บท
ตั้งค่า

บทที่ 12

เมื่อรถยนต์ของทั้งคู่ได้แยกย้ายกันกลับจนลับตา คนที่แอบข้างพุ่มไม้ได้เดินออกมาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งบันทึกภาพและวีดีโอเสร็จ ก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก

"เราจะเอาวิดีโอและภาพพวกนี้ทำอะไรดีน๊า จะส่งให้กับสำนักข่าวบันเทิงหรือว่าจะส่งให้กับคนสนิทคนใหม่ของวายุดีล่ะ ถ้าส่งให้กับสำนักข่าว คราวนี้นายแบบหนุ่มวา วายุ ได้มีข่าวฉาวขึ้นมาอีกแน่ๆ แล้วถ้าส่งให้กับคนสนิทคนใหม่ที่มันเป็นเพียงข้าราชการกระจอกๆ ล่ะ คราวนี้ต้องเลิกกันแน่นอน ฮ่าๆ แค่คิดก็สนุกแล้ว" นักธุรกิจหนุ่มกล่าวพลางรู้สึกสะใจ กับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นจากคลิปและภาพในโทรศัพท์มือถือของเขา แต่ทันใดนั้นเองได้มีมือหนึ่งมาคว้าเอาโทรศัพท์มือถือจากเขาไปต่อหน้าต่อตา ทำให้เจ้าตัวตกตะลึงแล้วรีบหันไปมองคนที่คว้าโทรศัพท์ของตนเองไปด้วยความประหลาดใจ

"คุณเอ็ม!!"

"ใช่ผมเอง ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือครับ คุณกำลังคิดจะทำอะไร"

"มันเรื่องของผม เอาโทรศัพท์ของผมมา" นักธุรกิจหนุ่มเอื้อมมือเพื่อจะไปหยิบโทรศัพท์จากนักเรียนนอกอย่างเอ็มแต่ไม่ทัน

"ผมจะไม่มีวันยอมให้คุณทำแบบนั้นเด็ดขาดคุณเดย์" หนุ่มน้อยนักเรียนนอกกดลบรูปภาพพร้อมวีดีโอทั้งหมด ที่เพิ่งถ่ายนายแบบหนุ่มและเจ้าพ่อมาเฟียหนุ่มออกทันที

"อย่าทำแบบนั้นนะ!" เมื่อเขากล่าวจบก็ไม่ทันเสียแล้ว หนุ่มน้อยนักเรียนนอก ได้ลบข้อมูลที่จะทำให้คู่รักอย่างนายแบบหนุ่มและข้าราชการผู้ซื่อสัตย์ในความรักต้องแยกทางกันออกทั้งหมด ก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนให้นักธุรกิจหนุ่มอย่างหน้าตาเฉย โดยพูดทิ้งท้ายก่อนเดินจากไป

"หากคุณรักวายุจริง คุณจะไม่ทำแบบนี้และวิธีนี้ก็เป็นวิธีของผู้ชายที่เรียกว่าหน้าตัวเมีย เพราะมันคือการแทงข้างหลังคนที่ผมรักเช่นกัน แล้วผมจะไม่มีวันให้คุณทำสำเร็จ จำคำพูดผมไว้นะผมจะไม่มีวันให้คุณได้ทำแบบนั้นหรือได้ทำร้ายคุณวายุได้อีก ที่สำคัญผมจะไม่มีวันให้คุณ แยกวายุออกจากคุณธีร์เด็ดขาด" หนุ่มนักเรียนนอกกล่าวช้าๆ ด้วยความชัดถ้อยชัดคำเพื่อเป็นการตอกย้ำในความรู้สึกแล้วเดินจากไป แต่....

"เดี๋ยวก่อนสิ คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง คุณไม่ต้องการให้วายุและให้ข้าราชการหนุ่มคนนั้นเลิกกัน หมายความว่ายังไง คุณไม่ได้รักวายุแล้วเหรอ ผมเคยเห็นคุณตามติดวายุแจ แต่เดี๋ยวนี้คุณดูเงียบไปนะ" คำพูดของเดย์ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งหยุดนิ่ง หันกลับมามองเขาช้าๆ

"ผมยอมรับว่าผมรักวายุ ผมคลั่งไคล้เขาก็ใช่ว่าผมต้องการครอบครองเขาเพียงคนเดียวเสียเมื่อไหร่ ตอนนี้ผมกับเขาก็ยังเป็นคนสนิทของกันและกันเหมือนเดิม แต่อยู่ในสถานะของความเป็นเพื่อนเท่านั้น คุณจะอยากรู้ไปทำไม เมื่อคุณไม่เคยเข้าใจในความรักโดยไม่รู้เลยว่ารักแท้คืออะไร?"

คำกล่าวของหนุ่มนักเรียนนอกทำให้ตัวเดย์ทึ่งและตะลึงกับคำพูดเหล่านั้น จนทำให้เขายืนนิ่งไปพักใหญ่ อีกฝ่ายคงรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจึงรีบเดินเข้ามาจับบ่าของเดย์ ก่อนจะเขย่าตัวเขาเบาๆ เพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา แท้ที่จริงแล้วนักธุรกิจหนุ่มกำลังคิดทบทวนคำพูดประโยคหลังของอีกฝ่ายกลับไปกลับมา ที่คนตรงหน้าพูดตอกย้ำเขาสักครู่นี้ เดย์ยืนมองคนตรงหน้าที่ห่างกันเพียงคืบเพื่อเรียกสติเขาให้ตื่นจากภวังค์ แต่ดวงตาคู่สวยนั้น กลับทำให้เขารู้สึกลุ่มหลงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาคู่นี้ช่างเปี่ยมไปด้วยความรัก ความเมตตา ความเอื้ออาทร เขามองลงต่ำที่จมูกโด่งเป็นสัน ไล่ลงมาที่เรียวปากเป็นกระจับออกสีชมพูเรื่อๆ เขายืนมองใบหน้าคมคายนั้นอยู่นานก่อนที่เขาจะเข้าใจกับความหมายของคำว่ารักแท้ก็วันนี้นี่เอง

นักธุรกิจหนุ่มนามว่า เดย์ จึงตัดสินใจใช้ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างรวบประคองใบหน้าคนตรงหน้าไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะประทับรอยจูบบนเรียวปากนั้นทันที

"คุณจะทำอะไรอ่ะ อย่านะ..." คำร้องห้ามของหนุ่มนักเรียนนอกไม่เป็นผล เขาประทับรอยจูบบนเรียวปากนั้นอย่างดูดดื่มและรุนแรงตามความต้องการ ความรู้สึกที่แท้จริงที่เขาเพิ่งค้นพบจากหัวใจตัวเองส่งผลให้คนอีกฝ่ายหนึ่งไม่สามารถต้านทานแรงจูบด้วยการปลุกเร้านั้นได้ เขาจึงตอบสนองกับรอยจูบนั้นอย่างเต็มใจไม่ขัดขืน ขณะที่ฝ่ามือใหญ่ได้กอดก่ายตามแผ่นหลังของเด็กหนุ่ม เรียวนิ้วจากอีกคนได้กอดประสานกับแผ่นหลังกว้างไปมาตามแรงใจปรารถนาเนิ่นนานข้างพุ่มไม้นั้น

"รักไม่ได้หรือไม่ได้รัก...."

เสียงริงโทนโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้ทั้งคู่ตื่นจากภวังค์ที่แสนหวานของกันและกัน นักธุรกิจหนุ่มกับหนุ่มนักเรียนนอกยังรู้สึกเขินกับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงยิ้มให้กันแก้เขินก่อนที่เดย์จะรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นขัดจังหวะ

"ว่ายังไงครับคุณฝน order ของพรุ่งนี้ใช่มั๊ยครับ ได้ครับ ยังไงส่งไฟล์มาที่เครื่องผมเลยก็ได้ครับ เดี๋ยวผมจะเปิดอ่านและเซ็นให้ตอนนี้เลยครับขอบคุณครับ" การสนทนาทางโทรศัพท์เสร็จสิ้นลง เขาจึงหันกลับมาเพื่อจะกล่าวลากับอีกฝ่าย ก็พบว่าคนอีกคนได้เดินจากไปเรียบร้อยแล้ว ปล่อยให้เขายืนงงกับตัวเอง ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ว่า มันคืออะไร

ณ บ้านพักของนายแบบหนุ่มชื่อดังของประเทศ เมื่อเขาเดินเข้ามาภายในบ้าน กลิ่นอาหารหอมๆ ก็ได้ลอยมาเตะจมูกของเขา เป็นกลิ่นอาหารที่น่าลิ้มลองมาก นับเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาเริ่มรู้สึกหิว จึงเดินตรงเข้าไปในห้องครัวก็พบกับสามหนุ่มที่ช่วยกันจัดเตรียมอาหารบนโต๊ะรับประทานอาหารอย่างสาละวน เมื่อทั้งสามคนหันมาพบกับนายแบบหนุ่ม ต่างถามไถ่เขาด้วยความเป็นห่วง

"พี่วาเหนื่อยมั๊ยครับ พวกเราช่วยกันเตรียมอาหารเสร็จพอดี พี่จะกินข้าวเลยมั๊ยครับ"

"ขอบใจจ้าน้องกันต์ พี่กำลังหิวพอดีเลย วันนี้กับข้าวน่ากินมากๆ เลยอ่ะ" น้ำเสียงของวาอาจฟังดูสดใสร่าเริง หากฟังดีๆ จะรู้ว่าเขา รู้สึกเหนื่อยมากกับวันนี้ ทำให้คนสนิทของเขาต้องวานจานข้าวลงบนโต๊ะ ก่อนเดินมานั่งเก้าอี้ข้างๆ พร้อมกับกุมมือเล็กนั้น

"ไม่เป็นอะไรใช่มั๊ยครับ ผมเห็นในข่าวแล้ว" เสียงนั้นทำให้เขารู้สึกอุ่นใจขึ้น

"วาไม่เป็นอะไรแล้วครับ พอดีได้คุณปอช่วยไว้ ไม่อย่างนั้นวาก็คงแย่เหมือนกันครับ วาว่าเรามากินข้าวดีกว่าครับ วาหิวแล้ว" เขากล่าวด้วยรอยยิ้มที่เริ่มปรากฏบนใบหน้า ได้สร้างความสดใสให้กับห้องรับประทานอาหารอย่างมาก

ณ คอนโดหรูใจกลางกรุงเทพ นับเป็นบ้านหลังที่สามของนักธุรกิจหนุ่ม เวลาขนาดนี้ก็ปาเข้าไปเกือบตีหนึ่งแล้ว แต่เขากลับนอนกระสับกระส่ายกระวนกระวายใจยากที่จะอธิบายเป็นคำพูดได้ เขานอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงกว้างพลางคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็น 'ทำไมริมฝีปากหมอนั่นมันนุ่มน่าสัมผัสและมีรสชาติหวานแปลกๆ ที่น่าลิ้มลองแบบนั้น ยิ่งได้สัมผัสเรียวปากนั้นนานเท่าใดยิ่งทำให้เราหลงใหลเคลิบเคลิ้มมากขึ้นเท่านั้น หรือนี่เป็นความต้องการที่แท้จริงของหัวใจเรา' เขานอนครุ่นคิดอยู่บนเตียงวนไปวนมาอยู่หลายรอบ ทุกครั้งที่เขาหลับตาใบหน้านั้นก็ลอยเข้ามาหาเขาอยู่ตลอด เขาพยายามสลัดศีรษะแรงๆ หลายรอบแต่ก็ไม่สามารถทำให้ความคิดและใบหน้าใครคนนั้นออกไปจากความคิดเขาได้ ยิ่งเขาพยายามที่จะลืมความรู้สึกนั้นกลับถูกความต้องการส่วนลึกภายในจิตใจต่อต้านทุกครั้งไป เขาจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือกดโทรถึงคนที่เขารู้สึกนั้นทันที

"ตู๊ดๆๆๆ" ครั้งแล้วครั้งเล่าเขาก็ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้สำเร็จ จนเริ่มรู้สึกท้อ หรือเราไม่คู่ควรกับเขา ทำให้เราติดต่อเขาไม่ได้ เขารำพันกับตัวเองก่อนจะรวบรวมความกล้าอีกครั้งก่อนจะกดเบอร์ดังกล่าวเพื่อโทรออกอีกครั้ง

"สวัสดีครับผมเอ็มพูดครับ" คนปลายสายรับสายจากเขาก่อนจะทักทายเขาด้วยความสุภาพ ทางตัวเขาเองก็รู้สึกดีใจจนแทบอยากจะกระโดดโลดเต้นแต่ก็ไม่สามารถทำได้ สิ่งที่เขาจะพอทำได้ในตอนนี้ก็คือ ตอบรับการทักทายนั้นด้วยความสุภาพเช่นกัน

"สวัสดีครับคุณเอ็ม ผมเดย์นะ"

"คุณเดย์!" คนปลายสายมีเสียงตกใจเล็กน้อยก่อนจะสนทนาต่อ

"ครับผมรบกวนคุณหรือเปล่า"

"อ๋อ ไม่เลยครับ ผมเองก็กำลังจะโทรหาคุณพอดีแต่โทรไม่ติดคิดว่าคุณคงจะนอนแล้ว"

"ผมนอนไม่หลับครับ เลยตัดสินใจโทรมาหาคุณ"

"ผมเองก็เหมือนกัน นอนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็น ผมรู้ใจตัวเองแล้วแต่ไม่รู้ว่าจะตรงกับคุณหรือเปล่า" คนปลายสายกล่าวกับเขาด้วยความรู้สึกประหม่าเล็กน้อย

"ผมมีบางอย่างจะบอกคุณครับ"

"ผมเองก็มีบางอย่างจะบอกคุณเหมือนกัน"

"ผมชอบคุณ" คนทั้งสองกล่าวเกือบจะพร้อมๆ กันในประโยคเดียวกัน คำพูดเดียวกันและตอนนี้ความรู้สึกของคนทั้งสองคนก็คงเหมือนกันโดยไม่ต้องบอก คนทั้งคู่นอนคุยกันไปหลายชั่วโมงด้วยความรู้สึกที่เหมือนๆ กัน ความต้องการที่เหมือนๆ กันจนเกือบรุ่งเช้าของอีกวันหนึ่ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel