บท
ตั้งค่า

บทที่๕...กระวนกระวายใจ (๒)

ทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยจึงเดินทางไปตามที่อยู่ คอนโดมิเนียมอยู่แหล่งที่เที่ยว คาดว่าคงเป็นห้องของเพื่อนสนิทเขา แต่ฝ่ายนั้นคงไปทำงานจึงปล่อยหนุ่มฝรั่งอยู่คนเดียว ทั้งที่ชายหนุ่มนั้นไม่สบาย

ขึ้นแท็กซี่มาหยุดอยู่ตึกสูง ไปแจ้งประชาสัมพันธ์ก่อนอีกฝ่ายจะไปกดลิฟต์ให้ตามคำสั่งเจ้าของห้อง เธอพยายามทบทวนว่าควรพูดอะไรกับชายหนุ่มระหว่างขึ้นไปข้างบน ถอนหายใจเมื่อลิฟต์หยุดและประตูเปิดออก เห็นหมายเลขห้องอยู่ไม่ไกล

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เคาะเพียงไม่กี่ครั้งแล้วรอสักพัก ร่างหนาเดินมาเปิดด้วยใบหน้าอิดโรย หล่อนตามเข้าไปข้างในเห็นคอนโดขนาดสามสิบสี่ตารางเมตร แบ่งโซนชัดเจนทั้งห้องรับแขก ห้องนอน ห้องครัว ราคาคงประมาณห้าล้านกว่า เพราะเฟอร์นิเจอร์ค่อนข้างมีราคา น่าจะสั่งทำมากกว่าซื้อจากโครงการ

“เป็นยังไงบ้างคะ” ห้องนอนมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นเอาไว้ หล่อนวางของไว้ข้างนอกแล้วตามเข้าไปด้านในทันที

เห็นเขาล้มตัวลงบนเตียงก็สงสาร จากคนที่เดินคล่องแคล่วว่องไวกลายเป็นฝรั่งนอนซมอยู่บนเตียง ร่างหนาถอนหายใจด้วยความเหนื่อย

“ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน ผมน่าจะกินของแสลง” ศัพท์ที่ใช้ทำให้นึกเอ็นดู เอื้อมมือไปแตะหน้าผากกลัวว่าเขาจะมีไข้ แต่พบว่าอุณหภูมิร่างกายปกติก็เบาใจ

“ฉันให้น้าเขียวทำข้าวต้มมาฝาก อาหารอ่อนคุณน่าจะกินได้ แล้วกินข้าวเที่ยงหรือยังคะ” ส่ายหน้าทันที เธอจึงบอกให้เขานอนส่วนตนก็รีบออกไปจัดอาหารใส่ถ้วย ยกใส่ถาดเข้ามาข้างในห้องเพื่อให้เขาได้รับประทานสะดวก

ตอนนี้ลืมความกลัวไปเสียสนิทว่าการอยู่สองต่อสองจะทำให้เขาเอาเปรียบตนหรือเปล่า แต่ดูจากท่าทางแล้วแค่ยืนขึ้นยังจะไม่ไหวเลย

“น่าอร่อย” ลุกขึ้นนั่งบนเตียง มองอาหารก่อนจะลอบกลืนน้ำลาย จัดการลงมือรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความหิวด้วยหรือเปล่าทำให้เขารับประทานคนเดียวสองถ้วย แล้วค่อยกินยาตามก่อนจะลุกไปนั่งเล่นที่ระเบียง ไม่น่าเชื่อว่าระเบียงจะกว้างจนสามารถทำเป็นสวนขนาดเล็กได้ มีเก้าอี้สองตัวและโต๊ะกลมขนาดเล็กวางไว้

ลมเย็นพัดผ่านยามบ่าย แดดไม่จ้ามากจึงไม่ร้อนแสบผิวเหมือนทุกวัน เขามองไปข้างนอกทำให้รู้สึกว่าเมืองไทยกับบ้านเกิดต่างกัน สีท้องฟ้าเหมือนกันแต่ตึกรามบ้านช่องนั้นแตกต่าง

และเขาคงไม่สามารถมาอยู่ที่นี่ได้เหมือนพี่ชายหรอก

“คุณมาไทยได้ไปเที่ยวจังหวัดอื่นบ้างไหมคะ” เห็นเขาอยู่แต่กรุงเทพฯและตามติดเธอตลอด

“ที่จริงผมมีแพลนจะไป เอ่อ เลย ใช่ เลย จะไปปีนเขา” หล่อนทำตาโตด้วยความตื่นเต้น ไม่ได้ออกต่างจังหวัดนานจนคิดอยากไปเที่ยวด้วย ทว่าไม่กล้าเอ่ยขอ

“ไปด้วยกันไหม ผมอยากให้คุณไปด้วย” ดวงตาคมฉายแววอ้อนจนหล่อนไปไม่เป็น จากที่แค่คิดว่าอยากไป แต่พอโดนขอซึ่งหน้าก็เงียบไปครู่หนึ่ง

“ไปด้วยกันนะ อลิส” ชื่อของเธอยามออกจากปากได้รูปทำให้จั๊กจี้แปลกๆ

อยากฟังเขาเรียกชื่อตนเองทั้งวัน

สองดวงตาสบกันก่อนที่เธอจะมองไปข้างหน้า การได้นั่งด้วยกันถึงจะไม่มีคำพูดใดเอ่ยออกมาก็ทำให้มีความสุขแล้ว คำตอบที่เฝ้าถามตอนนี้ไม่ใช่ว่าเธอรู้อยู่แล้วเหรอ แค่ยังไม่อยากยอมรับเท่านั้นเอง

“อือ” ใบหน้าคมยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนที่พวกเขาจะพูดคุยกันถึงเรื่องปีนเขาอย่างสนุกสนาน

“ผมเคยไปปีนเขาที่เมืองโรกาแลนด์ประเทศนอร์เวย์ ตอนแรกก็ไม่เหนื่อยแต่พอเดินไปเรื่อยทางชันเหนื่อยมาก ขนาดผมออกกำลังกายไป ยังหอบ” นึกถึงตอนที่ไปเที่ยวกับเพื่อนช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ปิดเทอมทีไรก็ชวนกันท่องเที่ยวต่างประเทศทันที

ถึงเขาไม่ค่อยชอบเขา แต่มติของคนหมู่มากก็ไม่อาจปฏิเสธได้ สุดท้ายก็กลายเป็นชอบไปโดยปริยาย ไม่ใช่ชอบปีนเขาหรอก แค่ชอบอยู่กับเพื่อนมากกว่า มวลความสุขช่วงเวลานั้นมันมีมากจนลืมไม่ลง เลือกเก็บเป็นความทรงจำที่ดี

“ฉันไม่เคยไปเลยค่ะ ที่จริงก็แทบไม่เคยไปเที่ยวทางเหนือของประเทศ ถ้าไปฉันชอบทะเลมากกว่า” คนฟังยิ้มทันที

“เหมือนกัน ผมก็ชอบทะเลมากกว่าภูเขา ถ้ามีเวลาเราไปด้วยกันนะ” ชวนล่วงหน้าจนเธอเผลอเม้มปากโดยไม่ตั้งใจ

เขาคงไม่ได้คิดกับเธอเล่นๆ ใช่ไหม กังวลเพราะความรักครั้งแรกที่จบไม่ดี การอยู่ห่างไกลเป็นเรื่องที่น่ากังวลมากสุดสำหรับอลิสา ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าทุกอย่างมันจะเป็นเหมือนเดิมไหม หล่อนคิดมากจนนอนไม่หลับมาหลายคืน

“คุณ..มีแฟนหรือยัง” ในที่สุดก็ถามไป กลัวว่าตนเองจะเป็นมือที่สามทำลายความสัมพันธ์ของใคร

มาเฟียหนุ่มยกยิ้มแล้วหันมามองเธอ ถ้าอยู่ต่างประเทศคงคว้า คนตัวเล็กมาจูบแล้วอุ้มเข้าห้องแล้ว แต่เพราะยังไม่ได้เป็นอะไรกัน การทำแบบนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่

“ยัง ผมโสดมาหลายปีแล้ว” บอกตามความจริง เขาไม่มีผู้หญิงคบเป็นตัวเป็นตน แต่ถ้าถามเรื่องคู่นอนนั่นก็มีมาเรื่อย ตามอารมณ์หรือสถานที่จะเอื้ออำนวย

หล่อนไม่รู้ว่าควรเชื่อเขาหรือเปล่า นิ่งคิดไปสักพักก่อนที่ซีน่อนจะลุกยืนมาอยู่ตรงหน้าเธอ โน้มตัวมาให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกัน หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะ เหมือนรู้ตัวว่าจะโดนอะไรทว่าไม่กล้าถอยหนี

หรือบางทีหล่อนจงใจไม่ถอยมากกว่า ดวงตาสองคู่สบกันไม่มีใครละ มือเล็กเผลอกำเข้าหากันแน่นรอจังหวะที่ได้สัมผัสริมฝีปากได้รูป

“ถ้าคุณยังกังวลเรื่องนี้ ผมสามารถให้คุณพิสูจน์ได้นะว่าผมไม่มีใครนอกจากคุณ” เคลื่อนใบหน้าเข้าหาเธอหวังจะจูบแต่ว่าเสียงโทรศัพท์ทำให้หล่อนรีบผละออกอย่างรวดเร็ว

เมื่อสักครู่ใจเต้นตึกตักไม่คิดว่าซีน่อนจะจู่โจมเร็วขนาดนี้ และเธอเกือบเผลอใจให้เขาเช่นเดียวกัน ใจหนึ่งก็เสียดายเวลาแสนมีค่า อีกใจก็ โล่งอกที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะเธอไม่แน่ใจว่ามันจะหยุดแค่จูบจริงหรือเปล่า

อารมณ์ของคนเราไม่สามารถคาดเดาได้เลย และพวกเธอก็เช่นกัน

“ค่ะแม่ หญิงมาหาเหรอคะ เดี๋ยวหนูกลับไปตอนนี้ค่ะ” เพื่อนที่ทำงานด้วยกันมาหาถึงบ้านจึงใช้ข้ออ้างนี้รีบกลับ

หล่อนวางสายแล้วเดินมาหาคนที่กำลังปิดประตูระเบียง สะพายกระเป๋าพร้อมถือถุงผ้าที่ใส่อาหารมาให้หนุ่มฝรั่ง

“ฉันกลับก่อนนะคะ เพื่อนมารอที่บ้าน” เขาทำเพียงพยักหน้า ก่อนจะย้ำอีกครั้ง

“ไว้เจอกันวันไปเลยนะ” พูดถึงจังหวัดปลายทางทำให้เธอ พยักหน้า การจะไปปีนเขาครั้งนี้ไม่รู้ความสัมพันธ์จะพัฒนาไปขั้นไหน

แต่เชื่อว่าลงจากเขามา คงไม่ได้เป็นแค่คนรู้จักอย่างแน่นอน

“นายจะมาทำไมไม่บอกก่อน” เปิดประตูห้องแล้วเดินนำแขกหนุ่มที่รู้จักอย่างดีเข้ามาข้างใน ใบหน้าบ่งบอกว่าไม่อยากต้อนรับ แต่มีหรือที่คนเป็นน้องจะสนใจ

เขาเห็นคนของพี่ชายที่ได้รับเกียรติให้แสดงเป็นเพื่อนสนิทของตนค้อมศีรษะให้ โชคดีที่คอนโดของอีกฝ่ายอยู่ใกล้จึงรีบไปทำการแสดงได้ทันท่วงที เขาคิดว่าตนเองทำทุกอย่างดีเยี่ยม อลิสาคงจับไม่ได้หรอกว่าเป็นแค่ป่วยการเมือง

“ขอบคุณที่ให้ยืมห้องนะ” บอกแล้วตบบ่า ฝ่ายนั้นน้อมรับคำแล้วจึงเดินออกไปข้างนอก ปล่อยให้หนุ่มอิตาลีอยู่ด้วยกันสองคน

“พี่มีอุปกรณ์เดินเขาไหม” หยิบองุ่นเข้าปากอย่างรวดเร็ว นั่งลงบนโซฟาโดยไม่ได้ถอดรองเท้าก่อน ทำให้ซีโน่มองอย่างไม่ชอบใจ

“ทำไมไม่ใส่สลิปเปอร์” ทักท้วงโดยไม่ตอบคำถาม

“ลืมน่ะ” ลุกขึ้นไปหน้าห้องก่อนเปลี่ยนเป็นสลิปเปอร์ กลับมานั่งที่เดิมพอดีกับแม่บ้านนำของว่างมาเพิ่ม แล้วคราวนี้คนใส่ชุดเมดดันเป็นสาวหน้าตาใสซื่อ ชาวเอเชียหน้าตาคล้ายกันไปหมดเลย หน้าขาวเนียน ดวงตาเรียวแต่ก็กลมอยู่ในที จมูกนิดปากหน่อย

แต่ก็น่าสนใจดี

“เราเจอกันคราวก่อนยังไม่ได้ทักทายเลย” หล่อนสะดุ้งเมื่อเห็นว่าเขาเดินเข้ามาพูดคุยด้วย

“เอ่อ ฉัน” พยายามเค้นสมองเพื่อให้พูดภาษาอังกฤษ แต่เพราะเธอพูดไม่ค่อยได้จึงยืนเลิกลักอยู่แบบนั้น เจ้านายเห็นก็นึกสงสาร

“เธอพูดอังกฤษไม่ได้ เลิกชวนเธอคุยสักที” มาเฟียหนุ่มทำหน้าเสียดาย ปล่อยกระต่ายน้อยขี้ตกใจให้เข้าไปในห้องครัวตามคำสั่งของซีโน่

“พี่พูดไทยได้ด้วยเหรอ” เห็นเขาสั่งหล่อนด้วยภาษาประหลาด คิดว่าน่าจะเป็นภาษาไทยที่เขารู้จักเพียงไม่กี่ประโยคจากหนังสือท่องเที่ยว

ก่อนมาไทยก็คิดจะลองเรียน แต่เขาล้มเลิกไปตั้งแต่เห็นพยัญชนะที่มี 44 ตัวแล้ว อย่างไรเป้าหมายของเขาก็พูดภาษาอังกฤษได้ แล้วต้องเรียนทำไมให้เสียเวลา

“ใช่ ฉันมาอยู่หลายปีแล้ว” ไม่เข้าใจอยู่ดี ถ้าเป็นเขาถึงจะอยู่ไทยยี่สิบปีก็คงพูดไม่ได้เหมือนเดิม เพราะไม่ขวนขวายที่จะเรียนรู้

และคิดว่าตนเองคงไม่ได้มาอยู่บ้านเมืองนี้ แค่มาทำธุระชั่วคราวเท่านั้นเอง

“นายยังไม่ตอบที่ฉันถามเลยนะ มีอุปกรณ์เดินเขาไหม” คนพี่ พยักหน้า ทำให้ซีน่อนยิ้มอย่างพึงพอใจ

“นายจะไปเดินเขาเหรอ” พยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ เป็นครั้งแรกที่จะได้เดินเขากับผู้หญิงสองต่อสอง ไม่นับรวมลูกน้องที่ไปเตรียมส้นทางไว้ก่อน และยังต้องแสดงเป็นนักท่องเที่ยวเพื่อตามประกบหัวหน้าตลอดเวลาอีก

เจ้าของห้างสรรพสินค้าเห็นน้องมีความสุขก็หยิบน้ำขึ้นมาดื่ม เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามันเป็นแค่แผนจริงหรือเปล่า

ทำไมซีน่อนถึงมีความสุขขนาดนี้

“กับผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม” พยักหน้าอีกครั้ง

“ลงจากเขาฉันเชื่อว่าต้องมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นแน่นอน” คนพี่ยักไหล่ คาดหวังให้น้องชายไม่ตกหลุมที่ตัวเองวางไว้

เพราะสถานการณ์ตอนนี้ของเขา ก็ไม่ต่างจากซีน่อนเท่าไหร่...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel