บทที่ 1 ลีลารัก ยินดีให้บริการ
เมื่ออีกคนพร้อมจะเรียนรู้ และอีกคนพร้อมจะถ่ายทอด
บทเรียนร้อนกับลีลารักของเขาและเธอ
พร้อมจะผลาญต่อมความรู้สึกซ่านให้ลุกโชนทุกอณู
กริ๊งงง!
“สวัสดีครับ ลีลารัก ยินดีให้บริการ” ชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ กรอกเสียงนุ่มตามสาย ชายหนุ่มสนทนากับลูกค้าสักพัก พร้อมกับจดรายการลงบนสมุดคู่ใจ เพียงสิบนาทีสำหรับการปิดยอดขายอันรวดเร็ว แล้วเขาก็วางโทรศัพท์ลงบนแป้นพิมพ์
‘ลีลารัก’ เป็นบริษัทปรึกษาปัญหาความรักและครอบครัวเต็มรูปแบบ ทั้งทีทางบริษัทยังมีอุปกรณ์พิเศษเพื่อเสริมความสัมพันธ์อันดี
ไม่ว่าสาวแก่หนุ่มใหญ่ แม่หม้ายพ่อหม้ายใจเปลี่ยว สาวเดียงสาแรกรุ่นกรุ่นรัก ทางบริษัทก็มีทีมงานที่พร้อมให้คำปรึกษาเรื่องความรัก และเสนออุปกรณ์เสริมความเร้าใจ
พายุ หนุ่มวัยยี่สิบสาม เขาเพิ่งก้าวพ้นรั้วมหาวิทยาลัย เริ่มงานที่ลีลารักเป็นที่แรก และที่สำคัญเพิ่งผ่านการทดลองงาน ผู้จัดการฝ่ายการตลาดเพิ่งจรดปากกาเซ็นชื่อรับเขาเป็นพนักงานประจำไม่กี่เดือน
ทั้งหมดได้มาจากความสามารถอันโดดเด่นที่เขามี กับใบหน้าคมเข้มเจือไรเคราบางๆ หนุ่มลุ่มน้ำแม่ปิงที่เพิ่งหอบกระเป๋าเข้าเมืองกรุงไม่ถึงปี
“พายุ พี่มีลูกค้าส่งให้ วันนี้มีนัดที่ไหนมั๊ย” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดเดินเข้ามาหา ตบบ่าเรียกเขาอย่างเป็นมิตร
“ไม่มีครับ”
“ดีเลย พี่ฝากหน่อย คุณกิ่งพะยอมลูกค้าวีไอพีของเรา สิ่งที่ลูกค้าต้องการอยู่ในแฟ้มนี้” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบอกพร้อมกับยื่นแฟ้มให้ ชายหนุ่มเปิดดูรายละเอียดคร่าวๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบ
“ทำไมต้องนัดที่บาร์ครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก เธอคงสะดวกที่นั่น พี่บอกไปแล้วว่าส่วนของออฟฟิศกับส่วนของบาร์มันคนละส่วนกัน ลูกค้าเข้าใจ ไม่มีปัญหาหรอก” ผู้จัดการตบบ่าลูกน้อง
“ก็ได้ครับ” ชายหนุ่มตอบอย่างจำยอม อย่างไรลูกค้าก็สำคัญเสมอ เขาพยายามเลี่ยงไปที่บาร์ลีลารัก เพราะยังรับไม่ได้กับอาชีพที่ต้องใช้เรือนร่างหากิน แต่ก็ต้องยอมรับแบบยืดหยุ่นบ้าง เพราะยังไงเขาก็ต้องทำงานที่บริษัทนี้ต่อ เพราะค่าตอบแทนค่อนข้างสูงพอสมควร
ท้องฟ้ามืดสลัวในยามค่ำของฤดูฝน เมฆตั้งเค้ามาตั้งแต่หัววัน แต่ฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตก ความร้อนอบอ้าวของวันทำให้คนต้องเดินทำงานกลางแดดเมืองไทยเริ่มหงุดหงิด วันนี้สามีของเก็จมณีใช้ให้เธอไปรับเช็ควางบิลแทนหลายบริษัท
ความร้อนกับเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มวงหน้าทำให้เธอต้องรีบกลับ หล่อนต้องการน้ำเย็นๆ ชะล้างคราบเหงื่อไคลกับไอเย็นๆ ของเครื่องปรับอากาศมากที่สุด
“อย่าใจร้อนซิค่ะคุณเสี่ย”
เสียงหวานที่เล็ดลอดออกมาจากช่องประตูห้องทำงานที่กั้นเป็นห้องนอนไปในตัว ขาของเก็จมณีหยุดชะงักโดยอัตโนมัติ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เสียงใครที่ไหน มันเป็นเสียงของเลขาสาวเธอเอง
แต่ชื่อผู้ชายที่หลุดออกมาจากปากของหญิงสาวคือสิ่งที่เธออยากรู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไร หญิงสาวยกข้อมือดูเวลา ใกล้จะถึงเวลาเลิกงาน แต่ก็ยังเหลือเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมง
“หรือว่าจะกำลังทำงาน” หญิงสาวรำพึง คิดในแง่ดี
“แต่ทำไมต้องทำงานในห้องนอน” ความคิดอีกอย่างฉุดประกายแวบขึ้นมาในหัว แต่คำตอบก็ลอยมากระทบแก้วหูของเธออย่างจัง
“คุณเก็จคงไม่กลับมาง่ายๆ” คำพูดที่หญิงสาวอีกคนกำลังพาดพิงถึงเธอ ทำให้เก็จมณีมั่นใจว่าไม่ใช่เรื่องงาน
ไม่ต้องเสียเวลาคิด หญิงสาวบิดลูกบิดประตูทันที หากแต่บานประตูห้องนอนของเธอกลับถูกปิดล็อกนิ่งสนิท เธอไม่ลังเลที่จะเดินอย่างเบาที่สุด และรีบไปคว้านหากุญแจห้องนอนในลิ้นชักโต๊ะทำงาน
ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก ร่างหนาในชุดผ้าขนหนูสีเข้มพันร่างกายท่อนล่างหมิ่นเหม่กำลังเดินไปที่เตียง ผู้หญิงที่เรียบร้อย สาวน้อยเพิ่งพ้นรั้วมหาวิทยาลัยไม่กี่ปีนอนทอดกายอยู่บนเตียง ร่างกายของหล่อนหลงเหลืออาภรณ์เพียงสองชิ้นเล็กๆ บนล่าง แต่มันก็ไม่ต่างจากถอดออกทั้งหมด
เก็จมณีชะงักเล็กน้อย ภาพสะดุดตากระแทกใจ ของขวัญชิ้นใหม่ที่หล่อนได้รับอย่างไม่ตั้งตัว ตำแหน่งเมียหลวงที่หล่อนพยายามหลีกหนี แต่พอได้เจอมันกลับรุนแรงเกินจะต้านทานไหว หัวใจของหล่อนเบาหวิวไร้ร่องรอย
ดวงตาของเธอจับจ้องคนบนเตียงไม่วางตา แต่ทั้งคู่ก็ไม่สลดกับความผิดของตัวเองสักนิด ผู้หญิงอ่อนหวานเรียบร้อยที่เธอเคยหลงรักและเอ็นดูอย่างน้องลอยหน้าท้าทาย
พลังบางอย่างในตัวเธอทำให้เขารู้สึกวูบวาบ ร่างกายร้อนผ่าว เหมือนกระแสไฟฟ้าอ่อนๆแล่นไปทั่วร่าง กระตุ้นให้เลือดสูบฉีดรวดเร็ว พร้อมจะพึ่งถลาไปจิกผมคนบนเตียงมาตบสั่งสอนให้หายแค้น แต่เธอก็ทำได้เพียงสงบสติอารมณ์ คนงานอีกนับร้อยที่อยู่ในโรงงาน
ความเป็นผู้ดีในสายเลือดทำให้เธอต้องรักษาหน้าตาเอาไว้ ขบกลั้นความโกรธราวเพลิงที่พร้อมพุ่งทะยานเผาผลาญให้ดับมอดลง กลืนความรู้สึกปวดร้าวลงท้องไป
“รีบแต่งตัว...แล้วออกไปได้แล้ว” หญิงสาวเปล่งเสียงให้หลุดออกมาจากปากประโยคแรก น้ำเสียงเย็นเยียบไม่สามารถเดาความรู้สึกข้างในได้
เลขาสาวรีบใช้ผ้าเช็ดตัวพันตัวลงจากเตียงตามคำสั่ง
ทว่าผู้ชายเพียงคนเดียวในห้องก็คว้าตัวหล่อนเอาไว้เสียก่อน พร้อมกับเงยหน้ามองภรรยาอย่างท้าทายเย้ยหยัน เขาไม่ได้รู้สึกผิดกับสิ่งที่เขากำลังทำสักนิด
“เดี๋ยว! ที่นี่ฉันใหญ่ที่สุด ไม่มีใครมีสิทธิสั่งใครได้ เรามาสนุกกันต่อเถอะแอน”
คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของคนที่ได้ชื่อว่าสามีเหมือนค้อนปอนทุกศีรษะเธออย่างจัง หัวอกคนเป็นเมียแหลกสลาย แต่ประโยคต่อมาของเขากลับยิ่งเหมือนหัวใจโดนซัดสาดด้วยน้ำกลดถังใหญ่
“ใครทนมองไม่ได้ก็ออกไปก่อน หรือถ้าจะดูให้เห็นเป็นบุญตาก็ไม่ว่าอะไร จะได้รู้ว่าคนเป็นเมียต้องทำหน้าที่บนเตียงอย่างไรบ้าง” หญิงสาวเซไปยืนพิงประตู ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้ออกมาจากปากคนเป็นสามี เกือบสี่ปีที่เธอกับเขาก่อร่างสร้างตัวมาด้วยกัน จากเงินก้อนของครอบครัวเธอ จนมีโรงงานขนาดกลางและคืนเงินต้นไปหมด
เก็จมณีผินหน้าไปมองเจ้าของร่างนวลเนียนอวบอิ่มบนเตียง และเจ้าหล่อนก็กำลังยิ้มเยาะเธอ ผู้หญิงที่เธอรักและปลุกปั้นมากับมือ แต่ก็ยังทำกันได้ลงคอ
“ฉันขอตัว” เก็จมณีบอกออกไป และก้าวออกจากห้องไปทันที
ไม่มีหยดน้ำตา ไม่มีคำพูดด่าทอ แต่เธอเดินจากออกมาอย่างเงียบๆ ใบหน้าแดงซ่านด้วยความโกรธเมื่อแว๊บมองคนบนเตียงทั้งสองเพียงเสี้ยววินาที
“จะรีบไปไหนละ ไม่อยู่ดูก่อน” เจ้าของร่างสูงใหญ่หลุดถามออกมา
เก็จมณีทนหน้าด้านมองต่อไปไม่ไหว ถึงแม้พวกเขาจะไม่อายที่ทำเรื่องบัดสี แต่เธอก็หน้าบางเกินกว้าที่จะทนมองต่อไป เท้าเล็กๆ พาเจ้าของมาหยุดอยู่ที่สนามหน้าโรงงาน เธอหันรีหันขวางไม่รู้จะไปไหน ในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจขับรถออกไป
บางทีการได้ปล่อยให้จิตใจล่องลอยก็อาจจะลบความรู้สึกอึดอัดที่อัดแน่นภายในใจลงได้ ในหัวพยายามยามหาทางออกให้ตัวเอง เธอควรจะทำอย่างไรเมื่อเจอกับสถานการณ์แบบนี้ หนีแล้วปล่อยวาง หรือ เดินหน้าทวงของรักของตัวเองกลับคืน
