ค่ายหมิงอี้ 2/2
แต่แม้เวลาจะผ่านไปหลายวัน ลู่หยวนฮวาก็ยังไม่ได้เบาะแสอะไรที่นางต้องการ ทุกคำถามที่นางถามออกไป กลับได้รับคำตอบเพียงผิวเผิน หรือไม่ก็ถูกเมินเฉย ทำให้นางเริ่มรู้สึกท้อแท้เล็กน้อย แต่ถึงกระนั้น นางก็ยังคงตั้งใจจะไม่ยอมแพ้
ลู่หยวนฮวาทำงานในครัวตามที่ได้รับมอบหมาย นางตักน้ำแกงใส่ชามและจัดเรียงอาหารให้เหล่าทหารอย่างขะมักเขม้น
“พี่ชาย เมื่อวานนี้ท่านไปฝึกที่ไหนกันมาหรือ?” ลู่หยวนฮวาถามทหารคนหนึ่งที่นั่งกินข้าวอยู่ใกล้ๆ นางทำเสียงนุ่มนวล คล้ายถามด้วยความสงสัยใคร่รู้แบบหญิงสาวทั่วไป
ทหารหนุ่มยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาสวมเสื้อเกราะเบาและถือชามข้าวในมือ ขณะพูดคุยกับนางอย่างไม่ระแวงอะไร “ข้าเพิ่งกลับมาจากแนวชายแดน แถวนั้นเป็นจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ ข้าไปลาดตระเวนที่นั่นมา”
ลู่หยวนฮวาแอบฟังอย่างตั้งใจ นางมองท่าทางของทหารหนุ่มที่ดูเหนื่อยล้า แต่แฝงความภาคภูมิใจในหน้าที่ของตน
“ชายแดนเหรอ? น่ากลัวมากไหมเจ้าคะ? แล้ว... พวกทหารที่เคยหายตัวไปเมื่อปีก่อน พอจะรู้บ้างไหมว่ามีใครได้กลับมาบ้างหรือเปล่า?” นางแกล้งถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไร้เดียงสา
ทหารหนุ่มหยุดมือเล็กน้อย ราวกับคิดทบทวนถึงเรื่องที่นางถาม ก่อนที่จะตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “พวกนั้นเหรอ... ข้าได้ยินมาว่าหลายคนกลับมาไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้แน่ชัดหรอกว่าพวกเขาหายไปเพราะเหตุใด บางคนบอกว่าเป็นฝีมือของพวกแคว้นเสียนหู่ ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
แม้คำตอบจะไม่ชัดเจน แต่ก็พอจะได้เบาะแสบ้าง นางพยักหน้าเบาๆ แสดงท่าทีเหมือนเพียงแค่ถามเล่นๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย
ในช่วงบ่ายของวันหนึ่ง นางเดินไปยังแหล่งน้ำเพื่อเก็บน้ำมาใช้ในครัว ที่นั่นนางพบกับกลุ่มทหารที่กำลังนั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เสียงหัวเราะและการพูดคุยของพวกเขาทำให้หญิงสาวเห็นโอกาสที่จะหลอกถามข้อมูลเพิ่มเติม
“ข้าขอน้ำนิดหนึ่งได้ไหมเจ้าคะ?” นางถามพร้อมรอยยิ้มหวาน
ทหารคนหนึ่งยื่นขันน้ำมาให้นาง “เอาสิ ข้าเพิ่งเติมน้ำมาจากลำธาร เจ้าเองก็ทำงานหนักเหมือนกันนี่นะ แม่นางหยวนฮวา” เขาพูดพลางหัวเราะเบาๆ
ลู่หยวนฮวาหยิบขันน้ำมาแล้วจิบเล็กน้อย นางยิ้มเล็กๆ ก่อนจะถามขึ้นด้วยความสนใจ “ข้าสงสัยว่าแคว้นต้าหยางนี่... มีการส่งทหารออกลาดตระเวนอยู่บ่อยๆ หรือเปล่าเจ้าคะ? ข้าเห็นท่านพี่หลายคนมักจะพูดถึงการลาดตระเวนบ่อยๆ”
ทหารอีกคนตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ใช่ พวกเราต้องลาดตระเวนชายแดนบ่อย เพราะพวกเสียนหู่น่ะสิ ชอบเข้ามารบกวนเป็นระยะ พวกมันเจ้าเล่ห์นัก ถ้าไม่จำเป็นเจ้าอย่าออกไปนอกค่ายเพียงลำพังนะ”
“จริงเหรอเจ้าคะ...” ลู่หยวนฮวาพยักหน้าแล้วแสร้งทำเป็นหวาดกลัว “แล้วเมื่อก่อนเคยมีทหารคนไหนที่ไปลาดตระเวนแล้วหายตัวไปหรือเปล่า ข้าพอจะได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง”
ทหารหนุ่มคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง “อืม... ใช่ ข้าเคยได้ยินมาว่ามีทหารบางคนหายตัวไปจากการลาดตระเวนตอนปีก่อน แต่ข้าไม่รู้รายละเอียดมากนัก ข้าพึ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานเอง”
“งั้นหรือ...” ลู่หยวนฮวาตอบเบาๆ แม้จะไม่ได้ข้อมูลมากนัก แต่นางก็พยายามบันทึกทุกสิ่งในความทรงจำ
ทุกๆ การกระทำของนางนั้นดูเหมือนไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือ ทุกการกระทำของนางไม่ได้รอดพ้นจากสายตาของคนผู้หนึ่ง
ดวงตาสีน้ำตาล่อ่อนคมกริบกำลังจับจ้องหญิงสาวจากมุมหนึ่งของค่าย ท่าทางนิ่งสงบเหมือนภูเขาที่ไม่หวั่นไหว แต่ในความเงียบงันนั้น กลับมีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ภายใน
ความคิดที่ซ่อนลึกอยู่เบื้องหลังแววตานั้น ไม่อาจถูกอ่านออกได้ง่าย ๆ สายตาคู่นั้นไม่เคยละจากหญิงสาวที่กำลังยืนสนทนากับทหารกลุ่มหนึ่ง เสียงหัวเราะและการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องอาหารและการฝึกซ้อม ลอยเข้ามาแผ่วเบา แต่กลับไม่ได้ดึงความสนใจของเขาออกไปแต่อย่างใด
แม้ว่าทหารคนอื่น ๆ จะไม่ได้ใส่ใจในคำถามของลู่หยวนฮวานัก คิดเพียงว่าเป็นการสนทนาทั่วไปเกี่ยวกับเรื่องอาหารหรือการฝึกฝนของพวกเขา แต่สายตาลึกลับที่แฝงอยู่ในเงามืด ไม่ได้ปล่อยให้ท่าทางและน้ำเสียงของนางผ่านไปง่าย ๆ
ทุกคำถามที่นางเอ่ยออกมา ทุกการกระทำล้วนถูกบันทึกไว้ในความนึกคิดของผู้เฝ้ามองอย่างละเอียด
ลู่หยวนฮวารู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างที่กำลังก่อตัว นางไม่ได้เอะใจในตอนแรก แต่พอนานเข้า นางเริ่มรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง ราวกับว่ากำลังถูกเฝ้าจับตามองอย่างไรอย่างนั้น
"ทำไมข้าถึงได้รู้สึกอึดอัดเช่นนี้กันนะ..."
