บท
ตั้งค่า

2

เธออายุยี่สิบสาม พอเรียนจบบิดามารดาเสียชีวิตกะทันหัน ในขณะที่เธอกำลังคว้าง วันหนึ่งจู่ๆ เสือก็บอกว่าร้านค้าทางเข้าหมู่บ้านรับสมัครพนักงานบัญชี ซึ่งเป็นสาขาที่เธอเรียนจบมาพอดิบพอดี เงินเดือนแค่หมื่นกว่าบาทแต่เธอมีบ้านเป็นของตัวเองและขับรถแค่สิบห้านาทีก็ถึงที่ทำงาน เธอเลยมีความสุขมากที่ได้ทำงานที่นี่ เพราะถ้าต้องไปทำงานไกลเธอก็ต้องทิ้งบ้านช่องไป เงินเดือนอาจจะเยอะ แต่มีค่าใช้จ่ายส่วนอื่น พวกค่าเช่าบ้าน ค่าอาหารการกินซึ่งค่อนข้างสูงในแต่ละเดือน ในขณะที่เธอทำงานใกล้บ้าน ก็ไม่ต้องเช่าบ้านและประหยัดค่ากับข้าวไปได้เยอะ

รอบบ้านมีที่ดินก็ปลูกพืชผักสวนครัวกินได้ ที่สำคัญลุงเสือของเธอชอบปลูกผักไว้กินเอง เวลาเธอขาดเหลืออะไรก็มาขอเขาได้เลย เขาไม่ขี้เหนียวไม่หยุมหยิมหรือจุกจิก ไม่คิดเล็กคิดน้อย เธอจะเก็บผักหมดสวนเขาก็ไม่ว่า เห็นหน้าโหดๆ แบบนี้เขาค่อนข้างใจบุญ ลูกค้ามาที่บ้านเห็นผักงามก็ขอซื้อ เขาก็บอกให้เก็บเอาไปได้เลย ไม่เคยคิดเงิน

“ทำงานเป็นยังไงบ้าง”

คนพูดน้อยและไม่ค่อยพูด พอเอ่ยถามก็ทำเอาเธอยิ้มกว้างกระตือรือร้นที่จะตอบ

“ดีมากค่ะ เถ้าแก่ใจดี งานก็ไม่ยาก ใกล้บ้านด้วยค่ะ ขอบคุณลุงเสือมากนะคะ”

“เรื่องอะไร”

เขาเอ่ยถาม

“ที่ช่วยหางานให้หนู”

“ขับรถผ่านแล้วเห็นก็เลยบอก”

เธอรู้ว่าเขาช่วยหางานให้เธอนั่นแหละ เถ้าแก่เป็นคนบอกเองว่าเขาไปรับรองเธอเอาไว้ด้วย แต่เขาไม่เคยมาพูดอวดอ้างเอาความดีให้เธอฟัง

นรินดาซาบซึ้งในน้ำใจของเขาเธอเลยตั้งใจทำงานให้ดีไม่ให้เขาต้องเสียหน้า

“แต่ยังไงก็ขอบคุณนะคะ”

เธอตักกับข้าวให้เขาอย่างเอาใจ

“ตั้งใจทำงานให้ดีเถอะ ไม่สำคัญว่าใครจะแนะนำให้ แต่สำคัญว่าเราทำมันดีแล้วหรือยัง”

“ค่ะ”

เธอรับคำ ยิ้มหวานให้เขา แต่คนหน้าเคร่งไม่ยิ้มตอบ รับประทานอาหารเงียบๆ ตามประสาคนไม่พูดมาก หลังจากนั้นเธอก็พูดอยู่ฝ่ายเดียว เขาก็อือออบ้างเป็นบางครั้ง

นรินดารีบเก็บจานชามไปล้างแล้วเธอก็ยังเตร็ดเตร่อยู่ในบ้านของเขาไม่ยอมไปไหน

“มืดแล้ว”

เขาพูดตรงๆ แต่เป็นการไล่ นรินดาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ขณะเดินมาทรุดนั่งลงหน้าทีวี แล้วเปิดดูอย่างเนียนๆ ไม่เร่งรีบกลับบ้าน

“ลุงจะปิดบ้านแล้ว”

“เอ่อ... เดี๋ยวหนูดางับประตูปิดให้นะคะ ขอดูทีวีต่ออีกนิด”

เขาไล่เธอรู้ แต่เธอยังไม่อยากกลับบ้าน กลับไปก็เหงาเพราะต้องอยู่คนเดียว บ้านของเขากับบ้านของเธอห่างจากบ้านของคนอื่นหลายหลัง มีบ้านของพยัคฆ์นี่แหละที่อยู่ติดกับเธอ

ความเหงาทำให้เธออยากหาเพื่อนคุย แต่จะให้เธอหนีไปเที่ยวกลางค่ำกลางคืนแบบคนอื่นเขาเธอก็ไม่เอาเพราะรู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัยและเธอก็เป็นคนมีเพื่อนน้อยมากเลยไม่รู้จะไปเที่ยวอะไรกับใคร

“ที่บ้านไม่มีทีวีดูเหรอ”

เขากอดอกเอ่ยถามเหมือนผู้ใหญ่ที่สุดแสนจะเข้มงวด

“ทีวีเสียค่ะ”

ดูเหมือนพยัคฆ์จะหมดคำที่จะพูดอีก เขาเลยเดินหนีเข้าห้องนอน

นรินดานั่งดูทีวีอยู่คนเดียวเงียบๆ เธอคิดว่าคืนนี้จะค้างที่บ้านของเขา นอนที่โซฟาตัวนี้ก็ไม่เป็นไร ความเงียบเหงาและความหว้าเหว่ทำให้เธอไม่มีที่ไป

จู่ๆ ก็รู้สึกเหงาอย่างไม่ทราบสาเหตุ คิดถึงบิดามารดาจับใจ ยามนี้หากได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา เธอคงได้นั่งดูทีวีกับพวกท่าน

หญิงสาวตบๆ โซฟาไปมาก่อนจะทิ้งตัวลงนอนหลังจากปิดทีวี นอนบ้านของพยัคฆ์ อย่างน้อยก็รู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียว

พยัคฆ์เดินออกมาเข้าห้องน้ำ พอเสร็จกิจกำลังจะเข้าห้องนอนเขาก็ชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นเงาของเด็กสาวข้างบ้านยังนอนอยู่หน้าทีวี

ชายหนุ่มสบถในใจก่อนจะเดินเข้าไปตรงโซฟา เขาทำท่าจะปลุกเธอขึ้นมาดุด่าว่าทำไมไม่กลับไปนอนบ้าน แต่เห็นร่างที่นอนขดตัวหนาวเหน็บอยู่ตรงหน้าทำให้เขาพูดไม่ออก

ร่างเล็กนอนขดตัวเหมือนเด็กตัวน้อยๆ ใบหน้าเนียนใสอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงเข้าไปอีกเมื่อเธอนอนหลับเช่นนี้

นรินดาแทบจะกรีดร้องเมื่อร่างเล็กลอยหวือขึ้นจากโซฟา เธอผวากอดคอหนาเอาไว้ ใบหน้าเหลอหลาเมื่อโดนอุ้มขึ้นกลางอากาศ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel