามสัมภาษณ์งานเพลงมาได้ สาวสวยวัย 38 ปีที่วันนี้แต่งดวงตาสวยเฉี่ยว ใบหน้าสวยเก๋รับกับผมซอยสั้นตามสไตล์สาวเปรี้ยวเชิดหน้าขึ้นรอฟังคำตอบ
“ผมมิบังอาจหรอกครับพี่นกยูง แค่มาขอสัมภาษณ์เฉยๆ”
‘แทนคุณ’ เอ่ยตอบ แต่กลับรู้สึกร้อนวูบวาบที่แก้มขึ้นมาเสียอย่างนั้น ไม่ใช่ร้อนเพราะเขินอายเพราโพยม แต่ที่ร้อนผ่าวขึ้นมาก็เป็นเพราะดวงตาจิกกัดของสาวใหญ่วัยร้อนแรงผู้นี้ต่างหาก เขาเชื่อแล้วว่ารสนิยมคนเราไม่เหมือนกัน เพราะดูท่าเขาจะชื่นชอบอาหารรสชาติจัดจ้านที่กำลังยืนท้าทายอยู่ใกล้ตัวมากกว่าอาหารที่เลิศหรู และดูดีมีรสนิยม
“แหม...อะไรจ๊ะนายแทน พี่แซวแค่นี้ก็อายเหรอ อายพี่อายเชื้อมันไม่ดีนะจ๊ะ เพราะพี่อาจคิดเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาได้” มยุเรศลอยหน้าลอยตาพูด พร้อมอมยิ้มที่ได้แกล้งนักข่าวหนุ่มสำเร็จ เพราะความคุ้นเคยเนื่องจากเจอกันตามงานหลายครั้ง บวกกับอัธยาศัยที่สุภาพของแทนคุณ ทำให้เธอเลือกที่จะให้สัมภาษณ์นิตยสารของเขามากกว่าที่อื่น
และยิ่งเมื่อได้เห็นแววอายๆ จากดวงตาคมเข้มคู่นั้น เมื่อเธอเอ่ยแซวเขากับเพราโพยม เธอก็อยากจะแกล้งหนุ่มรุ่นน้องคนนี้มากขึ้น
“พี่นกยูงก็...แซวแบบนี้ผมไปต่อไม่เป็นเลยนะครับ”
คำตอบของแทนคุณยิ่งเรียกรอยยิ้มจากสองสาวเพื่อนซี้มากยิ่งขึ้น และทุกภาพของรอยยิ้ม การหัวเราะ ตลอดจนภาพแห่งความสง่างามในตัวของเพราโพยมก็ไม่ได้ขาดตกไปเลยสักภาพ เพราะช่างภาพที่กดชัตเตอร์ได้รัวเร็วนั้นสามารถจับภาพในทุกอิริยาบถของเธอ เพื่อให้ได้ภาพแห่งความประทับใจกลับไปมากที่สุด
“งั้นพวกพี่ขอตัวก่อนนะ” เพราโพยมเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเมื่อเห็นว่านักข่าวหนุ่มคนนี้ดูจะสนิทสนมกับมยุเรศอยู่มาก
“เดี๋ยวครับคุณฟ้า ถ้านิตยสารของผมอยากจะขอสัมภาษณ์” แทนคุณถามแย็บขึ้นมา แต่สายตาคมเข้มที่เปลี่ยนเป็นเว้าวอนมองตรงไปยังมยุเรศอย่างต้องการขอให้ช่วย ทว่านักร้องสาวสวยแม่ม่ายทรงเครื่องพร้อมลูกติดอีกสอง กลับทำสีหน้าอมยิ้มไม่รู้ไม่ชี้ จนแทนคุณต้องเบนสายตาเว้าวอนมาที่เพราโพยมแทน
“พี่อนุญาตให้ติดต่อผ่านพี่นกยูงได้ค่ะ พี่ไม่ค่อยสันทัดเรื่องโลกภายนอก พี่นกยูงให้คิววันไหนก็วันนั้นแหละ”
“ไชโย! ขอบคุณมากนะครับคุณฟ้า ขอบคุณจริงๆ ครับ เฮ้ย! ปราณรต์ ถ่ายรูปคุณฟ้าไว้เยอะหรือเปล่า”
เพราโพยมอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทางดีใจของแทนคุณ และก็ขำที่มยุเรศแกล้งเขา แต่กลับแอบขยิบตาให้เธอ และทั้งที่เธอคิดว่าจะผละขอตัวมาในทันทีที่พูดจบ แต่อะไรบางอย่างกลับบอกให้เธอยืนรอ และหันไปพูดคุยกับผู้เป็นช่างภาพอีกนิด เผื่อว่าเขานั้นต้องการจะถ่ายภาพเธอเพิ่ม ทั้งที่เธอก็สังเกตเห็นแล้วว่าช่างภาพคนนี้นั้นได้กดชัตเตอร์เธอจนแทบจะในทุกอิริยาบถอยู่แล้ว ความรู้สึกบางอย่างในใจบอกเธอแบบนั้น และก็เป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา
พลันที่กล้องถ่ายรูปถูกเคลื่อนย้ายออกจากใบหน้าของเขา ก็ทำให้เธอได้เห็นบางสิ่งที่ทำให้หัวคิ้วเรียวสวยต้องขมวดเข้าหากัน ก่อนจะรีบคลายออก ความรู้สึกฟูฟ่องในหัวใจเกิดขึ้นราวกับมีปุยนุ่นสีขาวละมุนค่อยๆ ฟูขยายใหญ่ขึ้นๆ ก่อนจะค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าที่สว่างจ้า นุ่มนวลเกินกว่าทุกสิ่งที่เธอเคยเห็น ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นเธอคุ้นเคยราวกับได้พบเจอคนพิเศษที่ห่างหายไปนาน ตลอดจนความรู้สึกบางอย่างซึ่งจุกแน่นอยู่ในหัวใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เพราโพยมรีบสลัดไล่ความรู้สึกแปลกๆ ออกไป เมื่อชายหนุ่มผิวขาว หน้าตาหล่อเหลาจนเธอเผลอคิดไปว่าเขาอาจเป็นดาราหรือนายแบบ แต่กล้องในมือของเขาก็ยืนยันว่าไม่ใช่
หนุ่มหล่อที่เธออธิบายไม่ถูกถึงสายตาเขาที่มองตรงมา รอยยิ้มนั้นก็ดูอบอุ่นราวกับว่าโลกนี้ช่างสดชื่นเหลือเกินที่ส่งมาให้นั้น ทำเอาเธอต้องยิ้มตอบโดยอัตโนมัติ เพราโพยมบอกตัวเองว่าเธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อนแน่ เพราะกระบวนการด้านความจำของเธอยังคงใช้งานได้ดี และเธอก็ไม่มีทางที่จะหลงลืมใครบางคนที่เคยรู้จัก โดยเฉพาะถ้าเขาคนคนนั้นหล่อเหลาได้มากขนาดนี้ แล้วความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้มันหมายความว่าอย่างไร ทำไมเธอจึงได้รู้สึกราวกับว่าเขาเป็นคนคุ้นเคย หรือจะเป็นเพราะรอยยิ้มสดใสนั้น รอยยิ้มที่มีขึ้นราวกับว่าโลกใบนี้ช่างมีแต่ความสุข มีแต่สิ่งที่น่าอภิรมย์จนไม่อาจระงับความสุขที่จะเผื่อแผ่ให้แก่ใครๆ ได้
“ผมถ่ายไว้ครบแล้วครับ” คำพูดแสนสุภาพนั้นหลุดจากปาก เขาพูดพลางก้มศีรษะน้อยๆ เป็นเชิงขอบคุณ
“จ้ะ งั้นพี่ขอตัวนะ” เพราโพยมยิ้ม รู้สึกคล้ายว่าเลือดลมจะสูบฉีดขึ้นที่สองแก้มอย่างไม่รู้ตัว เพราะเขาพูดกับเธอ ไม่ใช่แทนคุณ
ผู้หญิงที่สวยงามไปทั้งเนื้อตัว ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้ม สีหน้า ท่าทาง หรือแม้แต่คำพูดและแววตา ทุกสิ่งทุกอย่างที่ประกอบขึ้นมาเป็น ‘เพราโพยม ภัทรนันท์’ ช่างดูงดงามและมีคุณค่า เหมาะสมที่จะประดับอยู่ในเรือนใจของผู้ชายดีๆ สักคน แต่ทำไมเธอถึงยังไม่มีใคร...
