1
ตะวัน อารยะไกรลาศ เจ้าของไร่หนุ่มวัย 35 ปี กำลังควบม้าออกจากไร่เพื่อมุ่งหน้ากลับไปยังบ้านพักของตนเอง
“ฝากด้วยนะ” ตะวันบอกคนงานเลี้ยงม้าก่อนจะลูบแก้มของมันแล้วเดินมุ่งหน้าไปหามารดาที่กำลังยืนรอเขาอยู่
“สวัสดีครับ วันนี้ลมอะไรหอบคุณแม่มาถึงนี่ได้” เขาเอ่ยถามเสียงนุ่มด้วยความคิดถึง
มารดาของเขาแต่งงานใหม่ ก่อนย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองกับบิดาเลี้ยง นั่นก็คือพ่อเลี้ยงกำธรผู้แสนร่ำรวย ไร่ตะวันดาวแห่งนี้เป็นมรดกของบิดาบังเกิดเกล้าที่เสียชีวิตไปนานแล้วซึ่งท่านเป็นเพื่อนกับกำธรบิดาเลี้ยงของเขา ที่ดินแห่งนี้จึงเป็นมรดกที่ตกทอดมายังเขาซึ่งเข้ามาดูแลหลังจากเรียนจบปริญญาตรี
“ลมคิดถึงไงลูก”
“อาธรไม่มาด้วยเหรอครับ” เขาเอ่ยถามถึงบิดาเลี้ยงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ท่านสนิทกับครอบครัวของเขาตั้งแต่เขายังเด็ก และเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่บิดารักมากที่สุดคนหนึ่ง เขาจึงนับถือกำธรเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งและคิดว่าท่านเปรียบเสมือนคนในครอบครัว
หลังจากบิดาของเขาเสียชีวิต กำธรก็คอยช่วยเหลือครอบครัวของเขามาโดยตลอด เขาเองก็ไม่ได้ขัดขวางความรักของมารดากับกำธร เพราะกำธรเป็นคนดีดูแลครอบครัวเขามานานหลายปีตั้งแต่บิดาจากไป
“ไม่ได้มาจ้ะ”
“คุณแม่ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ เลยนะครับนี่” เขาเดินเคียงข้างมารดาเข้าบ้าน
“ก็มีนิดหน่อยจ้ะ” คนตอบยิ้มสดใส
“ผมว่าไม่นิดหน่อยแล้วละครับ” เขาเดินเข้าไปในบ้านเห็นหญิงวัยกลางคนรุ่นราวคราวเดียวกับมารดากำลังนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก
“นี่ป้าสุดใจจ้ะตะวัน” คุณปานดาวบอกลูกชาย ตะวันยกมือไหว้ท่านทันทีที่บิดาแนะนำ
“ป้าสุดใจเป็นเพื่อนของแม่ที่ค้าขายด้วยกัน รู้จักกันเอาไว้นะ ต่อไปจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน”
“ทองแผ่นเดียวกัน” ตะวันทวนคำของมารดา นี่คงเป็นการดูตัวสินะ แต่ไหนว่าที่เจ้าสาวของเขาล่ะ
“น้องไปเข้าห้องน้ำจ้ะ” เหมือนคนเป็นแม่จะรู้เลยรีบเอ่ยตอบไปเช่นนั้น ตะวันเลยยิ้มให้มารดาทันที
“เดินมาโน่นแล้ว หนูวาดจันทร์ที่แม่เคยพูดกับลูกวันก่อนไง” ดูเหมือนคนเป็นแม่จะไม่อ้อมค้อมเลยแม้แต่น้อยที่จะแนะนำให้ลูกชายได้รู้จักกับหญิงสาวที่ท่านหมายตาเอาไว้
ตะวันหันไปมองตามสายตาของมารดาก่อนที่เขาจะชะงัก ร่างอรชรในชุดเดรสสีชมพูหวานทำให้เธอดูอ่อนหวานไปทั้งเนื้อทั้งตัว ตะวันกะพริบตาถี่ๆ ใบหน้าสวยหวานของเธอมองแล้วทำเอาเขาหายใจไม่ทั่วท้อง
“นี่พี่ตะวันไงจ๊ะ ไหว้พี่เขาเสียสิ” คุณสุดใจแนะนำตะวันให้บุตรสาวให้รู้จัก วาดจันทร์ยกมือไหว้ชายหนุ่มตรงหน้าก่อนจะทรุดตัวนั่งลงใกล้มารดา
ตะวันยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน เขายิ้มหวานให้เธอแทบจะทันที วาดจันทร์หน้ากลมหวาน แก้มเนียนใส เขาประเมินจากอายุของเธอไม่น่าจะเกินยี่สิบสามปี แต่ดูไปดูมาเหมือนเด็กอายุสิบเจ็ดสิบแปดเสียมากกว่า
“ที่แม่บอกลูกวันก่อนไง” คุณปานดาวทวนความจำของบุตรชายอีกครั้งเมื่อเห็นตะวันเอาแต่นั่งมองหน้าวาดจันทร์ไม่วางตา
“วันไหนครับ” คนถามทำหน้าเหลอหลา
“ลูกคนนี้สงสัยจะทำงานเยอะไป พาน้องไปเดินเล่นไป เดี๋ยวตอนกลางวันจะได้รับประทานอาหารด้วยกัน” เหมือนโดนมัดมือชกกลายๆ ตะวันยืนขึ้นมองหน้านวลใสของสาวน้อยแล้วใจเต้นแรง เขาหน้าแดงเล็กน้อย ก่อนจะผายมือเชื้อเชิญเธอให้เดินตามออกไปที่สวนหลังบ้าน
ตะวันพยายามคิดเรื่องที่มารดาพูดเมื่อครู่ก่อนจะถึงบางอ้อ เขาจำได้แล้วว่าวันก่อนมารดาพูดเรื่องจะพาผู้หญิงมาให้ดูตัว
วาดจันทร์แอบมองร่างสูงสง่าของคนที่เดินมาหยุดอยู่ที่สวนดอกไม้นานาพันธุ์ พอเขาหันมาเธอก็ยิ้มเขิน เขาเองก็ดูเหมือนจะเขิน
“เอ่อ... นั่งก่อนสิครับ” คนขี้อายเอ่ยชวน ตะวันรู้ตัวเองดีว่าเขาขี้อายเลยยังไม่มีแฟนมาจนถึงทุกวันนี้ หลังจากเลิกกับแฟนคนแรกไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่จริงๆ เขาไม่ถูกใจหญิงสาวคนไหนจึงครองตัวเป็นโสดมาตลอดหลายปี
สาวใช้ยกของว่างมาเสิร์ฟ เป็นขนมที่ทำจากธัญพืชและสินค้าแปรรูปในไร่ของเขา พร้อมกับน้ำกระเจี๊ยบหวานเย็นชื่นใจ
“น่ากินจังเลยค่ะ” เธอเป็นคนเอ่ยทำลายความเงียบเมื่อเห็นเขาเอาแต่นิ่งเงียบ
“ครับ สินค้าจากไร่น่ะครับ อันนั้นทุเรียนอบกรอบครับ” เขาชี้ชวนให้เธอรับประทาน วาดจันทร์จึงหยิบมารับประทานก่อนจะเอ่ยชม
