เงานในความมืด 2/2
แสงอาทิตย์อ่อนๆ ของเช้าวันใหม่สาดส่องเข้ามายังค่ายทหารหมิงอี้ ส่องกระทบไปทั่วทั้งค่าย เสียงทหารฝึกซ้อมและเสียงดาบที่ปะทะกันดังก้องไปทั่ว แต่ถึงแม้บรรยากาศจะดูคึกคัก ลู่หยวนฮวากลับรู้สึกหนักอึ้งอยู่ภายในใจ
ลู่หยวนฮวาพยายามทำตัวให้ปกติเหมือนทุกวัน ขณะยืนหั่นผักอยู่ในครัว แต่ความรู้สึกอึดอัดบางอย่างนั้นยังคงติดตามนางราวกับเงา
ขณะนั้นเองเสียงฝีเท้าหนักของใครบางคนดังขึ้นมาในห้องครัว...
“ตวนหลี่” รองแม่ทัพคนสนิทของจางชิงหยวน เดินเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน แต่สายตาของเขาจับจ้องมาที่ลู่หยวนฮวาเพียงคนเดียว ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความเฉยชา แต่ก็มีบางอย่างในท่าทางของเขาที่ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ
"แม่นางหยวนฮวา ท่านแม่ทัพเรียกหาเจ้า" ตวนหลี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง
ลู่หยวนฮวาหันมองตวนหลี่ ใบหน้าของนางซีดลงทันที และมือที่ถือมีดอยู่ก็เกือบทำมันหลุดจากมือ
"ท่านแม่ทัพเรียกพบข้า?" นางพูดซ้ำเบาๆ ราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน สัญชาตญาณเตือนให้นางระวัง แต่ก็ไม่มีทางเลือกใดที่จะหลีกเลี่ยงได้ นางไม่สามารถปฏิเสธคำสั่งนี้ได้
หญิงสาวรวบรวมสติและพยักหน้าเบาๆ "ข้า...จะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" นางวางมีดทำครัวลงช้าๆ บนโต๊ะไม้ ก่อนจะเดินตามตวนหลี่ไป
เมื่อมาถึงกระโจมของจางชิงหยวน ลู่หยวนฮวาหยุดยืนอยู่หน้าทางเข้า นางพยายามสูดลมหายใจลึกๆ รวบรวมสติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปด้านใน
ภายในกระโจมมีแสงสลัวที่ลอดผ่านเข้ามาจากด้านนอก จางชิงหยวนยืนอยู่ตรงกลางกระโจม ร่างสูงใหญ่ของเขาดูสง่างามแต่ในขณะเดียวกันก็แผ่บรรยากาศอันน่าเกรงขามออกมา สายตาสีน้ำตาลคมกริบของเขาจับจ้องมาที่นางทันทีที่นางก้าวเข้ามา มันเหมือนกับสายตาของเสือที่มองเหยื่อ ไม่มีความอบอุ่นใด ๆ ในดวงตาคู่นั้น
"ลู่หยวนฮวา เมื่อคืนเจ้าออกไปทำอะไรข้างนอกกัน?" จางชิงหยวนเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าทันที
ลู่หยวนฮวานิ่งไปทันที ความตกใจราวกับฟ้าผ่าลงกลางใจ นางรู้สึกเหมือนถูกจับได้ นางต้องคิดหาวิธีตอบกลับอย่างรวดเร็วโดยไม่ให้พิรุธหลุดออกมา
"ข้า..." ลู่หยวนฮวากลืนน้ำลาย และพยายามพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง "ข้าแค่...ออกไปเก็บสมุนไพรเจ้าค่ะ ข้าเห็นว่ามีสมุนไพรที่จำเป็นในการรักษาทหาร จึงออกไปสำรวจรอบๆ ค่าย" นางตอบโดยพยายามไม่แสดงอาการใดๆ ที่จะทำให้เขาสงสัยมากขึ้น
จางชิงหยวนยืนนิ่ง สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่นางไม่ลดละ ราวกับจะทะลวงเข้าไปในจิตใจของนางเพื่อค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่
เขาเดินเข้ามาใกล้นางทีละก้าว บรรยากาศในกระโจมเริ่มกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกก้าวที่เขาเดินเข้ามา นางรู้สึกเหมือนเขากำลังแผ่พลังอำนาจที่น่ากลัวออกมาท่วมทับตัวนาง
“เก็บสมุนไพรตอนกลางคืนงั้นหรือ?” เขาเอ่ยขึ้น แววตาคมกริบคู่นั้นทำให้นางรู้สึกเหมือนถูกตรึงให้อยู่กับที่ ไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้เลย
ลู่หยวนฮวาพยายามหายใจเข้าลึกๆ เหงื่อเย็นเริ่มผุดขึ้นมาบนหน้าผากของนาง ความกดดันที่เพิ่มขึ้นทำให้สมองของนางเริ่มตื้อ
“ข้า...คิดว่ามันจำเป็นในตอนนั้นเจ้าค่ะ ข้าไม่ทันคิดว่าการออกไปข้างนอกในเวลานั้นจะเป็นปัญหา” นางรู้สึกเหมือนทุกคำพูดของนางถูกเขาวิเคราะห์อย่างละเอียด
จางชิงหยวนหยุดอยู่ตรงหน้านาง ดวงตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่นางไม่ลดละ เขาเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เบาลง
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าในค่ายนี้ ข้าไม่ชอบคนที่มีเจตนาแอบแฝง” คำพูดนั้นเหมือนเป็นการเตือน นางรู้สึกได้ถึงความคาดหวังที่แฝงอยู่ในคำพูดนั้น
ลู่หยวนฮวากลืนน้ำลายอีกครั้ง นางพยายามรักษาความสงบในจิตใจ นางรู้ดีว่าตอนนี้นางกำลังเดินอยู่บนเส้นด้าย ทุกคำพูดและท่าทางของนางมีผลต่ออนาคตที่นางไม่สามารถคาดเดาได้
"ข้าเพียงทำงานในครัวหรือช่วยรักษาทหารในค่ายนี้เท่านั้น ข้าไม่มีเจตนาอื่นใดเจ้าค่ะ" หวังว่าเขาจะเชื่อคำพูดของนาง นอกจากตามหาพี่ชายแล้วนางก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายแอบแฝงจริงๆ
“ข้าจะให้คนคอยจับตาดูเจ้า อย่าคิดที่จะหักหลังข้าละกองทัพของต้าหยาง ไม่เช่นนั้นแล้วจุดจบของเข้าคงจะไม่สวยเท่าไหร่” เขาตอบกลับเสียงเย็นชาและเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของเขา ปล่อยให้นางยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพังพร้อมกับความกดดันที่ยังคงปกคลุมอยู่
ลู่หยวนฮวารู้สึกเหมือนยืนอยู่ในอากาศที่หนักอึ้ง นางค่อยๆ ถอนหายใจออกมาเบาๆ นางรู้ว่าครั้งนี้นางรอดไปได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็รู้ดีว่าเขายังไม่ไว้ใจนางอย่างเต็มที่ นางต้องระมัดระวังมากขึ้นในทุกย่างก้าว นางจะพลาดไม่ได้อีกต่อไป
