บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 รับอนุ

บทที่ 5 รับอนุ

ภายในรถม้าเงียบสงัด มีเพียงเสียงล้อบดเบียดไปกับทางหินที่เป็นดั่งจังหวะเดียวของบรรยากาศอันตึงเครียด จางกุนเหยานั่งนิ่ง ขณะที่หยางมี่นั่งหันหน้าออกไปยังหน้าต่าง แววตาของนางทอดมองออกไปไกล ราวกับต้องการหลบหนีจากสถานการณ์นี้ แม้จะทำหน้าที่เป็นกุนซือให้กองทัพ แต่เขาที่ร่วมเติบโตมาพร้อมกับอี้หยางเฉิง เขาก็พอจะได้เรียนวิทยายุทธมาบ้าง มีคนเดินมาด้านนอกเหตุใดเขาจะไม่รู้ตัว แต่ในเมื่อพลั้งปากเอ่ยความจริงออกไปแล้ว เขาก็ไม่คิดจะแก้ตัว

จางกุนเหยารู้ดีว่าสิ่งที่ตนพูดออกไป ได้สร้างรอยร้าวระหว่างเขากับนางเสียแล้ว

แรกเริ่ม… เขาไม่เคยคิดจะแต่งนางเข้าจวน

เขาไม่ใช่บุรุษที่มีอำนาจสูงส่ง เขาเพียงเป็นกุนซือข้างกายแม่ทัพ แม้จะมีสติปัญญา แต่ตำแหน่งของเขาในราชสำนักก็มิได้สูงศักดิ์นัก อีกทั้งเขายังเป็นบุตรชายคนเดียวของฮูหยินเอก หน้าที่ของเขาคือแบกรับความคาดหวังของตระกูล

และที่สำคัญ…

เขาเคยคิดว่า อี้หยางเฉิงคือบุรุษที่คู่ควรกับนาง หยางมี่ควรได้รับการปกป้อง ควรได้อยู่เคียงข้างบุรุษที่แข็งแกร่ง และสามารถยืนหยัดปกป้องนางได้ตลอดไป อี้หยางเฉิงเป็นถึงแม่ทัพ เป็นวีรบุรุษสงคราม บุรุษที่มีทั้งเกียรติยศและอำนาจ แตกต่างจากเขา ที่เป็นเพียงกุนซือ ใช้ปัญญาในการเอาตัวรอด มากกว่ากำลัง

ดังนั้น เขาจึงเปิดทางให้อี้หยางเฉิงเสมอ

แต่สุดท้ายกลับเป็นเขาเองที่แต่งหยางมี่เข้าจวน

“ท่านพี่…” เสียงของหยางมี่ดังขึ้น ทำลายความเงียบในรถม้า นางยังคงมองออกไปภายนอก น้ำเสียงของนางเรียบนิ่งจนจางกุนเหยาอ่านความรู้สึกของนางไม่ออก

“เหตุใดท่านจึงเอ่ยเช่นนั้น”

เขารู้ดีว่านางหมายถึงสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้กับอี้หยางเฉิง

“ข้าควรได้รับรู้ตั้งแต่แรกหรือไม่ ว่าท่านไม่คิดจะแต่งข้าเข้าจวน แต่ข้าก็พอจะเข้าใจได้ว่าท่านต้องการช่วยข้าออกมาจากจวนสกุลหยาง หากไม่แต่งให้ท่าน ข้าคงถูกบังคับให้แต่งกับคุณชายสักตระกูล”

จางกุนเหยานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา

“ข้ารักเจ้าและหวังดีกับเจ้า นอกจากอี้หยางเฉิงแล้ว ข้าคงไม่วางใจให้เจ้าแต่งกับผู้ใด”

หยางมี่หลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะหันกลับมามองเขาตรง ๆ

“แต่ท่านก็ไม่ได้คิดว่า มันเป็นสิ่งที่ท่านต้องการจริง ๆ ใช่หรือไม่”

จางกุนเหยาไม่ตอบ

ความเงียบที่เกิดขึ้นในห้องโดยสารเล็ก ๆ นี้ กลับหนักอึ้งจนแทบทำให้อากาศภายในอึดอัด

หยางมี่มองเขา ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ ราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง

“ข้าเข้าใจแล้ว”

รถม้ายังคงมุ่งหน้าต่อไป แต่ระยะห่างระหว่างพวกเขากลับดูเหมือนจะกว้างไกลออกไปทุกที

“ท่านแม่บอกข้าว่าเจ้ามาเยี่ยมฮูหยินแม่ทัพ ข้าเห็นเจ้าไม่ได้ใช้รถม้า ข้าเลยมารับ” เขาเห็นนางเงียบไปจึงเริ่มก่อน

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางยิ้มขื่น อย่างน้อย ๆ เขายังมีใจเป็นห่วงนางอยู่บ้าง

“ข้าจะแต่งอนุ”

เสียงเรียบขรึมเอ่ยขึ้น ท่ามกลางความเงียบในรถม้า หยางมี่ที่นั่งนิ่งมาตลอดเงยหน้าขึ้นทันที แม้พอจะคาดเดาว่ากำลังจะเกิดสิ่งใดขึ้นในวันข้างหน้า แต่มิคาดคิดว่าจะเร็วเพียงนี้ ดวงตาคู่สวยจ้องมองสามีของนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม แต่เขากลับไม่หลบเลี่ยง นิ่งสงบราวกับคนที่ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว

“ท่านพี่…พูดว่าอะไรนะ” เสียงของนางเบาหวิว กว่าจะหาเสียงของตนเจอก็ตั้งสติอยู่นาน ผิดกับเสียงหัวใจ กลับเต้นรัวราวกับถูกบีบจนแทบหยุดหายใจ

“ข้าพูดชัดแล้ว มี่เอ๋อร์” เขาย้ำคำ น้ำเสียงไร้ความลังเลใด ๆ

หัวใจของนางราวกับถูกมีดคมกรีดผ่าน เจ็บแปลบจนยากจะทน นางรู้ดีว่าวันหนึ่งเขาอาจจะพูดคำนี้ แต่เมื่อมันมาถึงจริง ๆ นางก็ไม่อาจเตรียมใจรับได้

หลังจากเขากลับมาจากสนามรบ จางกุนเหยาก็รีบจัดงานแต่งอย่างที่สัญญากับนางเอาไว้ ความรักความอบอุ่นที่เขามีให้เพิ่งจะผ่านไปได้เพียงหนึ่งปีเท่านั้น สามีของนางที่เคยมองนางด้วยสายตาเปี่ยมรัก ตั้งแต่เมื่อไรกันที่มันจืดจางลง

ท่านหมดรักข้าตั้งแต่เมื่อไร

“เหตุใดท่านเลือกทำเช่นนี้” หยางมี่ถามออกไปทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แก่ใจ ความรักที่นางทุ่มเทให้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ช่างดูไร้ค่าในสายตาของเขาเหลือเกิน

เขาไม่ได้ตอบในทันที แต่ลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินไปยังประตูลงจากรถม้าก่อนจะเอ่ยโดยไม่หันกลับมา

“เพราะมันเป็นหน้าที่ของข้า ในฐานะผู้นำตระกูลคนต่อไป ตั้งแต่แต่งเจ้าเข้ามา ข้าถูกท่านแม่กดดันทุกทางเรื่องมีทายาท”

คำว่า หน้าที่ ของเขา เปรียบเสมือนคมดาบที่เฉือนความหวังสุดท้ายของนางจนขาดสะบั้น หยางมี่กำมือแน่นจนเล็บจิกลงในฝ่ามือ ความเจ็บปวดนี้คงเทียบไม่ได้กับสิ่งที่หัวใจนางรู้สึกในยามนี้

หากแต่แทนที่จะร้องไห้หรือวิงวอน ดวงตาคู่สวยที่ในอดีตเคยแสนโศกเมื่อวันที่เขาสัญญาว่าจะปกป้องนาง มันได้ฉายแววแห่งความสุขออกมาอย่างมิปิดบังผู้ใด แต่ในวันนี้แววตาเช่นนั้นกลับมาฉายแววหม่นหมองอีกครา

แต่นางกลับยืดหลังตรง เอ่ยด้วยเสียงที่นิ่งสงบอย่างน่าประหลาด

“ข้าเข้าใจแล้ว”

คำตอบของนางทำให้เขาหันกลับมา ดวงตาสีเข้มสบกับนางเพียงครู่ ก่อนที่เขาจะพยักหน้าเล็กน้อยและเดินออกไป ปล่อยให้นางนั่งอยู่เพียงลำพังในความเงียบ แล้วก้าวลงจากรถม้าไป

หยางมี่มองตามแผ่นหลังของสามีจนลับสายตา น้ำตาที่นางกลั้นไว้ก็ไหลลงมาอย่างมิอาจห้ามมันเอาไว้ได้อีกแล้ว นางเคยคิดว่าสามารถอดทนได้กับทุกสิ่ง แต่ในยามนี้ หัวใจของนางกลับรู้สึกว่างเปล่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ถูกคนในครอบครัวบิดารุมรังแกเหยียบย่ำที่มารดาของนางเป็นเพียงอนุ และจางกุนเหยาเป็นผู้ยื่นมือเข้ามาฉุดนางออกมาจากขุมนรก นางคิดว่าจะได้สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์กับเขาที่เป็นรักแรกและผู้มีพระคุณ

แต่วันนี้เขากลับจะแต่งสตรีอื่นเข้ามา ทั้งที่รู้ว่านางมีความหลังฝังใจเรื่องที่บุรุษมีภรรยาหลายคนจนหลังบ้านลุกเป็นไฟ

ฤดูใบไม้ผลิที่เคยงดงามในสายตาของนาง บัดนี้ช่างดูเลือนรางเสียเหลือเกิน…

ภายในรถม้าที่เหลือเพียงหยางมี่เพียงลำพัง ความเงียบงันรอบตัวราวกับโอบล้อมนางไว้ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นลงบนตัก แม้พยายามกัดฟันกลั้นมันไว้ แต่สุดท้ายความเจ็บปวดในใจกลับเอ่อล้น

นางควรจะชินได้แล้วมิใช่หรือ

นางรู้อยู่แล้วว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องแต่งอนุเข้าสกุล

แต่เมื่อวันนี้มาถึงจริง ๆ กลับเจ็บปวดเสียจนแทบทนไม่ไหว

มือเรียวกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ นางเคยหวังว่าจะเป็นเพียงแค่ฝันร้ายที่เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาจะเลือนหายไป แต่นี่เป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นางมิอาจย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งใดได้อีก

ภาพของจางกุนเหยาในวันวานยังฉายชัดในความทรงจำ

เขาคือบุรุษที่เคยให้สัญญาว่าจะปกป้องนาง จะมีเพียงนางผู้เดียว แต่สุดท้ายคำสัญญานั้นกลับถูกทำลายลงเพียงเพราะคำว่า

“หน้าที่”

หยางมี่แค่นหัวเราะกับตัวเองทั้งที่น้ำตายังรินไหล แล้วข้าล่ะ… ไม่ใช่หน้าที่ของท่านเลยหรือ

นางก้มหน้าลงซบมือของตน ปล่อยให้น้ำตารินไหลเงียบ ๆ อีกครู่หนึ่ง ก่อนจะสูดหายใจลึกและเงยหน้าขึ้น แววตาสั่นไหวในคราแรกเริ่มสงบนิ่งขึ้นทีละน้อย

หากนี่คือสิ่งที่เขาต้องการ

ไม่ว่านางอยู่ที่ใดก็ไม่เคยถูกรักอย่างแท้จริง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel