บทที่ 5 อ่อย
“ติ๊ด ติ๊ด”
เพียงแค่ใช้เวลาปล่อยความคิดไปเรื่อยๆ เสียงข้อความเตือนก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะห้วงความคิดที่กำลังล่องลอยของเธอเสียก่อน หญิงสาวเลื่อนมือเปิดอ่านอย่างเสียไม่ได้
‘อยู่ไหน’ คำพูดง่ายๆ ของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าสามี นานนับหกชั่วโมงที่เธอขับรถออกมาจากโรงงาน แต่คนที่สมควรจะห่วงความรู้สึกที่สุดกลับเพิ่งคิดจะถาม แต่พอคิดถามก็เป็นคำห้วนๆ ไม่พูดอะไรเลยยังจะดีเสียกว่า
“หึ” หญิงสาวเข่นเสียงหัวเราะเยาะตัวเอง
ข้อความที่ลงมาทำให้หญิงสาวตัดสินใจอะไรได้บางอย่าง เธอเลือกที่จะไม่ตอบกลับ แต่กลับควานหาเบอร์ของอีกคนในกระเป๋า และกดโทรศัพท์หาเขาทันที
“สวัส....” ทันทีที่ปลายสายสนทนากดรับ เก็จมณีไม่รีรอที่จะให้เขาได้พูดจบประโยคทักทาย
“ฉันถูกชาวต่างชาติลวนลามอยู่ริมหาด...ใกล้ๆโรงแรม.... คุณอยู่แถวนี้หรือเปล่า” หญิงสาวละล่ำละลักบอกชื่อหาดและโรงแรมด้วยน้ำเสียงตื่นกลัว
“อยู่ที่ไหนนะ” ชายหนุ่มถามย้ำ ปลายสายก็ตกใจไม่แพ้กัน ถามกลับทันที
หากหญิงสาวไม่ตอบคำถาม เธอตัดสายไปดื้อๆ และส่งตำแหน่งให้เขา ก่อนที่จะเลื่อนกดปิดโทรศัพท์ และหย่อนมันกลับลงในกระเป๋า เดินกลับไปที่หน้าบ้านพักของตัวเองแล้วทอดตัวลงนอนอยู่บนพื้นทราย เธอเลือกแสงสว่างส่องเพียงสมควร แม้เวลานี้จะไม่มีใครสนใจใคร แต่ก็ประกันความเสี่ยงได้ระดับหนึ่ง หากเกิดอะไรขึ้นเธอก็สามารถร้องให้คนในโรงแรมช่วยได้ทัน
พายุรีบนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างบึ่งมาทันทีหลังจากที่เก็จมณีตัดสาย
หญิงสาวที่นอนมองดวงดาวอยู่ริมหาดคนเดียวช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเขาเดินมาถูกทาง ถูกตำแหน่งที่เธอให้ไว้ แม้จะรีบและร้อนลน แต่เขาก็ใช้เวลาไม่นานในการเดินทางมาถึงที่นี่ เพราะเลือกที่จะใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างเจ้าของพื้นที่แทนการขับรถมาเอง โชคดีที่เขาเกิดเปลี่ยนใจนอนค้างที่พัทยา แทนที่จะขับรถกลับกรุงเทพตอนกลางคืน
ชายหนุ่มสวมชุดเสื้อลายทางกับกางเกงชาวเลซีดๆ ย่อตัวลงนั่งยองๆข้างหญิงสาว พ่นลมหายใจผ่านปลายจมูกยาวอย่างโล่งอก
“สนุกมากมั๊ย ห่วงแทบแย่”
หญิงสาวเงยหน้าอมยิ้มให้คนมาใหม่อย่างเจ้าเล่ห์
“ฉันก็แค่บอกว่าถูกชาวต่างชาติลวนลาม คงลืมบอกไปว่าจัดการได้”
“แต่คุณเรียกให้ผมมา”
“ฉันแค่ถามว่าคุณอยู่แถวนี้หรือเปล่า”
“ผมผิดงั้นสิ”
หญิงสาวซ่อนยิ้ม ตบพื้นทรายเป็นเชิงบอกเขา
“นั่งลงก่อนสิ ไหนๆ ก็มาแล้ว” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่อง ขยับตัวลุกนั่ง ทอดสายตามองคลื่นที่ถูกกระแสลมแรงๆ พัดระลอกแล้วระลอกเล่า
ชายหนุ่มยังนิ่งมองหน้าเธอเหมือนต้องการค้นหา
“ฉันแค่ต้องการเพื่อนคุย ชวนคุณออกมาคุณก็ไม่ยอม คราวนี้ก็ถือว่าคุณมาเพราะมนุษยธรรมก็แล้วกัน” หญิงสาวบอกเลี่ยงไป
“แต่คุณก็ไม่ควรเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น”
“คุณอายุเท่าไรกันเชียว...พูดจาเป็นการเป็นงานจัง ฉันก็บอกแล้วว่าแค่อยากหาเพื่อนคุย” หญิงสาวบอก ทั้งที่สายตาของเธอยังจับจ้องอยู่ที่ทะเลมืดทะมึน
ชายหนุ่มยอมย่อตัวลงนั่งข้างๆ เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ได้สวมตัวข้างใน เพราะคิดว่าจะนอนและตอนเช้าเสื้อผ้าคงแห้ง เขาจึงชื้อแต่เสื้อกับกางเกงชาวเลที่ขายนักท่องเที่ยวตามแผงข้างทาง แต่ก็ไม่นึกว่าเขาจะได้ออกมานอกห้องแบบทันด่วนไม่ทันได้ฉุกคิดอย่างนี้
“ผมเห็นคุณดูเหม่อๆ ตั้งแต่รถชน คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“มีคนบอกฉันว่า...ฉันเป็นผู้หญิงที่เซ็กส์ไม่ได้เรื่อง บริษัทลีลารักรับดูแลลูกค้าแบบนี้ไหม”
“เราต้องทราบข้อมูลก่อน สาเหตุเกิดมาจากอะไร” ชายหนุ่มพูดเป็นการเป็นงาน ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งของเขา
“ถ้าอย่างนั้น คุณก็ลองเช็คขอมูลดูก่อนสิค่ะ ว่าฉันแย่จริงมั๊ย” หญิงสาวหันหน้ามาถามอย่างท้าทาย ไม่น่าเชื่อว่าน้ำสีสวยสองแก้วที่เธอดื่มเข้าไป มันจะทำให้คนเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
“ผมหมายถึงเราต้องผ่านการพูดคุย วิเคราะห์ และแก้ไขไปทีละขั้นตอน”
“ฉันก็ไม่เกี่ยงว่าคุณจะทำอย่างไร ตอนนี้เราก็พูดคุยกันแล้ว ต่อไปเป็นขั้นตอนไหนดีล่ะ” หญิงสาวทอดสายตาหวานเยิ้มถามเขาไป ทั้งแอลกอฮอล์ในเลือด กับความความบางเบาของเสื้อผ้าที่ต้องลู่ลมแนบเนื้อ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่เป็นพื้นที่จินตนาการต่อของเธอ เนินอกอิ่มผลิล้นกระเพื่อมตามจังหวะของหัวใจที่เต้นแรง จากสายตาอ้อนฉอเลาะปรายขึ้นมองยั่วๆ ประกายในแววตาเต็มไปด้วยความหื่นปนเรียกร้อง
“คุณไม่ควรทำแบบนี้ต่อหน้าผู้ชาย”
หญิงสาวยกขึ้นกอดอกระบายความหนาวจากไอเย็นของทะเล
“คะ” เก็จมณีร้องเสียงสูงเป็นเชิงถามย้ำ ปรายหางตาเย้ย “ผู้ชายอย่างคุณก็คงเป็นพวกปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม วันๆ ก็คงดื่มนมแล้วเข้านอนตามเวลา”
ชายหนุ่มกำมือแน่น ขบกรามเป็นสันนูน กระหวัดวงแขนรวบร่างของหญิงสาวนอนลงบนพื้นทราย
“เคยชิมหรือไง” เขาคำรามลั่น ยังดีที่เป็นเวลาค่อนดึก คนแถวนี้ไม่มีใครสนใจใครมากนัก
“เอ่อ...” เก็จมณีเอ่ยเมื่อหาเสียงตัวเองเจอ นอนตัวเกร็งทำตัวไม่ถูก เมื่อจู่ๆ ร่างของเธอก็ถูกรวบเข้าสู่อ้อมแขนหนาล้มกลิ้งลงบนพื้นทรายด้วยกัน ริมฝีปากเย็นชืดของชายหนุ่มแนบตามประกบลงบนเรียวปากอิ่มของเธอทันที
“ตัวสั่นเป็นลูกนกเชียว ไหนว่าเก่งไง หรือนี่เป็นวิธีเรียกร้องความสนใจของผู้หญิงร้อยมารยาอย่างคุณ” พายุปล่อยริมฝีปากอิ่มให้เป็นอิสระ กระซิบถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาสัมผัสข้างแก้ม กระแสความร้อนวิ่งวนในเส้นเลือดแทบทะลุจุดระเบิด คำถามหลากหลายวิ่งวุ่น แต่คำตอบของทุกคำถามตอบออกมาตรงกัน
ใช่...เวลานี้เธอกำลังกลัว ร่างกายสาวทั้งตื่นตัวและรู้สึกหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน เก็จมณีขืนตัวด้วยความตกใจแต่ไม่สามารถออกจากอ้อมแขนหนาได้ แต่ก็ไม่กล้าร้องโวยวายออกมา
“คงทำแบบนี้บ่อยสินะ” เสียงห้าวถามเหมือนประชด ลำแขนหนายังรัดร่างเล็กเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“คุณต้องประเมินเองว่าบ่อยหรือเปล่า เพราะสามีฉันเพิ่งลากผู้หญิงขึ้นเตียง และตอกหน้าว่าฉันห่วย แตกเรื่องบนเตียง” หญิงสาวตอบความจริงออกไปอย่างท้าทาย แม้จะอึดอัดร่างกายก็พยายามฝืนตัวออกจากร่างหนาเริ่มอ่อนแรงเมื่อถูกรัดนานเข้า แต่เธอก็ไม่วายปรายหางตายั่วยุเขา
“คุณกำลังยั่วผมใช่ไหม” ชายหนุ่มปล่อยมือและเลื่อนมาจับต้นแขนทั้งสองข้างของเธอ ขยับร่างเล็กออกจากอ้อมแขน สำรวจเรือนร่างอวบอิ่มราวต้องการประเมินค่า สายตาราวจะแผดเผาร่างของเธอให้มอดไหม้
“จูบฉันสิคะ...ฉันอยากรู้ว่าจูบของฉันห่วยแค่ไหน” หญิงสาวเชิดคอรั้งถามอย่างท้าทาย
“รู้มั๊ย...ว่าผู้หญิงดีๆ ไม่ควรพูดแบบนี้” ชายหนุ่มยังวางระยะห่าง
“ผู้หญิงดีเป็นแบบไหนค่ะ...” หญิงสาวท้าทาย มือของชายหนุ่มบีบต้นแขนของหญิงสาวแน่น รั้งคนตัวเล็กกว่าเข้าหาตัว จ้องลึกเข้าไปในดวงตานิ่ง
