บทย่อ
ลู่เซียวซิน ยามเกิดมาถูกบิดามารดาจึงรังเกียจ ส่งนางไปอยู่จวนนอกเมืองที่แทบจะอาศัยไม่ได้ตั้งแต่แบเบาะ มีเพียงแม่นมและสาวใช้เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่คอยดูแลนางมา ตั้งแต่แบเบาะจนถึงวัยปักปิ่น สกุลลู่แทบไม่เคยย่างกายเข้ามาเยี่ยมเยียนบุตรสาวคนนี้เลยสักครั้งเดียว วันปักปิ่นมีเพียงปิ่นธรรมดาเท่านั้นที่ส่งมาให้ แต่มีหรือที่ลู่เซียวซินจะสนใจ เมื่อเมื่อชีวิตนี้นางมีเพียงแม่บนและสาวใช้เป็นครอบครัวเท่านั้น โชคดีที่นางมีหัวการค้า ทำให้สร้างกิจการขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง และนางไม่คิดจะกลับไปสกุลลู่อีก จนวันหนึ่งสกุลลู่กลับรับนางเข้าจวน และบังคับให้แต่งงานกับเจ้าสำนักเมฆาแทนพี่สาวของนาง!! โดยการเอาชีวิตของแม่นมและสาวใช้รวมถึงร้านค้าของนางมาเป็นข้อต่อรอง ซึ่งครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว ที่ลู่เซียวซินจะยอมทำตาม ชีวิตของลู่เซียวซินจะเป็นอย่างไร สามีจะเย็นชาและจะทอดทิ้งนางเหมือนสกุลลู่หรือไม่กันนะ
บทที่ 1 ตระกูลลู่
บทที่ 1 ตระกูลลู่
ครืน ~ ครืน ~
กลุ่มเมฆครึ้มสีดำทะมึนปกคลุมไปทั่วผืนฟ้าของเมืองหนานเฉิน เมืองหลวงแห่งแคว้นต้าเยี่ยน สายลมหอบใหญ่คล้ายกับพายุโหมพัดจนข้าวของปลิวว่อนราวกับเกิดอาเพศ ทั้ง ๆ ที่ช่วงนี้เป็นฤดูร้อนแท้ ๆ พวกชาวบ้านจึงรีบพากันปิดประตูหน้าต่าง เพื่อรอให้พายุลูกนี้ผ่านพ้นไป
ในขณะที่รถม้าคันหนึ่งวิ่งไปบนทางเดินอย่างรีบเร่งมุ่งตรงไปยังจวนตระกูลลู่ ซึ่งเป็นจวนของเสนาบดีฝ่ายซ้ายลู่จางเซิน ภายในจวนตอนนี้เหล่าข้ารับใช้กำลังวุ่นวายเนื่องจากฮูหยินใหญ่ของจวนกำลังจะให้กำเนิดบุตรนั่นเอง
“โอ๊ย ! ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว หมอยังไม่มาอีกหรือ !”
ถังอวี้ช่ายแผดเสียงร้องอย่างทรมาน ใบหน้างดงามบิดเบี้ยวเพราะอาการเจ็บท้องใกล้คลอด เหงื่อเย็นไหล่โซมกายแทบจะกลายเป็นแอ่งน้ำ บ่าวรับใช้รีบใช้ผ้าสะอาดซับให้นางพลางมองไปยังประตูเรือนอย่างร้อนใจ เพราะนี่ก็เกือบครึ่งชั่วยาม แล้ว ที่บ่าวชายออกไปตามท่านหมอตำแยซึ่งอยู่ท้ายเมือง แต่ยามนี้ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะมีใครกลับมาเสียที
“ฮูหยิน อดทนอีกหน่อยนะเจ้าคะ ท่านหมอกำลังจะมาแล้ว”
ซิวหลันสาวใช้คนสนิทกำลังบีบมือฮูหยินของตนเองเพื่อปลอบโยน
“ซิวหลัน เจ้าแน่ใจนะว่าให้คนไปตามท่านหมอมาแล้ว”
“ตามแล้วเจ้าค่ะ พ่อบ้านจางให้คนไปตามมาแล้ว”
ที่หน้าประตูเรือน ลู่จางเซินกำลังเดินไปเดินมาอย่างระสับกระส่าย เมื่อครึ่งชั่วยามก่อนหลังจากที่เขาเสร็จจากการเข้าประชุมว่าราชการช่วงเช้า ก็เห็นบ่าวในจวนมายืนรออยู่หน้าประตูวังหลวงแล้วแจ้งข่าวเรื่องที่ฮูหยินกำลังจะคลอด ลู่จางเซินไม่รอช้ารีบขึ้นรถม้ากลับจวนมาในทันที
แม้ว่าลู่จางเซินจะมีบุตรกับฮูหยินรองและอนุคนอื่นมาแล้ว แต่กับฮูหยินใหญ่เขายังไม่เคยมีบุตรด้วยกันสักคน บุตรคนนี้จึงถือเป็นบุตรคนสำคัญ มิหนำซ้ำก่อนหน้านี้ไม่นานก็มีนักพรตท่านหนึ่งที่บังเอิญผ่านมา แล้วได้ทำนายว่าเด็กในครรภ์จะมีบุญวาสนาและนำพาให้ตระกูลของเขารุ่งเรือง ลู่จางเซินจึงคิดไปว่าบางทีในครรภ์ของนางอาจจะเป็นบุตรชาย ที่จะมาสืบทอดเป็นผู้นำตระกูลต่อจากเขาก็เป็นได้
พอคิดได้ดังนั้นใบหน้าของเสนาบดีลู่ก็ฉายแววดีใจอย่างไม่ปิดบัง ผ่านไปไม่ถึงครึ่งก้านธูป รถม้าคันหนึ่งก็วิ่งมาจอดที่หน้าประตูจวนจนฝุ่นตลบ เมื่อเห็นว่าผู้ที่อยู่บนนั้นเป็นท่านหมอที่เชิญมา บ่าวรับใช้จึงได้รีบเร่งนำทางเขาไปยังเรือนของฮูหยินใหญ่ทันที
“ท่านหมอ เชิญทางนี้ขอรับ”
เมื่อเข้ามาถึงหมอหลี่ก็ไม่รอช้า นางวางห่อสัมภาระที่เตรียมมาลง จากนั้นก็จับข้อมือเรียวขาวของฮูหยินใหญ่มาตรวจชีพจร พร้อมกับสั่งให้ลูกมือที่นางพาติดตัวมาด้วยไปจัดการต้มน้ำ แต่ในระหว่างที่นางตรวจชีพจรอยู่นั้น คิ้วสีดอกเลาของนางก็พลันขมวดมุ่นทันที
“กะ...เกิดอะไรขึ้นหรือท่านหมอหลี่ เหตุใดใบหน้าท่านถึงเป็นเช่นนั้น หรือว่าครรภ์ของฮูหยินมีปัญหา ?”
ซิวหลันถามอย่างร้อนรน แล้วหันไปมองครรภ์ที่กลมโตเกินกว่าปกติของผู้เป็นนาย หมอหลี่ที่ยังไม่แน่ใจจึงลองตรวจชีพจรดูอีกครั้ง จากนั้นก็หันไปคลำที่ท้องของถังอวี้ช่ายแล้วกดเบา ๆ เมื่อแน่ใจแล้วจึงค่อยกลับมานั่งสงบลงที่เดิม
“เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ”
ตอนนี้เองถังอวี้ช่ายก็พลอยหน้าซีดไปด้วย นางสู้อุตส่าห์อุ้มท้องมาเก้าเดือนสิบเดือน จะให้เกิดปัญหากับครรภ์นี้ไม่ได้อีกเด็ดขาด
“ก็มิใช่ว่ามีปัญหา เพียงแต่เด็กในครรภ์มีสองคนเจ้าค่ะ”
“ฮะ ท่านว่าอย่างไรนะ มีสองคน ?”
“ใช่ ข้าสัมผัสได้ว่าชีพจรที่เต้นมีสามสาย เช่นนั้น นอกจากชีพจรของมารดาแล้ว ที่เหลือย่อมต้องเป็นของเด็ก”
เนื่องจากหมอหลี่เป็นหมอตำแยที่มีชื่อเสียงมาก เรียกได้ว่าความสามารถของนางเก่งไม่แพ้หมอหลวงเลย ดังนั้น คำพูดนี้ของนางย่อมเชื่อถือได้อย่างแน่นอน
ที่แท้ก็มีเด็กอยู่ในท้องตั้งสองคน ถึงว่าท้องของฮูหยินถึงได้ใหญ่นัก ซิวหลันดีใจแล้วหันไปมองถังอวี้ช่าย
“ฮูหยินใหญ่ช่างมีวาสนานัก ตั้งท้องทีเดียวแต่ได้บุตรถึงสองคน”
“เอาล่ะ ๆ อย่าพูดพล่ามกันอยู่เลย เร่งไปเตรียมตัวเข้าเถอะปากมดลูกเริ่มเปิดแล้ว”
“เจ้าค่ะ !”
ที่นอกประตูจวน บ่าวนางหนึ่งที่ได้ยินว่าฮูหยินตั้งครรภ์แฝดก็รีบเร่งไปแจ้งเรื่องนี้ให้แก่นายท่านเจ้าบ้านทราบ ภายในอกของลู่จางเซินยิ่งสั่นไหว เขาดีใจแทบคลั่งและคิดไปไกลว่าบางทีบุตรของเขาอาจจะเป็นหยกคู่สกุลลู่ก็เป็นได้
“อีกนิดเจ้าค่ะฮูหยิน เบ่งอีกนิด ฮึบบบ”
สาวใช้และหมอหลี่พากันออกเสียงช่วยให้ฮูหยินเบ่งคลอด ถังอวี้ช่ายจับไม้ผูกเชือกที่ห้อยมาจากคานเพดานไว้แน่นแล้วเบ่งสุดแรง
“หัวเด็กโผล่ออกมาแล้ว อีกนิดฮูหยิน”
“ฮึบบบบ”
“กรี๊ดดด ~”
พรวด !
“อุแว้...อุแว้ ~”
สิ้นเสียงกรีดร้องของฮูหยินใหญ่ก็ตามมาด้วยเสียงร้องไห้งอแงของเด็กน้อยที่ดังระงมไปทั่วห้อง ในที่สุดบุตรของนางก็คลอดออกมาอย่างปลอดภัย ทุกคนจึงพากันโล่งอก
“ฮูหยิน เป็นคุณหนูเจ้าค่ะ”
เสียงของซิวหลันปลาบปลื้มยินดี นางรีบเข้าไปรับคุณหนูซึ่งยังตัวเปื้อนเลือดมาจากหมอหลี่ที่เพิ่งตัดรกเสร็จเรียบร้อย ใบหน้าของถังอวี้ช่ายคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เพราะเดิมทีนางคิดว่าบุตรของนางเป็นผู้ชาย ส่วนสาวใช้ซิวหลันที่เห็นนางนิ่งอึ้งไปก็นึกว่านางยังเหนื่อยจากการเบ่งคลอด จึงได้พาตัวคุณหนูไปชำระร่างกายก่อน แต่ไม่นานหลังจากนั้นถังอวี้ช่ายก็รู้สึกเจ็บหน่วงในท้องขึ้นมาอีกครา
จริงสิ หมอหลี่บอกว่าในท้องของนางยังมีบุตรอีกคนนี่นา ไม่แน่ว่าบางทีบุตรคนนี้อาจจะเป็นบุตรชายก็ได้
“ท่านหมอ ข้าปวดท้องอีกแล้ว เร็ว ๆ เข้า รีบ ๆ เอาลูกของข้าออกมา”
แม้ว่าตอนนี้ใบหน้าของถังอวี้ช่ายจะยังคงสวยงดงามเช่นเคย แต่ผมเผ้าของนางก็กระเซิงจนแทบดูไม่ได้แล้ว นางไม่คิดเลยว่าการคลอดบุตรมันจะเจ็บปวดถึงเพียงนี้
แต่ไม่เป็นไร ขอเพียงแค่นางให้กำเนิดบุตรชายออกมาได้ เท่านี้นางก็จะได้กลับมาเป็นที่โปรดปรานของสามีแล้ว
ถังอวี้ช่ายเรียกได้ว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งหนานเฉิน หลังจากที่แต่งเข้าจวนสกุลลู่ในฐานะภรรยาเอก นางก็ใช้ชีวิตราบรื่นมาโดยตลอด แต่มีเพียงเรื่องเดียวที่ทำให้นางคับข้องใจ นั่นก็คือนางยังไม่สามารถให้กำเนิดบุตรแก่ลู่จางเซินได้เสียที
เมื่อสองปีก่อน นางเคยตั้งครรภ์แล้วครั้งหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถรักษาครรภ์นั้นเอาไว้ได้ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาลู่จางเซินจะไม่เคยตำหนิหรือมีทีท่าไม่พอใจนาง แต่นางรู้ดีหากว่ายังไม่มีบุตรให้สามีอีกล่ะก็ ตำแหน่งฮูหยินใหญ่ของนางก็คงรักษาเอาไว้ได้ยากแล้ว
แม้ตอนนี้สกุลถังของนางจะมีถังกุ้ยเฟยคอยหนุนหลัง แต่นั่นก็ยังไม่แน่ว่าจะคุ้มกะลาหัวของนางไปได้ตลอด เพราะนายท่านผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าของสกุลลู่ค่อนข้างเข้มงวดมาก
ช่างเถอะ ตอนนี้นางก็มีบุตรแล้ว ชีวิตหลังจากนี้ของนางก็คงจะกลับมาราบรื่นเหมือนอย่างเคย นางรีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านทุกอย่างแล้วหันไปทุ่มเทออกแรงในการเบ่งคลอด
แต่แล้วความหวังของถังอวี้ช่ายก็ต้องพังทลายเมื่อบุตรของนางอีกคนที่คลอดออกมาก็เป็นสตรีเช่นกัน แถมคราวนี้ยังคลอดยาก เรียกได้ว่าแทบจะพรากเอาชีวิตของนางไปด้วยซ้ำ
หลังจากที่ต้องคลอดบุตรถึงสองคนพร้อมกัน หนำซ้ำคนที่สองก็ยังคลอดยากคลอดเย็นเนื่องด้วยเนื้อตัวอวบอ้วนจ้ำม่ำ คาดว่าน้ำหนักตัวน่าจะเกินแปดชั่ง ซึ่งต่างจากทารกคนแรกที่ตัวเล็กผอมบางกว่ามาก ถังฮูหยินที่ใช้แรงไปจนหมดก็เหนื่อยล้า พลันสติของนางก็เลือนหายไปอย่างสมบูรณ์
หมอหลี่รีบเข้าไปตรวจดูชีพจร และพบว่านางแค่เป็นลมสลบไปเท่านั้น จึงหันไปสั่งให้คนติดตามไปต้มน้ำแกงบำรุงร่างกายหลังคลอดมาให้นางชามหนึ่ง จากนั้นก็เขียนเทียบยาให้กับสาวใช้ไปหนึ่งเทียบ ถึงอย่างไรจวนสกุลลู่ย่อมไม่ขาดแคลนสมุนไพรชั้นดีหายากอยู่แล้ว
เสียงร้องของทารกทั้งสองยังคงดังระงมอยู่ภายในห้อง แต่จนแล้วจนรอดบานประตูห้องนอนของฮูหยินใหญ่ก็ยังไม่เปิดออกมาเสียที ยิ่งทำให้เสนาบดีลู่ร้อนใจอยู่ไม่สุข เดินวนไปเวียนมาเช่นนั้นแทบจะครบพันลี้แล้ว
“นายท่าน ไปนั่งพักดื่มชาตรงนั้นก่อนเถิด หากด้านในเรียบร้อยแล้วเดี๋ยวข้าน้อย...”
แอ๊ด ~
ยังไม่ทันที่พ่อบ้านจางเอ่ยจบประโยค เสียงบานประตูค่อย ๆ เปิดออก ลู่จางเซินที่เฝ้าอยู่นานก็รีบเดินไปถาม
“เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ ลูกของข้าล่ะ !”
“เสนาบดีลู่โปรดอย่าได้กังวล เด็กปลอดภัยดี”
ไม่นานก็มีสาวใช้อุ้มทารกน้อยทั้งสองที่ชำระล้างคราบต่าง ๆ เรียบร้อยแล้วก้าวออกมา เพราะคุณหนูน้อยทั้งสองมีใบหน้าที่คล้ายกับถังอวี้ช่ายถึงเจ็ดแปดส่วนทำให้มีใบหน้าที่จิ้มลิ้มน่ารักมาก ยามที่ได้มองก็ทำให้คนเกิดความรู้สึกรักใคร่ลุ่มหลงเอ็นดูได้ไม่ยาก แต่ทั้งสองมีใบหน้าที่เหมือนกันจนแยกแทบไม่ออก ซิวหลันจึงใช้ห่อผ้าสีต่างกันในการแยกแฝดพี่และแฝดน้อง
“นายท่าน เป็นบุตรสาวทั้งคู่เจ้าค่ะ คุณหนูที่อยู่ในห่อผ้าแดงเป็นแฝดผู้พี่ ส่วนคุณหนูที่อยู่ในห่อผ้าทองเป็นแฝดผู้น้อง”
พอได้ยินสาวใช้บอกว่าบุตรของเขาเป็นผู้หญิง ใบหน้าของลู่จางเซินก็ฉายแววผิดหวังท่วมท้นขึ้นมาชั่วขณะ ตอนนี้เขามีบุตรชายเพียงแค่สองคนและบุตรสาวหนึ่งคนที่เกิดจากอนุกับฮูหยินรองเท่านั้น หากเป็นไปได้ก็อยากให้ฮูหยินใหญ่ให้กำเนิดบุตรชายมากกว่า จะได้ยกตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลให้กับอีกฝ่ายได้อย่างชอบธรรม
แต่เมื่อลู่จางเซินนึกไปถึงคำทำนายของนักพรตนั่นก็ค่อยสลัดความไม่พอใจทิ้งไป
เอาเถอะ…จะชายก็ดี จะหญิงก็ช่าง ขอแค่บุตรของเขานำพาตระกูลลู่ไปสู่ความรุ่งโรจน์ได้ เท่านั้นก็พอแล้ว ส่วนบุตรชายไว้ค่อยทำใหม่ก็ยังไม่สาย
หลังจากเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว หมอหลี่จึงได้ขอตัวกลับ
“ท่านหมอหลี่ค่อย ๆ เดิน”
พ่อบ้านจวนตระกูลลู่เดินออกมาส่งหมอเฒ่าขึ้นรถม้าด้วยตัวเอง พร้อมทั้งมอบเงินให้นางไปถุงใหญ่ นางคลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วก้าวขึ้นรถม้าไปพร้อมผู้ติดตาม
ภายหลังจากที่รถม้าแล่นออกไปแล้ว พ่อบ้านจางค่อยหมุนตัวกลับเข้าไปในจวน แต่แล้วหูของเขาก็พลันได้ยินเสียงกระพรวนของคทาดังแว่วมาจากไกล ๆ
กริ๊ง ~ กริ๊ง ~

