บท
ตั้งค่า

ตอนที่2 เริ่กฝึกพลัง

วันนี้เป็นวันดียิ่ง ครอบครัวลี่เบิกบานกันทั้งครอบครัว นับว่าในรอบหลายเดือนทีเดียว เนื่องด้วยลี่ถังหายป่วยจากโรคร้ายราวปาฏิหาริย์ นังหนูลี่ผู้นี้นอนป่วยมานานหลายเดือนจนกระทั่งเกือบปี สภาพตายแหล่มิตายแหล่ มาวันนี้กลับหายเป็นปกติ น่าเหลือเชื่อโดยแท้

ตกเย็น

ครอบครัวลี่อยู่ครบพร้อมหน้าพร้อมกับอาหารมื้อเย็น

"ฮ่าๆ ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก นี่สินะที่เรียกว่าสวรรค์มีตา ถังน้อยของข้าฟื้นขึ้นมาแล้วจริงๆ น่ายินดี! ช่างน่ายินดีอะไรเช่นนี้!" ลี่หยางหัวเราะลั่น ใบหน้าของชายวัยกลางคนเปี่ยมล้นไปด้วยความปิติยินดี

"วันนี้พวกเจ้าเติมข้าวไม่อั้น ฉลองที่ถังเอ๋อของข้าฟื้นจากอาการป่วย" ลี่จูเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ทุกคนร้อง โอ้! พร้อมเพรียง

ข้าวในถังที่เก็บไว้กินตลอดหนึ่งสัปดาห์ ลี่จูก็เอาออกมาหุงจนหมดเพื่อวันนี้โดยเฉพาะ

ทว่าแม้จะเป็นอย่างนั้น ข้าวแค่นี้ก็ยังน้อยอยู่ดี พอจะทำให้คนในครอบครัวอิ่มแปล้ได้แค่มื้อเดียวเท่านั้น

ลี่ถังมองกับข้าวตรงหน้าที่มีอยู่ไม่กี่อย่าง นอกจากข้าวต้มเหลวๆ นี่แล้ว ก็มีผักต้มแล้วก็เผือกนึ่งสุกอีกจานหนึ่ง จะเห็นได้ว่า..ไม่มีเนื้อสัตว์เลยสักชิ้นเดียว

ลี่ซือหันไปหาน้องรองของตนและเอ่ยยิ้มๆ "เจ้าเพิ่งจะหายป่วยได้ไม่นาน อาหารการกินนับว่าสำคัญ" จากนั้นก็ยื่นชามข้าวต้มของตนให้กับลี่ถัง "อะ..นี่ ของพี่ใหญ่่ ข้าไปเก็บสมุนไพรในป่าวันนี้ เห็นผลไม้ป่าอยู่ไม่น้อยทีเดียว เลยเก็บกินมาบ้างแล้ว ตอนนี้เลยยังไม่หิว เจ้าเอาข้าวต้มชามนี้ไปกินเถิด"

เห็นเช่นนั้น เด็กน้อยลี่หลินที่นั่งอยู่ข้างๆ กระพริบตาปริบ ความรู้สึกบอกว่านางยอมมิได้เช่นกัน ก้มมองชามข้าวต้มของตนที่กินไปแล้วหลายคำ และมีเม็ดข้าวในชามข้าวต้มจริงๆ เพียงไม่กี่เม็ด เด็กสาวกัดริมฝีปากแน่นอย่างลำบากใจ ก่อนจะตัดสินใจแน่วแน่ยื่นชามข้าวต้มให้กับลี่ถัง "พี่สาวรองเอาของหลินเอ๋อไปกินสิ หลินเอ๋อไม่อยากกินแล้ว"

ลี่ถังตื้นตันใจทั้งรู้สึกอบอุ่น แม้ร่างนี้จะไม่ใช่ร่างแท้ๆ ของตนก็ตาม หากแต่ความทรงจำหลากหลายมันมาพร้อมกับความรู้สึกของเจ้าของร่างเดิม จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าครอบครัวลี่นี้ผูกพันกับนางราวกับเป็นครอบครัวแท้ๆ

ลี่ถังส่ายหัว มองหน้าพี่ใหญ่ของตนและเอ่ยด้วยรอยยิ้มนุ่มนวล "พี่ใหญ่กินเถิด ตอนนี้ร่างกายข้าก็ดีขึ้นมากแล้ว อีกอย่างตอนนี้ข้าก็อิ่มแล้วด้วย" พรางเอื้อมมือไปขยี้ศีรษะน้อยๆ ของลี่หลินอย่างเอ็นดู "น้องเล็กเจ้าก็อย่าเอาอย่างพี่ใหญ่สิ เจ้ากินเถอะพี่รองไม่เป็นไร" มองสีหน้าเจ็บปวดใจของลี่หลินแล้ว..ลี่ถังก็รู้สึกขบขัน นังหนูผู้นี้เดิมทีก็เห็นแก่กินเหนือสิ่งอื่นใด ไม่บ่อยนักที่นางจะมีใจแบ่งปัญของกินกับคนอื่นเช่นนี้

พอกินอาหารมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อย ท้องฟ้าก็เริ่มมืดบ้างแล้ว ด้วยครอบครัวลี่ไม่มีแสงไฟส่องสว่างยามค่ำคืน น้ำมันที่ใช้สำหรับคบเพลิงหรือตะเกียง ซึ่งได้จากต้นไม้ที่จะมีในเฉพาะฤดูกาลหรือได้จากสัตว์เท่านั้น อีกทั้งยังราคาแพง น้ำมันจึงนับว่ามีค่ามหาศาลสำหรับครอบครัวลี่ ไม่อาจใช้ทิ้งใช้ขว้างได้เป็นอันขาดหากไม่จำเป็น

ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงเข้านอนแต่หัวค่ำ

หากแต่เวลานี้ ภายในห้องของลี่ถัง เด็กสาวนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง พรางคิดถึงเรื่องราวต่างๆ นับตั้งแต่ที่นางจากโลกเดิมมา ทั้งความรู้สึกและคนรอบข้างล้วนแตกต่างจากโลกก่อนโดยสิ้นเชิง ทว่านางเองก็ไม่ได้เกลียดความรู้สึกเช่นนี้แต่อย่างใด ชีวิตก่อนนางไร้ซึ่งครอบครัวหรือญาติพี่น้อง ต่อให้ต้องตายก็ไม่สิ่งใดให้ต้องกังวล

หากแต่โลกนี้..ชีวิตนี้ นางมีทั้งพ่อและแม่ ทั้งพี่ชายและน้องสาว อยู่กันครบพร้อมหน้า ถึงจะแปลกใหม่อยู่บ้างสำหรับนาง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า..ความรู้สึกนี้นี่เองที่ทำให้หัวใจของนางที่เคยเดียวดายและอ้างว้างตลอดช่วงชีวิตก่อน บัดนี้มันได้ถูกเติมเต็มขึ้นมาแล้ว

สิ่งนี้หรือที่ข้าต้องการ?

สิ่งนี้หรือที่เรียกว่า 'ครอบครัว'

ลี่ถังส่ายหัว นางเก็บความคิดเลื่อนลอยของตนกลับมา ก่อนที่สีหน้าจะแปลเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว

อย่างไรก็ตามในเวลานี้ หากนางต้องการให้ครอบครัวมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้แล้วหละก็ สิ่งแรกที่นางควรกระทำคือต้องกลายเป็นผู้ฝึกปรานให้ได้โดยเร็ว พลังจะช่วยให้นางทำอะไรได้ง่ายขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งเดียวที่นางถนัดที่สุดแล้วในตอนนี้

"ได้เวลาที่ข้าจะเริ่มฝึกปรานเสียที" ดวงตาของเด็กสาวทอประกาย นานทีเดียวที่นางไม่ได้รู้สึกเช่นนี้ ราวกับได้ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ตนเองเริ่มฝึกปรานใหม่ๆ อีกครั้ง ตอนนั้นนางรู้สึกว่า..การฝึกพลังปรานช่างยากเย็นแสนเข็น ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกตื่นเต้นประหนึ่งได้ของเล่นชิ้นใหม่เสียอย่างนั้น

ครั้นเมื่อลี่ถังหลับตาลง พลันมีไอปรานอุ่นๆ หมุนวนอยู่รอบกาย เส้นชีพจรลมปรานทั่วร่างถูกปลุกกระตุ้น ก่อนที่ไอปรานจะถูกดูดซับผ่านทางเส้นชีพจรลมปรานอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคง ผ่านไปหลายร้อยลมหายใจ รูขุมขนทั่วร่างของลี่ถังก็เปิดออกและมีน้ำสีใสไหลซึมออกมา หลังจากนั้น..จากสีใสก็เริ่มกลายเป็นขุ่นมัวจนสุดท้ายก็กลายเป็นสีดำข้น ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วห้อง

ลี่ถังอดขมวดคิ้วไม่ได้ 'สิ่งปฏิกูลตกค้างในร่างช่างมากมายนัก'

เมื่อสิ่งตกค้างในร่างถูกขับออกมาจนหมดสิ้นแล้ว ลี่ถังก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลง ร่างกายที่เคยผอมแห้งซีดเซียว เวลานี้กลับเริ่มมีเนื้อหนังมังสา มีชีวิตชีวามากขึ้น อีกทั้งร่างกายยังเบาสบายประหนึ่งว่านางกำลังลอยอยู่กลางอากาศ

ลี่ถังเริ่มหมุนวนเคล็ดวิชา 'เอกาสวรรค์' ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาฝึกปรือที่นางสร้างขึ้นมาเองกับมือเพื่อตัวนางเองโดยเฉพาะ

เมื่อวิชาถูกเรียกใช้ ไอปรานในรัศมีสิบลี้ถูกดึงมารวมกันที่ห้องของลี่ถัง ไอปรานเข้มข้นหมุนวนอยู่รอบกายนาง ก่อนที่นางจะดูดซับไอปรานทั้งหมดและกลั่นมันให้กลายเป็นพลังปรานบริสุทธิ์เข้าไปในตันเถียนภายใน

จากนั้นพลังปรานของลี่ถังก็ปะทุออกมาอย่างรุนแรง กลิ่นอายระดับปรานก่อเกิดขั้นต่ำอบอวลไปทั่วห้อง ทว่าเพียงไม่กี่ลมหายใจต่อมา ระดับพลังของนางก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!

ระดับปรานก่อเกิดขั้นต่ำ..

ระดับปรานก่อเกิดขั้นกลาง!

เพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น นับว่ารวดเร็วเทียบเท่ากับผู้ฝึกปรานที่บ่มเพาะพลังมานานเกือบหลายเดือน!

เท่าที่ลี่ถังรู้คือ ระดับพลังของผู้ฝึกปรานบนโลกนี้นับว่าไม่ต่างจากโลกก่อนของนาง ซึ่งมีระดับพลังด้วยกันหลายระดับดังนี้...

ระดับปรานก่อเกิด (ขอบเขตแรก)

ระดับปรานที่แท้จริง

ระดับปรานปฐพี

ระดับปรานล่องลอย

ระดับปรานทลายฟ้า

แต่ละระดับมีขั้นพลังอยู่สามขั้นย่อย เช่น..

ขั้นต่ำ

ขั้นกลาง

ขั้นสูง

แม้คล็ดวิชาเอกาสวรรค์ของลี่ถังจะยอดเยี่ยมปานใด หากแต่ไอปรานบนโลกนี้มีเพียงน้อยนิดและจำกัด จึงไม่อาจฝืนได้ น่าเสียดายจริงแท้.. ถ้านางยังอยู่ที่โลกใบเดิม การจะตัดผ่านไปยังระดับปรานที่แท้จริงได้ภายในหนึ่งวัน ก็คงไม่ยากเย็นอันใดแม้แต่น้อย..

กลิ่นอายพลังปรานของลี่ถัง แฝงไว้ซึ่งความอ่อนโยนนุ่มนวล ไม่ได้กราดเกรี้ยวดุดันเหมือนผู้ฝึกปรานคนอื่น ที่ใช้พลังปรานในการต่อสู้และสังหาร

มีคนกล่าวว่า..ลักษณะนิสัยของคนผู้นั้น..จะดูได้จากกลิ่นอายพลังปรานที่แผ่ออกมา ลี่ถังเองก็เป็นเช่นนี้..ในชีวิตก่อนพลังของนางน้อยมากที่จะใช้ในการต่อสู้ ส่วนใหญ่แล้วนางจะใช้พลังไปกับการสร้างและประดิษณ์วัตถุอักขระ กลิ่นอายนางจึงค่อนข้างแตกต่างจากคนอื่นๆ แม้ในยามนี้เองก็เช่นกัน

ผู้ฝึกปรานก็มีวิถีของผู้ฝึกปราน ส่วนผู้ใช้อักขระก็มีวิถีของผู้ใช้อักขระเช่นเดียวกัน ซึ่งพลังของผู้ใช้อักขระจะเรียกอีกอย่างว่า 'ปรานอักขระ' หรือ 'พลังอักขระ' จะแตกต่างอยู่บ้างจากพลังปรานของผู้ฝึกปราน เช่น พลังอักขระของผู้ใช้อักขระจะมีข้อด้อยเรื่องการต่อสู้จริงอย่างมาก เพราะไม่อาจเรียกใช้วิชาต่อสู้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ กล่าวได้ว่าหากผู้ใดเลือกเดินสู่เส้นทางของผู้ใช้อักขระแล้วนั้น จะต้องเข้าใจด้วยว่า..พลังต่อสู้ของตนจะด้อยกว่าผู้ฝึกปรานคนอื่น และมิอาจหวนกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก

หากแต่ลี่ถังนางแตกต่างจากผู้ใช้อักขระทั่วไป เคล็ดวิชาเอกาสวรรค์ที่นางสร้างขึ้นสามารถกลบข้อเสียนี้โดยสิ้นเชิง นางสามารถใช้ได้ทั้งพลังอักขระและพลังปรานของผู้ฝึกปรานพร้อมกันได้อย่างไม่มีปัญหา แม้นางจะไม่ชอบการต่อสู้ แต่ก็ใช่ว่านางจะต่อสู้ไม่เป็นเสียหน่อย

ไอปรานถูกดูดซับเข้าไปยังจุดกึ่งกลางของตันเถียนภายในร่าง จากนั้นลี่ถังเรียกใช้เคล็ดวิชาเอกาสวรรค์อีกครั้ง ไอปรานบริสุทธิ์หมุนวนอย่างบ้าคลั่งภายในตันเถียน ก่อนมันจะกลายเป็นสีฟ้าสดใสและงดงาม ประหนึ่งหมู่เมฆสีฟ้าครามท่ามกลางมหาสมุทร ภายในตันเถียนของลี่ถังตอนนี้ ปรากฎเป็นทะเลปรานสีขาวอยู่ด้านล่าง และทะเลปรานสีฟ้าอยู่ด้านบน ซึ่งปรานทั้งสองสีที่ตัดกันอย่างชัดเจนนี้..แน่นอนว่าสีขาวคือพลังปราน ส่วนสีฟ้าคือพลังอักขระนั่นเอง

ลี่ถังลืมตาช้าๆ พลันมีเส้นแสงสีฟ้าอ่อนวาบผ่านดวงตาของนาง ก่อนจะหายไปชั่วพริบตา "ต่อไป..ลองวาดอักขระดูหน่อยก็แล้วกัน" ลี่ถังสูดหายใจเข้าลึก รู้สึกแปลกอยู่บ้างที่ต้องวาดอักขระในร่างนี้ ไม่ใช่ในนามของเมิ่งซีในชีวิตก่อน

ปลายนิ้วของเด็กสาวจรดอยู่กลางอากาศเบื้องหน้า ก่อนจะปรากฏพลังอักขระสีฟ้าอ่อนงดงามประหนึ่งดวงดาราที่ปลายนิ้ว พร้อมกับนัยน์ตาของนางที่แปลเปลี่ยนเป็นสีฟ้าเช่นกัน จากนั้นลี่ถังตะวัดปลายนิ้วด้วยท่วงท่าอ่อนช้อยงดงามเป็นธรรมชาติ ทั้งลื่นไหลไม่มีสดุด

อักขระลวดลายโบราณถูดขีดเขียนท่ามกลางอากาศที่ว่างเปล่าทีละตัว จากนั้นก็เพิ่มไปหลายสิบตัวอย่างรวดเร็ว ทุกตัวอักขระมีขนาดเท่ากับฝ่ามือ ลอยเด่นอยู่เบื้องหน้าของลี่ถัง จากนั้นนางก็สบัดมือไปด้านหน้าพร้อมกับอักษรอักขระตัวสุดท้ายที่เขียนคำว่า 'หลง' ไปหลอมรวมกับอักขระที่เหลือทันที

แสงสีฟ้าเจิดจ้าสาดส่อง ก่อนจะปรากฏเป็นมังกรสีฟ้าตัวหนึ่งล่องลอยเหนือศีรษะของลี่ถัง ตัวของมันเท่ากับม้าตัวหนึ่งและมีความยาวหลายเมตร ทั้งยังเคลื่อนไหวได้ราวกับมีชีวิตจริงๆ

ลี่ถังตะวัดปลายนิ้วเบาๆ ส่งเจตจำนงสั่งการให้มันล่องลอยไปมาตามใจนึก นางอดยิ้มมุมปากยินดีไม่ได้ นับว่าการวาดอักขระบนโลกนี้ไม่แตกต่างจากโลกเดิมที่นางจากมาเลยแม้แต่น้อย จะต่างก็ตรงที่ตอนนี้นางยังคงอยู่ระดับผู้ใช้อักขระขั้นสีฟ้า ซึ่งยังเป็นขั้นแรกของผู้ใช้อักขระอยู่

ระดับของผู้ใช้อักขระนั้น สามารถดูออกได้ไม่ยาก เพราะสีของพลังอักขระที่ใช้ออกล้วนบ่งบอกถึงระดับ อย่างเช่นตอนนี้..ลี่ถังอยู่ขั้นแรก ซึ่งก็คือสีฟ้า ขั้นถัดไปก็จะเป็น.. สีเขียว - สีทอง - สีแดง และสุดท้ายคือสีม่วงนั่นเอง..

ชีวิตก่อนในร่างของเมิ่งซี นางอยู่ในระดับผู้ใช้อักขระขั้นสีม่วง ซึ่งนับว่าเป็นขั้นสุดท้ายและยังเป็นจุดสูงสุดของผู้ใช้อักขระ!

ทว่าลี่ถังตอนนี้ ก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายหรือนึกเสียใจอันใด นางมั่นใจว่าในอีกไม่ช้าก็เร็ว ตนจะสามารถกลับไปสู่จุดรุ่งโรจน์เหมือนเช่นชีวิตก่อนได้อีกครั้ง..

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel