ลี่ถัง ยอดหญิงนักวาดอักขระ

143.0K · จบแล้ว
OHMKUNG
57
บท
24.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

นามของนางคือ เมิ่งซี ในระหว่างการสร้างค่ายกลระดับสูง เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ค่ายกลเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง จนพัดพาเอาร่างของนางหายไปกับอากาศ เดิมคิดว่าตนตายไปแล้ว แต่ไหนเลยที่แท้นางมาเกิดใหม่ในร่างของเด็กสาวไกล้ตายผู้หนึ่ง นามว่า ลี่ถัง เท่าที่เมิ่งซีได้รับความทรงจำมา ลี่ถังคือเด็กสาวชาวบ้านธรรมดาที่ปราศจากพลังปราน ซ้ำร้ายฐานะของครอบครัวยังยากจนแร้นแค้น ใช้ชีวิตทุกวันอย่างยากลำบาก แม้นี่จะไม่ใช่ครอบครัวที่แท้ของเมิ่งซี แต่นางก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจหรือปฏิเสธแต่อย่างใด ในเมื่อมาอาศัยในร่างของผู้อื่นอยู่แล้ว การจะทำให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเก่าจึงนับว่าเป็นเรื่องสำคัญ"ข้าจะเปลี่ยนแปลงชีวิตพวกเขาเอง"

นิยายแฟนตาซีนิยายเทพเซียนนิยายจีนโบราณ

ตอนที่1 เกิดใหม่อีกครั้ง

ร่างเล็กผอมบางของเด็กสาวที่ดูจากรูปลักษณ์ภายนอก อายุราว 13 ปี นางนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียงไม้ที่ปูด้วยผ้าขาดๆ ซอมซ่อผืนหนึ่ง ผิวพรรณของเด็กสาวซีดขาวราวกระดาษ ริมฝีปากแห้งผาก ทั้งดวงหน้าไร้ร่องรอยความมีชีวิตชีวา สภาพราวกับคนตายก็ไม่ปาน

ทว่าขณะนั้นเอง.. เปลือกตาของนางก็มีการขยับเคลื่่อนไหวเล็กน้อย ก่อนที่ในที่สุดจะค่อยๆ เปิดขึ้นมาช้าๆ ดวงตากลมโตหม่นซีดมีแสงสายหนึ่งวาบผ่าน ก่อนจะหายไปในชั่วพริบตา แปลเปลี่ยนเป็นความสับสนระคนประหลาดใจ

ผ่านไปครู่หนึ่ง กว่านางจะตั้งสติกลับมาได้พรางตั้งคำถามกับตัวเองในใจ 'ข้าอยู่ที่ไหน'

นี่คือความคิดแรกที่แล่นเข้ามาในหัวของนาง

ความทรงจำสุดท้ายที่ราวกับผ่านมาเมื่อไม่กี่ลมหายใจก่อน จำได้ว่าตัวเองกำลังคิดค้นสร้างค่ายกลป้องกันระดับสูง ที่ไม่เคยมีใครฝันถึงมาก่อน ทว่านางก็ไม่คิดเช่นกันว่ามันจะเกิดข้อผิดพลาดขึ้น กระทั่งค่ายกลเกิดระเบิดอย่างรุนแรง กวาดเอาทุกสรรพสิ่งโดยรอบให้กลายเป็นฝุ่นผงไปชั่วพริบตา

และเมื่อนึกถึงตรงนี้ ใบหน้าของเด็กสาวก็อดซีดเผือดไม่ได้ หากเป็นอย่างที่นางคิดจริง แน่นอนว่านางย่อมต้องตกตายจากแรงระเบิดไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย ต่อให้ไม่ตายจริงๆ ก็ต้องบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่

แล้วภาพตรงหน้านี้คือสิ่งใด? หากจะบอกว่าตอนนี้มาเกิดใหม่บนสวรรค์ก็เห็นจะเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยก็เป็นเช่นนั้น ภาพที่นางเห็นเบื้องหน้าไม่ต่างจากบ้านเรือนคนขอทาน ช่างซอมซ่อทรุดโทรมแทบจะถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ

ในขณะที่เด็กสาวอยู่ในห้วงภวังค์ของความคิด ทบทวนและปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่่นัั้น ความทรงจำสายหนึ่งก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวของนางปานน้ำหลาก เป็นภาพความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมที่ตอนนี้นางอาศัยอยู่นั่นเอง

ผ่านไปไม่นาน เมื่อเด็กสาวได้รับความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมมาแล้ว เรื่องราวก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา และนางก็สามารถสรุปได้ว่า.. "นะ..นี่ข้ามาเกิดใหม่ในร่างนังหนูนี่งั้นรึ?"

ชีวิตก่อน นางมีนามว่า 'เมิ่งซี' เป็นผู้ฝึกปรานขั้นสูง ในขณะเดียวกันนางก็ยังมีสถานะเป็นถึงผู้ใช้อักขระอีกด้วย นางนับว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งในดินแดนบุบผานิรันดร์ ซึ่งเป็นโลกที่เต็มไปด้วยเหล่ายอดฝีมือผู้ฝึกปรานอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ทว่าตอนนี้นางมาเกิดใหม่ในร่างของเด็กสาวผู้หนึ่งมีนามว่า 'ลี่ถัง' ซึ่งได้สิ้นอายุขัยไปแล้วด้วยโรคร้ายรุมเร้า และยังเป็นอีกโลกที่นางไม่รู้จักอีกด้วย

เท่าที่เมิ่งซีได้รับความทรงจำมาจากเจ้าของร่างเดิม โลกนี้ก็นับว่าเป็นโลกของผู้ฝึกปรานเช่นกัน หากแต่ยังด้อยพัฒนาเรื่องการฝึกปรือพลังปรานมากนัก อีกทั้งไอปรานในโลกแห่งนี้ยังน้อยนิดจนน่าสงสาร แต่อีกเรื่องที่ทำให้เมิ่งซีต้องหนักใจ คือพื้นเพของเจ้าของร่างเดิมนี้ช่างยากจนแร้นแค้น ชีวิตดูลำบากลำบนไปเสียหมด อีกทั้งไม่มีใครเลยในครอบครัวที่เป็นผู้ฝึกปราน

ยากจนจริงๆ!

น่าอดสูยิ่งนัก!

เมิ่งซีได้รู้เช่นนี้นางก็แทบจะเป็นลม ชีวิตก่อนนางใช้ชีวิตสุขสบายเยี่ยงราชา เพียงนางตะวัดปลายนิ้ววาดอักขระขึ้นมาสักชิ้น ก็มีมูลค่ามากมายประเมินไม่ได้ เพียงพอจะให้คนคนหนึ่งมีกินมีใช้ได้ตลอดทั้งชีวิต

แต่ตอนนี้นางไม่ใช่เมิ่งซีอีกต่อไป! หากแต่นางคือ 'ลี่ถัง' เด็กสาวชาวบ้านยากจนที่ปราศจากพลังลมปราณ!

ลี่ถังพยุงกายลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก นางรับรู้ได้ว่าร่างกายนี้ช่างอ่อนแอเหลือเกิน แต่นางก็ไม่ได้แปลกใจอันใด เพราะว่าร่างกายนี้เดิมทีก็ป่วยด้วยโรคร้ายมาก่อน หากร่างกายจะอ่อนแอและทรุดโทรมไปบ้าง ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่เข้าใจได้ ทว่าเรื่องที่นางมิอาจเข้าใจได้แม้แต่น้อย คือการกลับชาติมาเกิดใหม่ แม้แต่นางที่มีประสบการณ์โชกโชนในโลกก่อน ผ่านเรื่องราวสะท้านฟ้าสั่นคลอนสวรรค์มาก็มาก หากแต่ไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้เลยสักครั้ง อีกทั้งก็ไม่คิดไม่ฝันเช่นกันว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง

โลกนี้ช่างคาดเดายากจริงๆ

เมิ่งซีในร่างของเด็กสาวลี่ถังมองมือเล็กผอมซีดของตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าสำรวจรอบๆ ห้อง อย่างนึกสมเพช ยิ่งดูยิ่งน่าอนาถอย่างยิ่ง สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ คร่ำครึผุพังมีฝุ่นเกาะเต็มไปหมด ช่างเป็นสถานที่อันไม่พึงประสงค์ สำหรับนางที่นี่ไม่ใช่อะไรที่มนุษย์จะอยู่อาศัยได้เลย ต้องเรียกว่ารังหนูเสียมากกว่า

'เฮ้ออ..เอาเถอะ ไว้ค่อยคิดหาวิธีเอาก็แล้วกัน ส่วนตอนนี้ข้าต้องทำความเข้าใจกับโลกนี้เสียก่อน' ลี่ถังขบคิดในใจ พรางทอดถอนใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

ในขณะที่ลี่ถังกำลังทำความเข้าใจกับร่างใหม่ของตนอยู่นั้น ก็มีเงาร่างเล็กของคนผู้หนึ่งค่อยๆ เปิดประตูเข้ามาภายในห้อง เป็นเด็กสาวตัวเล็กใบหน้าจิ้มลิ้มมอมมอม เสื้อผ้าที่สวมใส่มิต่างจากผ้าขี้ริ้วที่ผ่านการใช้งานอย่างหนัก แต่ก็ไม่อาจบดบังความน่ารักน่าเอ็นดูของเด็กสาวตัวน้อยได้ ในมือของนางถือขนมชิ้นหนึ่งอยู่ และอีกชิ้นที่นางซ่อนไว้ในแขนเสื้อ ท่าทางดูลับๆ ล่อๆ จากนั้นก็นั่งลงยองๆ หยิบเอาขนมขึ้นมากัดกินอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ได้สังเกตเห็นคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย

ลี่ถังสัมผัสได้ถึงคนที่เข้ามาใหม่ นางเพ่งสายตามองดู ก็เห็นเด็กน้อยนั่งกินขนมด้วยใบหน้าเบิกบานอยู่ในห้องของตัวเอง จำได้ว่าเด็กคนนี้คือ 'ลี่หลิน' น้องเล็กของนางนั่นเอง นึกถึงนิสัยชอบแอบกินขนมของลี่หลินแล้ว ลี่ถังก็อดอมยิ้มขบขันไม่ได้ "หลินน้อย เจ้าแอบเอาขนมท่านแม่มากินอีกแล้วหรือ? เจ้าไม่กลัวท่านแม่โกรธหรืออย่างไร?" ลี่ถังเอ่ยทักขึ้นด้วยรอยยิ้ม

ลี่หลินที่กำลังเพลิดเพลินไปกับขนมในปาก เมื่อได้ยินเสียงคนกล่าวถึงตัวเอง นางก็พลันสดุ้งตกใจ ละล่ำละลักกล่าวแก้ตัวทันที

"ไม่ใช่สักหน่อยนะ หลินเอ๋อไม่ได้แอบกินขนมท่านแม่ หลินเอ๋อ..หลินเอ๋อ.." ใบหน้าเด็กน้อยซีดเป็นไก่ต้ม เมื่อตั้งสติได้ก็มองไปตามเสียงคนกล่าว เห็นเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยของพี่สาวรอง ลี่หลินไม่รู้จะตกใจเรื่องไหนก่อนดี ก่อนที่นางจะพึมพำออกมาว่า "พะ..พี่สาวรองตื่นแล้วหรือ?"

ก่อนลี่ถังจะได้เอ่ยคำใดตอบ เสียงของคนข้างนอกก็แว่วเข้ามาอย่างมีโทสะ "ที่แท้หนูขโมยก็มาแอบอยู่ตรงนี้นี่เอง เป็นเจ้าเองสิินะนังหนู บอกไปแล้วไม่ใช่หรือให้กินกันคนละชิ้น แต่เจ้าไม่เชื่อฟัง? หึๆ ทีนี้แหละข้าจับได้คาหนังคาเขาเลยเชียว"

ลี่หลินได้ยินเสียงของมารดาดังมาจากด้านนอกประตู เด็กน้อยก็พลันขนลุกซู่ รีบวิ่งเข้าไปหาลี่ถังที่นั่งอยู่บนเตียงทันที "พี่สาวรอง พี่สาวรอง ช่วยหลินเอ๋อด้วย!"

ประตูถูกผลัก 'ลี่จู' หญิงวัยกลางคนสีหน้าเดือดดาลเดินเข้ามาในห้อง ทว่าเมื่อสายตาไปตกอยู่บนร่างของลี่ถัง สีหน้าที่เคยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟพลันมลายหายไปชั่วพริบตา แปลเปลี่ยนเป็นความตกตลึง ก่อนที่สีหน้าของนางจะเปลี่ยนไปอีกครั้ง กลายเป็นตื่นเต้นยินดีแทบจะน้ำตาไหล

"ถะ..ถังเอ๋อลูกแม่! เจ้าฟื้นแล้ว!" ลี่จูน้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความปิติ รีบเร่งเข้าไปหาบุตรสาวและกอดเอาไว้ในอ้อมแขนแนบแน่น ราวกับห่างหายกันไปนานแรมปี ลืมเรื่องหัวขโมยตัวน้อยไปเสียสนิท

ลี่ถังนิ่งงันไปชั่วขณะ พลันมีความรู้สึกบางอย่างมากระทบจิตใต้สำนึกของนาง แม้คนตรงหน้าจะไม่ใช่มารดาที่แท้จริงของตน ทว่าลี่ถังก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดหรือปฏิเสธแต่อย่างใด ออกจะรู้สึกอบอุ่นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นางเอื้อมมือผอมบางของตัวเองไปโอบกอดร่างของมารดาที่ไม่ใช่มารดาอย่างอ่อนโยน ทว่ายิ่งทำเช่นนี้ความรู้สึกโหยหายิ่งถาโถมอยู่ภายในจิตใจ จนนางอดน้ำตาไหลออกมาไม่ได้