ตอนจบของเรา(1)
ข้าวหอมนั่งมองหน้าคนรักที่คบกันมาตั้งแต่เธออยู่ปี4 แต่ว่ารู้จักกันตั้งแต่เธออยู่ปี1 นับรวมๆ แล้วก็รู้จักมาเกือบ 6 ปี
หลากหลายเรื่องราวที่ผ่านมาด้วยกัน มีทั้งเสียงหัวเราะและเสียงสะอื้นไห้ ไม่คิดเลยว่าตอนจบของเขาและเธอจะเป็นแบบนี้
ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้า
วันนี้ข้าวหอมเลิกงานเร็ว เคลียร์งานเสร็จไวจึงไม่ได้แวะกลับเข้าบริษัท ตัดสินใจรีบกลับบ้านเพื่อมาทำอาหารไว้รอนรากร หลังจากที่ยุ่งกับการเลื่อนตำแหน่งมานานวันนี้เธอจะโชว์ฝีมือปลายจวักมัดใจคนรัก เผื่อว่าเขาจะพูดเรื่องแต่งงานขึ้นมาบ้าง ที่บ้านของเธอเร่งเรื่องแต่งมาบ่อยแล้ว คนในครอบครัวอยากให้เธอเป็นฝั่งเป็นฝา ไม่อยากให้ทิ้งเวลานาน ๆ ใจคนเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
ซึ่งข้าวหอมก็เข้าใจ และคิดว่าคนรักของเธอก็น่าจะเข้าใจเหมือนกัน
ทว่าเมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องก็เกิดความรู้สึกแปลกใจ เครื่องปรับอากาศในห้องนอนยังทำงาน ย้อนคิดดูเมื่อเช้าก็ไม่ได้ลืมปิด หรือว่านรากรกลับมาเหรอ
เขาก็ไม่ได้บอกว่าจะเลิกเร็ว ไม่ได้บอกด้วยว่าไม่สบาย
แปลก?
สองเท้าก้าวเดินไปยังห้องนอนช้าๆ ด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำเพราะมีบทสนทนาที่น่าตกใจ ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้
“นี่เชลต้องอยู่แบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่อะเต้ย” เสียงหวานของมิเชลเอ่ยถามด้วยความน้อยใจ
“ก็รอไปก่อน น้องมันไม่มีที่ไปก็เลยต้องพึ่งพาเต้ยอยู่” ส่วนนี่เสียงคนรักของข้าวหอม
“อย่ามาเล่นลิ้นนะเต้ย เชลไม่ได้ใจเย็นขนาดนั้นนะ ที่ผ่านมาเชลยอมมามากพอแล้ว ถ้าเต้ยไม่รีบจัดการอย่ามาหาว่าเชลใจร้าย”
“เชลจะขู่เต้ยทำไมวะ หมั้นก็หมั้นกันแล้ว ยังไงเต้ยก็ต้องแต่งกับเชล”
“นี่เชลผิดเหรอ เต้ยปะที่ไม่จบสักที เชลบอกให้เลือกตั้งนานแล้วนะ”
“เต้ยก็เลือกเชลนี่ไง”
“เลือกเชลก็เลิกกับผู้หญิงคนอื่น!”
“รู้แล้ว อย่าดุนักสิ มาเดี๋ยวช่วยให้ใจเย็นนะ” สองคนในห้องกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่บนเตียงที่ข้าวหอมหลับนอนทุกคืน
นี่ทับรอยกันไปกี่ครั้งแล้ว?
ข้าวหอมแทบล้มทั้งยืน ไม่คิดว่าคนสองคนในห้องจะแอบคบกันลับหลังเธอ
นรากร เป็นรุ่นพี่ในคณะ จำได้ว่าเขาและเธอรู้จักกันจากการรับน้อง จากนั้นก็พูดคุยกันเรื่อยมา กระทั่งเธออยู่ปี4 นรากรที่จบไปแล้วแต่ยังติดต่อ ไปมาหาสู่ตามประสารุ่นพี่ที่สนิทก็ขอข้าวหอมเป็นแฟน
มิเชล เป็นเพื่อนในกลุ่มของนรากร ในตอนนั้นมิเชลเป็นคนช่วยเชียร์ให้ข้าวหอมตกลงเป็นแฟนกับนรากร
เป็นคนสองคนที่ข้าวหอมไม่คิดว่าจะถูกหักหลัง
คนที่ไว้ใจกลายเป็นคนที่ร้ายที่สุดอีกแล้ว
ตั้งสติได้ข้าวหอมเดินมาที่ครัว เธอทำกับข้าวไว้ให้เขาตามที่ตั้งใจแต่แรก ถูกแฟนทรยศ ถูกรุ่นพี่ที่สนิทหลอกลวง ใครบ้างจะไม่เสียใจ
เพียงแค่การรับมือของแต่ละบุคคลนั้นแตกต่างกัน
ข้าวหอมเลือกที่จะนิ่ง เตรียมตั้งรับกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้
ให้เธอพุ่งเข้าไปตบตีทำร้ายร่างกายไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดจะทำ
คนเราไม่จำเป็นต้องใช้กำลังแก้ปัญหาไปซะทุกเรื่อง เพราะว่ามันไม่ได้ช่วยให้เรื่องราวดูดีขึ้น แล้วยังทำให้กลายเป็นคนบ้า ขาดสติอีกด้วย
ผ่านไปเกือบชั่วโมงคนที่ข้าวหอมไว้ใจทั้งสองคนเดินกอดกันออกมาจากห้องนอน เสียงเปิดน้ำจากโซนครัวทำให้ทั้งสองผละออกจากกันโดยอัตโนมัติ
นรากรมองมายังโซนครัวเห็นคนรักกำลังล้างจาน เขากับมิเชลสบตากันด้วยความตกใจ
“กลับไปก่อน” นรากรบอกเพื่อนรักที่รักกันเกินเพื่อน มีสถานะเกินเพื่อนตั้งนานแล้ว
“พี่กลับนะน้องข้าว” มิเชลตะโกน ใบหน้ายิ้มเย้ย
ในที่สุดก็หายโง่สักทีนะข้าวหอม ดีเหมือนกันที่รู้สักที เธอเองก็ไม่อยากจะเป็นผู้หญิงใจร้ายกับคนที่เคยเอ็นดู น่าเสียดายที่มาดูเอ็นอันเดียวกันทำให้คบกันต่อไม่ได้
“ค่ะ” ข้าวหอมหันมายิ้มด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ทั่วทั้งใบหน้ามีเพียงริมฝีปากที่แสดงอารมณ์
มิเชลเดินออกจากห้องไปแล้ว ภายในห้องเงียบสงบ ข้าวหอมเดินออกจากครัวหลังจากที่จัดเก็บทุกอย่างเรียบร้อย
จากนั้นเธอเดินมานั่งโซฟา นรากรเดินตามมานั่งข้างคนรัก ข้าวหอมขยับมานั่งอีกฝั่ง นั่งมองหน้าคนที่เธอเรียกว่าแฟน โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาเป็นของคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ก่อนขอเธอเป็นแฟนอย่างอลังการ หรือหลังจากที่เป็นแฟนกับเธอแล้ว
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่” นรากรเอ่ยถาม
เขาทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าข้าวหอมกำลังคิดอะไรอยู่ หรือว่าเธอจะรับได้กับความสัมพันธ์ของเขากับมิเชลงั้นเหรอ ข้าวหอมถึงได้นิ่งแบบนี้ เธอทำเหมือนว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เจอ
“ข้าวทำอะไรผิดเหรอ” ช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอมั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดกับคนรัก
ซื่อสัตย์ขนาดนี้ทำไมถึงได้ผลตอบแทนแบบนี้ แล้วยังเป็นคนใกล้ตัวอีก
“ข้าวไม่ได้ทำอะไรผิด”
“งั้นใครผิด”
“...”
“ข้าวจะไม่ถามว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ข้าวอยากรู้ว่าพี่หมั้นกับเธอจริงเหรอ”
“...สามเดือนก่อนพี่หมั้นกับมิเชล”
