บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 ความจริงอีกหนึ่งอย่าง

บทที่ 4 ความจริงอีกหนึ่งอย่าง

“อย่าเอ่ยคำนี้ออกมาให้นางได้ยินเชียว”

เท้าทั้งสี่ข้างพร้อมใจกันหยุด สามีให้สาวใช้มาบอก หากคุยธุระกันเรียบร้อยให้ตามไปที่เรือนอักษร เพราะจางกุนเหยามา คงจะมารับภรรยากลับ และเสียงที่การสนทนาด้านในคงจะเป็นสามีของนางและสหายสนิท

“เจ้ารู้ดีกว่าใคร ข้าพยายามผูกสัมพันธ์ให้เจ้ากับหยางมี่แต่ไม่สำเร็จ เพราะเจ้าตกหลุมรักเจียงซีเว่ยเสียก่อน หากหยางมี่ได้แต่งกับเจ้าคงไม่เป็นเช่นนี้”

ดวงตาเจียงซีเว่ยเบิกกว้างรีบหันขวับไปยังหญิงสาวที่ยืนอยู่เคียงข้าง

มือของหยางมี่เย็นเฉียบราวกับเลือดในกายหยุดไหล นางมองไปยังประตูเรือนอักษรด้วยแววตาสั่นไหว หัวใจเต้นกระหน่ำ ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นกำลังบีบรัดมันแน่น

จางกุนเหยา เขาสูดลมหายใจลึก น้ำเสียงเศร้าเอ่ยออกมาอย่างไม่ปิดบังอีกต่อไป

“ข้าไม่น่าแต่งกับนางเลย”

คำพูดของเขา… จางกุนเหยา สามีของนาง นางยืนนิ่ง ไม่อาจก้าวเดินไปข้างหน้าหรือถอยหลังได้อีก ดวงตาพร่าเลือน ราวกับภาพทุกอย่างตรงหน้ากำลังสั่นไหว ทุกความทรงจำเก่าก่อนไหลบ่า จางกุนเหยาพยายามผลักนางให้อี้หยางเฉิงครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งปล่อยให้นางอยู่ตามลำพังกับอี้หยางเฉิง โชคดีที่อี้หยางเฉิงรักมั่นต่อเจียงซีเว่ย ไม่เคยชายตามองนางเป็นอื่นมากไปกว่าน้องสาวข้างบ้านของจางกุนเหยา

เจียงซีเว่ยรีบจับมือนางไว้แน่น “มี่เอ๋อร์ เจ้าได้ยินหรือไม่”

หยางมี่หัวเราะเบา ๆ แต่เป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความขมขื่น

“ได้ยินสิ…” นางพึมพำ “ได้ยินชัดเจนยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ”

ที่ผ่านมา นางอดทน อดกลั้น บอกตัวเองว่าทุกอย่างจะดีขึ้น เขาอาจเพียงเหนื่อยล้าจากงาน หรืออาจแค่ต้องการเวลาปรับตัว แต่แท้จริงแล้ว ทุกสิ่งที่เขาทำ นั่นเพราะเสียใจที่แต่งกับนาง แต่แรกเขาไม่เคยต้องการนางเลย

หยางมี่เงยหน้าขึ้น สูดหายใจเข้าลึก พยายามสะกดกลั้นน้ำตาที่เอ่อคลอ “ข้าคิดว่าข้าพอเข้าใจแล้วล่ะ เว่ยเว่ย”

“มี่เอ๋อร์…”

เจียงซีเว่ยมองหยางมี่ด้วยความห่วงใย แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าการยืนเคียงข้างและปลอบประโลม เพราะในขณะนี้ดูเหมือนทุกสิ่งจะเป็นการตัดสินใจของหยางมี่เอง นางรู้ดีว่าตัวเองยืนอยู่ในจุดที่ยากจะช่วยเหลือ สถานการณ์นั้นช่างซับซ้อน เรื่องของหัวใจนางไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินแทน ทำได้เพียงแค่ช่วยประคอง

เหมือนคนด้านในจะรับรู้ถึงการมาของนางและหยางมี่ เจียงซีเว่ยจึงตัดสินใจกุมมือสหายไว้แน่นก่อนจะฉุดรั้งให้เดินตามเข้าไปด้านใน

“คราวหน้าเจ้าทำผลไม้แช่อิ่มมาฝากข้าทีน่ะ ไม่ว่าจะอาหาร ขนม ไม่มีใครทำถูกปากข้าไปกว่าเจ้าแล้ว ช่วงเช้าข้าแพ้ท้องหนักมาก หากได้ผลไม้แช่อิ่มฝีมือเจ้าคงช่วยได้ไม่น้อย” เจียงซีเว่ยเอ่ยออกมาเสียงดัง ต้องการให้ชายหนุ่มทั้งสองรับรู้ว่าพวกนางมาแล้ว หรือจะรู้อยู่ก่อนแล้วก็ช่าง นางเป็นคนเช่นนี้ล่ะ

เมื่อเข้ามาด้านในนางดึงมือสหายให้ไปนั่งข้างจางกุนเหยา และนางก็เดินเลยไปทรุดตัวลงนั่งข้างสามีของตน หันไปทำความเคารพสหายของสามี แววตาโกรธขึ้งมองตรงไปยังสหายของสามีไม่ปิดบัง นางเคยอ่าน ตัวละครจางกุนเหยา ซึ่งเป็นพระรองที่แสนดี แต่ตอนนี้ก็แค่บุรุษได้แล้วลืม

เพ่ย!

แต่เจียงซีเว่ยทำอะไรไม่ได้ แววตาของหยางมี่เมื่อครู่ บ่งบอกว่ารักชายผู้นี้มากมาย ขนาดได้ยินคำพูดเช่นนี้

ก็ยังรัก

แล้วคนนอกอย่างนางจะทำสิ่งใดได้ นอกจากปลอบใจยามเพื่อนเสียใจ และกินอาหารหมายามเพื่อนหวนกลับไปหาสามีเลว ๆ

หยางมี่ได้แต่ยิ้มเศร้า ก่อนจะพยักหน้า “เจ้าอยากกินอะไรบอกได้ทุกเมื่อที่ต้องการ… ข้าไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากแค่ไหน”

“ได้สิ ช่วยได้มากเลยล่ะ หากเป็นไปได้มากินข้าวเป็นเพื่อนข้าทุกวันยิ่งดี วันนี้ข้าเจริญอาหารกว่าทุกวัน ท่านพี่..” เจียงซีเว่ยรีบหันไปเกาะแขนทำน้ำเสียงหวาน

“หากไม่รบกวนจางฮูหยิน” แน่นอนว่าอี้หยางเฉิงไม่รอช้ารีบเอ่ยขอกับสหาย

“ได้สิ ไม่รบกวน นางอยู่ที่จวนน่าจะเบื่อ มีคนคุยด้วยน่าจะดีไม่น้อย” จางกุนเหยารีบตอบรับแทน หยางมี่มาใช้เวลาคลุกอยู่กับเจียงซีเว่ยทุกวันคงดีไม่น้อย เพราะอีกไม่กี่วันจวนสกุลจางกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

เขามองไปที่หยางมี่แค่หางตา ท่าทีของเขาก็ทำให้หยางมี่รู้สึกเศร้าใจ เขาไม่ได้สนใจการมาของนางเท่ากับคนอื่น ๆ ทั้งยังให้ความสำคัญกับเจียงซีเว่ยมากกว่าที่จะหันมามองนาง แม้นางจะอยู่ใกล้เขาแค่ลมหายใจกั้น เขาก็ยังไม่มองนางเต็มตา

“ข้าจะรอผลไม้แช่อิ่มจากเจ้านะ”

“อืม” หยางมื่ตอบรับเสียงเบา ๆ

แล้วบรรยากาศก็ตกลงสู่ความเงียบ หญิงสาวทั้งสองสบตากัน สองคนต่างรู้ดีว่าหัวใจของหยางมี่เต็มไปด้วยความบอบช้ำจากคำพูดของสามีเมื่อครู่ แม้จะรู้สึกสงสาร แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจ เพราะความเสียใจที่หยางมี่ต้องเผชิญในขณะนี้เกินกว่าที่คำพูดของนางจะสามารถปลอบประโลมได้

เมื่อไม่รู้จะต่อบทสนทนาเช่นไร จางกุนเหยาจึงขอตัวพาภรรยากลับจวน

“เจ้ากับหยางมี่ได้ยินใช่หรือไม่”

“ใช่ ได้ยินเต็มสี่รูหูเลย สหายท่านนี่เกินเยียวยาจริง ๆ” คนท้องเอ่ยเสียงเขียว

อี้หยางเฉิงลูบหลังภรรยาเพื่อให้ใจเย็นลง เขาไม่อยากให้นางมีโทสะไม่ว่าจากเรื่องใดก็ตาม ยิ่งช่วงนี้นางอารมณ์แปรปรวน ยิ้มง่าย เสียใจง่าย โมโหก็ง่าย

“มันเป็นเรื่องของครอบครัวเขา เจ้าอย่าใส่อารมณ์ราวกับคนที่ทำเป็นข้าสิ” เขารู้ว่าภรรยาไม่ได้คิดเช่นนั้น เขาเพียงเบี่ยงประเด็นให้อารมณ์นางเย็นลง

“ถ้าเป็นท่านพูดเมื่อครู่ บอกเลย” เว่ยเว่ย ยกนิ้วโป้งขึ้นทำท่าบาดคอ นอกจากอีกฝ่ายจะยิ้มขันแล้วยังก้มลงมาหอมแก้มนางฟอดใหญ่

“กลัวแล้ว”

“ควรกลัว”

อี้หยางเฉิงหัวเราะเบา ๆ กับท่าทางข่มขู่ของภรรยา นางดูเอาจริงเสียจนเขาต้องยกมือขึ้นราวกับยอมแพ้

“ข้ารู้แล้ว ๆ ไม่พูดแบบนั้นแน่ ไม่มีทางและไม่มีวัน”

เจียงซีเว่ยยังคงมองเขาตาขวาง ก่อนจะยกมือขึ้นเท้าสะเอว

“ก็ดี!” นางฮึดฮัดเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจแรง ๆ “เอาเถอะ ข้ายอมกินเพดดิกรี ขอแค่ให้หยางมี่มีความสุข”

อี้หยางเฉิงเอียงคอสงสัยกับคำของภรรยาตัวน้อย

“ข้าหมายถึงหากจางกุนเหยาดีขึ้นในเร็ววันนี้ ข้ายอมกินอาหารหมา ขอแค่หยางมี่มีความสุข”

“แล้วเหตุใดเจ้าต้องกินอาหารหมากัน”

“แค่คำเปรียบเปรยเจ้าค่ะ”

“อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิดก็ได้เว่ยเอ๋อร์ ทุกสิ่งที่ได้ยินไม่ได้หมายจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป”

“แล้วเช่นไร คำพูดเมื่อเอ่ยออกมาแล้ว ทำลายความรู้สึกคน ๆ หนึ่งแล้วย้อนคืนได้หรือ…ท่านเข้าข้างเขา”

“ข้าเปล่า” แม่ทัพหนุ่มยกมือขึ้นโบกเป็นพัลวัน ใครผูกก็ต้องแก้เอง เขาไม่ได้เข้าข้างสหายของตนแต่อย่างใด

“ดี หากหยางมี่เลือกจะทน ข้าจะช่วยประคองนาง แต่หากนางเลือกจะหันหลังให้คนพวกนั้น ข้าจะช่วยนางอย่างสุดกำลัง หากเป็นอย่างหลัง นั่นหมายความว่าสหายของท่านพี่เป็นคนทำให้มันเกิดขึ้น”

อี้หยางเฉิงทำเพียงพยักหน้าเนิบ ๆ ไม่ว่าภรรยาเขาจะทำเช่นไร เขาก็พร้อมจะสนับสนุน หากวันหนึ่งหยางมี่เลือกที่จะเดินออกมาจากจวนสกุลจาง ก็เป็นเพราะจางกุนเหยาทำตัวเองทั้งสิ้น อีกฝ่ายเป็นสหายตั้งแต่วัยเยาว์ ทั้งร่วมรบฝ่าฟันเป็นตายกันมา แต่ภรรยาเขาเอ่ยออกมาเช่นนี้ อี้หยางเฉิงก็เห็นด้วยไม่น้อย

“ดูไปก่อนเถิด หยางมี่ นางไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ผู้ที่อ่อนแอไม่สามารถทนคนรอบข้างข่มเหงได้นานขนาดนั้น คนที่ก้มหน้าอดทนคือผู้แข็งแกร่ง” เขามองในมุมของแม่ทัพที่คุมกองทหารนับแสน

เจียงซีเว่ยพยักหน้า แก่นแท้ของหยางมี่ไม่ใช่คนอ่อนแอ นางรู้เพราะอ่านนิยายเรื่อง ดวงใจแม่ทัพ จนจบแล้ว

แต่มันติดตรงสังคมและจารีตของยุคนี้ หญิงสาวทุกคน ใช้คำว่าทุกคน ไม่ว่าเกิดมาในฐานะสูงศักดิ์ หรือเป็นเพียงชาวบ้านร้านตลาด อย่างไรก็ต้องพึ่งบุรุษ ไม่ใช่ว่ามันเป็นเพียงวัฒนธรรม แต่มันถึงขั้นเขียนเอาไว้ในตัวกฎหมายบ้านเมือง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel