บท
ตั้งค่า

บทที่5. ลองดูสักครั้ง

“เจ้ามั่นใจว่าจะทำได้รึ”

“ยังไม่ได้ลงมือทำ ก็บอกไม่ได้หรอกเจ้าค่ะว่าจะทำได้หรือไม่” นางยืนยัน

ติงเชาเห็นแววตามุ่งมั่นของลูกสาวก็ได้แต่ยิ้มบางๆ ก่อนหน้านี้เด็กสาวตรงหน้าทั้งอ่อนแอ และบอบบาง ทว่าจิตใจนางเข้มแข็งนัก เพื่อให้น้อง ๆ ได้สบายตัวเองยอมลำบากเท่าใดก็ได้ แม้ฟื้นมาครั้งนี้รู้สึกแปลกไปบ้าง แต่นับว่าดีไม่น้อย ยิ่งเห็นนางแอบฝึกฝนร่างกาย ควงไม้พลอง และยิงธนู เขายิ่งอยากลุกขึ้นจากที่นอนแล้วไปสอนนางด้วยตนเอง ก่อนหน้านี้ไม่ว่าอย่างไร นางไม่เคยแตะต้องเลยสักครั้ง เพียงแค่อยากสอนให้นางป้องกันตัวได้บ้าง แต่เมื่อเห็นว่านางไม่มีความถนัดด้านนี้ เขาไม่คิดบีบบังคับให้นางต้องฝืนใจทำ แต่มายามนี้นางกลับอยากเรียนรู้แต่สภาพร่างกายของเขานั้นไม่เอื้ออำนวย ได้แต่ทอดถอนใจอย่างเสียดาย

“ท่านพ่อ ลองดูสักครั้งเถิด ถ้าทำแล้วไม่สำเร็จ อย่างน้อยเราก็จะได้รู้ว่าผิดพลาดที่ใด ครั้งหน้าจะได้ไม่ผิดพลาดอีก”

“ถ้าอย่างนั้น เจ้าไปหาเถ้าแก่มู่ บอกว่าพ่อขอยืมเมล็ดพันธุ์สำหรับการเพาะปลูก”

“เถ้าแก่มู่?” นางทวนคำด้วยสีหน้างุนงง

“เจ้าคงจำไม่ได้ แต่ไปหาไม่ยากหรอก เถ้าแก่มู่อยู่ที่ตลาดให้ ติงหยี่ไปเป็นเพื่อนเจ้าก็ได้ บอกว่าพ่อให้มาขอปันเมล็ดพันธุ์”

“เจ้าค่ะ” นางอยากถามต่อว่าพูดแค่นี้ก็ได้แล้วหรือ? ต้องหาสิ่งใดไปค้ำประกันหรือไม่ แต่ไม่เห็นพ่อบุญธรรมพูดอะไรอีก นางจึงเข้าใจว่าพ่อบุญธรรมกับเถ้าแก่มู่คงสนิทสนมกันจนสามารถขอหยิบยืมเมล็ดพันธุ์พืชได้

พูดเพียงเล็กน้อยก็เหนื่อยหอบอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวประคองพ่อบุญธรรมลงนอนตามเดิม เรียกเด็ก ๆ มาคอยดูแลปรนนิบัติไม่ให้ไปเล่นไกลตา แล้วเรียกติงหยี่ให้ไปพร้อมกับนาง หญิงสาวกำชับไม่ให้เด็ก ๆ ไปห่างพ่อบุญธรรมแล้วเร่งรีบเดินทาง

“บ้านเถ้าแก่มู่นี่อยู่ไกลหรือไม่”

“แค่ครึ่งชั่วยามก็ไปถึง” ติงหยี่เป็นเด็กชายตัวโตที่สุด แต่ก็ยังผอมบางหากเทียบกับเด็กชายวัยสิบสองทั่วไป

“พี่จำอะไรไม่ได้ เจ้าอย่าถือสาพี่เลยนะ” นางยื่นมือไปโยกศีรษะน้องชายอย่างหยอกล้อ เขายิ้มกว้างแล้วส่ายหน้าไปมา

“พี่เหมยซิงทำเพื่อพวกเรามากมายนัก ข้าไม่ว่าอะไรพี่หรอก หากข้าเข้มแข็งกว่านี้ ตัวโตกว่านี้ คงปกป้องพี่และน้อง ๆ ได้แล้ว”

“เด็กโง่ เจ้าอย่าพูดเช่นนั้น อย่างไรพี่ก็เป็นพี่ หน้าที่ของพี่คือดูแลน้อง ๆ”

เหมยซิงเดินตามถนนเส้นเล็ก ๆ จากบ้านไม่นานนัก ก็เข้าสู่ถนนเส้นหลัก ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมานางไม่เคยออกจากกระท่อมเข้าเมืองเลยสักครั้ง แม้จะใช้การเดินเท้า แต่เมื่อพันดาวที่อยู่ในร่างเหมยซิงนั้นไม่คุ้นเคยกับทิวทัศน์สองข้างทาง ก็อดมองอย่างจดจำไปด้วยไม่ได้ ปากคอยสอบถามจนติงหยี่ที่ปกติเป็นคนพูดน้อยต้องพูดมากไปอย่างไม่รู้ตัว

ราวครึ่งชั่วยามทั้งสองก็มาถึงบ้านเถ้าแก่มู่ เหมยซิงยืนมองด้านหน้าเห็นเป็นร้านเหมือนร้านขายของชำแต่เป็นร้านขนาดใหญ่ ติงหยี่ยืนอย่างขลาด ๆ นางจึงหันไปยิ้มให้กำลังใจน้องชายแล้วเดินเข้าไปขอพบเถ้าแก่ เด็กรับใช้ที่ง่วนกับการลูกค้าปลีกตัวมาคุยกับนาง และพานางไปยืนรอด้านใน ไม่นานนักชายวัยห้าสิบก็โผล่หน้าออกมา เพียงเห็นหน้านางเข้าอีกฝ่ายก็มีสีหน้าตกใจไม่น้อย แต่กระนั้นก็ทำเป็นยิ้มออกมาแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อ

“เจ้า...เจ้าสบายดีรึเหมยซิง”

“เจ้าค่ะ” นางยิ้มรับ ไม่เข้าใจสีหน้าของอีกฝ่าย แต่ไม่สนใจอะไรนัก “ท่านพ่อให้ข้ามาขอยืมเมล็ดพันธุ์เพื่อนำไปเพาะปลูก”

“เพาะปลูก?”

“เจ้าค่ะ” นางไม่กล้าพูดอะไรมาก ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้อะไรบ้าง คงแล้วแต่เถ้าแก่มู่จะเมตตาให้ยืมก็แล้วกัน

“พ่อของเจ้าเคยพูดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน” เถ้าแก่มู่พูดพลางจ้องมองเด็กสาวเหมือนจับผิด แต่ดูอย่างไรก็เป็น ‘เหมยซิง’ ที่เขารู้จัก แม้ได้ข่าวว่านางตายไปแล้วก็ตาม

“ข้าจะให้เด็ก ๆ จัดให้ แล้วลงบัญชีพ่อของเจ้าไว้”

“เจ้าค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel