บทย่อ
"เมื่อฟ้าไม่ลิขิตให้ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์ ข้าจะเขียนโชคชะตาด้วยเลือดของตนเอง!" ไป๋ซูเหยา บุตรีขุนนางผู้สูงศักดิ์ ต้องตกเป็นแพะรับบาป ถูกใส่ร้าย ลิดรอนศักดิ์ศรี และกลายเป็นบรรณาการในจวนแม่ทัพหลี่ หลี่จิ่นหยาง แม่ทัพผู้เย็นชาและเด็ดขาด เขาไม่เชื่อในน้ำตาหญิงใด แต่กลับหวั่นไหวกับหญิงสาวผู้ไม่ยอมจำนน ในห้วงรักที่แฝงด้วยแค้น ในความใกล้ชิดที่ซ่อนเงามืดของราชสำนัก หนึ่งหญิง หนึ่งชาย ต่างแบกรับความลับและความเสียใจในอดีต และต้องร่วมกันเปิดโปงความจริงที่อาจแลกได้ด้วยชีวิต
1
1
“หากฟ้าลิขิตให้ข้าไร้ตัวตน… เช่นนั้นข้าจะเขียนชะตาขึ้นมาเองด้วยเลือดของข้า” เสียงฝีเท้าเร่งร้อนดังก้องไปทั่วลานด้านหลังของตำหนักเย็น
ร่างบางในชุดสีขาวหม่นเปื้อนคราบเลือดวิ่งพรวดมาด้วยแรงสุดท้ายของชีวิต ดวงหน้างดงามซีดเผือด เปลือกตาช้ำแดงจากน้ำตาที่หลั่งมาตลอดคืน
ไป๋ซูเหยา บุตรีขุนนางฝ่ายซ้ายแห่งราชสำนักต้าจิน ผู้มีชื่อเสียงในความเพียบพร้อมทั้งรูปและสติปัญญา ในยามนี้กลับตกต่ำจนต้องหนีตายอย่างไร้ศักดิ์ศรี
นางไม่เข้าใจ ทำไมจู่ ๆ จึงมีคนกล่าวหาว่านางเป็นผู้วางแผนลอบสังหารฮ่องเต้ ทั้งที่ในคืนนั้น นางเพียงเดินไปช่วยเด็กคนหนึ่งที่ตกน้ำ แต่กลับถูกจับกุมในข้อหาเป็นสายลับแห่งแคว้นซย่า! เสียงทหารร้องตะโกนไล่ล่าดังขึ้น
“นางอยู่ทางนั้น! อย่าปล่อยให้หนีไปได้!”
ซูเหยาเม้มริมฝีปากเข้าหากัน มือเรียวกำผ้าชุดไว้แน่น ก่อนจะมุดผ่านพุ่มไผ่สูงหนา กระโจนลงในสระน้ำเย็นจัดเพราะหวังให้รอดชั่วคราว แต่น้ำเย็นเพียงใดก็ไม่หนาวเท่าหัวใจของนางในยามนี้
“ข้าไม่เคยลอบคิดร้ายต่อแผ่นดิน ใครกันแน่ที่บงการอยู่เบื้องหลัง” ไม่นานนัก ทหารราชองครักษ์ก็บุกเข้ามาจับกุมตัวนาง และลากขึ้นเรือที่พาไปยัง “จวนแม่ทัพหลี่”
ไม่ใช่เพื่อส่งตัวให้องค์ฮ่องเต้สอบสวน แต่เพื่อชดใช้ด้วยร่างกาย ในฐานะบรรณาการแลกชีวิต ของตระกูลไป๋
ค่ำวันเดียวกัน ภายในจวนแม่ทัพหลี่ ห้องโถงไม้หอมอบอวลด้วยกลิ่นกำยาน จิ่นหยางนั่งเงียบอยู่เบื้องหน้าพระจันทร์เต็มดวง
เขาเพิ่งกลับจากสนามรบที่ชายแดนตะวันตก พร้อมชัยชนะอันยิ่งใหญ่ แต่แววตากลับไร้ซึ่งแววปิติยินดี
“ของกำนัลจากวังหลวงมาแล้วขอรับ นายท่าน” เสียงองครักษ์เอ่ยขึ้นพลางส่งหญิงสาวในชุดเปียกปอนให้เขา
หลี่จิ่นหยางเงยหน้ามองช้า ๆ แวบแรกที่สบตานาง หัวใจเขาเต้นวูบอย่างประหลาด
นางช่างงดงามราวภาพวาด… แต่ในความงามนั้นแฝงไว้ด้วยความเคียดแค้นเจ็บช้ำราวดอกเหมยที่ถูกเหยียบย่ำ
“นางชื่อไป๋ซูเหยา บุตรีขุนนางใหญ่… แต่ตอนนี้ กลายเป็นหญิงผู้ไร้แซ่ ไร้ศักดิ์ศรี”
“เจ้ามาหาข้าด้วยเหตุใด” เสียงเย็นชาเอ่ยถาม ซูเหยาช้อนตาขึ้นตอบช้า ๆ
“หามิได้เจ้าค่ะ ข้าถูกบังคับให้มา”
“เจ้าคงอยากมีชีวิตรอด จึงเลือกทางนี้”
“ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าถูกกลั่นแกล้ง”
“เจ้าคิดว่าทุกคนในโลกนี้บริสุทธิ์เช่นนั้นหรือ” เขาลุกขึ้นมา เดินเข้าใกล้ ประโยคของเขาเต็มไปด้วยการดูหมิ่น
“ข้ารู้ทันพวกเจ้าทุกคน หญิงงามในวังล้วนแต่ใช้ร่างกายเป็นเครื่องมือเจรจา”
ซูเหยาไม่ตอบนอกจากสบตานิ่ง ราวไม่หวั่นกลัวความเหยียดหยามนั้น
“ถ้าเจ้าไม่คิดหลอกลวงข้า เจ้าก็จงพิสูจน์”
เขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของนาง ประโยคที่เปี่ยมไปด้วยแรงกดดันเอ่ยช้า ๆ
“อยู่ในจวนข้า อย่าคิดหนี อย่าคิดปิดบัง ข้าจะเป็นผู้ตัดสินว่าเจ้าควรอยู่หรือตาย”
คืนนั้น ซูเหยาได้นอนในห้องเล็ก ๆ ของสาวใช้ ใต้แสงจันทร์ที่สาดเข้ามาทางหน้าต่าง
นางยกมือจับสร้อยหยกของมารดาที่ซ่อนไว้ กำแน่นราวจะย้ำเตือนตัวเองว่าแม้ใครจะย่ำยีนางแค่ไหน นางก็จะไม่ล้ม ไม่ยอมจำนน
ในเงามืดของยามราตรีนั้น หญิงสาวเงยหน้ามองพระจันทร์และเอ่ยเสียงเบา
“ข้าจะหาความจริงให้ได้ ใครก็ตามที่ทำลายข้า ข้าจะลากมันมาลงนรกพร้อมข้า ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยร่างกายหรือวิญญาณ”
ค่ำคืนที่สองของการมาเยือนโดยไม่สมัครใจของ ไป๋ซูเหยา ถึงแม้จะสวมชุดของสาวใช้ ทว่ากิริยามารยาทของนางกลับเปี่ยมไปด้วยความสง่างามผิดจากหญิงทั่วไป ทำให้สาวใช้คนอื่นในจวนเริ่ม
หวาดหวั่นและริษยา เพราะเกรงว่านางจะขึ้นแท่นเป็นคนโปรดของนายท่าน
“นางเพิ่งมาแท้ ๆ แต่ดูเถอะ ท่าทางนั่นเหมือนคุณหนูเสียจริง”
“อาจเป็นแค่หญิงงามที่ใช้เรือนร่างเพื่อแลกชีวิต” เสียงซุบซิบนินทาแว่วเข้าหูซูเหยาแทบทุกโมงยาม แต่นางเพียงแค่ยิ้มบางเบาเย็น ราวกับไม่ยี่หระใด ๆ
เย็นวันนั้น ซูเหยาถูกสั่งให้ไปจัดดอกเหมยถวายในห้องหนังสือของแม่ทัพ
ห้องนั้นเงียบสงบ ล้อมด้วยผนังไม้และผ้าม่านบางเบา กลิ่นหมึกจีนเจือกลิ่นยาสมุนไพรอ่อนๆ ลอยอยู่ในอากาศ
นางจัดดอกเหมยสีขาวในแจกันหยก แล้วกำลังจะเดินกลับออกมา ทว่าเจ้าชอบดอกเหมยเอ่ยเสียงทุ้มนิ่งดังขึ้นจากมุมห้อง
“เจ้าทำอะไร”
ไป๋ซูเหยาชะงัก หันไปเห็น หลี่จิ่นหยาง กำลังจ้องมองนางจากหลังฉากผ้าระบาย เงาของเขาทาบลงบนพื้น เผยให้เห็นรูปร่างสูงสง่าและแววตาคมลึก
“ข้าแค่ทำตามคำสั่ง” นางเอ่ยเสียงเรียบ
“เจ้าคล้ายใครบางคน” เขาเอ่ยขึ้น
“หญิงหนึ่งที่เคยหักหลังข้า” คำพูดของจิ่นหยางแทงลึกถึงใจนาง
นางสบตาเขานิ่ง สายตาไม่อ่อนข้อให้อำนาจของเขาเลยแม้แต่น้อย
“ข้าไม่รู้ว่าใครทำให้ท่านเจ็บ แต่ข้าไม่ใช่นางและข้าก็ไม่คิดจะทำร้ายผู้ใดเพื่อรอดชีวิต” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงและเยือกเย็น
“หากท่านเห็นข้าเป็นเพียงหญิงรับใช้ ก็โปรดปฏิบัติกับข้าเช่นนั้น อย่าใช้ความแค้นจากอดีตมาทำลายน้ำใจคนในปัจจุบัน”
จิ่นหยางนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนเดินเข้ามาใกล้ แววตาของเขาซับซ้อนราวทะเลหมอก ลึกจนเดาไม่ออกว่ามีอารมณ์ใดกันแน่ที่ซุกซ่อนอยู่

