EP1
อัครพล จักรเศรษฐภพ มหาเศรษฐีวัย ๖๐ ปี เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังขยายงานออกไปทำธุรกิจเครือข่ายสินค้าบริโภค ประกาศรับสมัครพนักงานใหม่ และตำแหน่งเลขานุการผู้ช่วย ทำให้ตลอดทั้งวัน บริษัทเศรษฐภพของเขาคราคร่ำไปด้วย สาวสวยจำนวนมากที่นั่งรอสัมภาษณ์งานตลอดทั้งวัน กระทั่งเกือบใกล้เวลาเลิกงาน เขาจึงมีเวลาพัก เพราะตำแหน่งอื่น เขาโยนงานไปให้แผนกบุคคลคัดกรอง แต่สำหรับเลขานุการ เขาอยากสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง เพราะคนที่จะมารับช่วงต่อจากเขา คืออัครรุจน์ ลูกชายคนเดียวที่ประสบอุบัติเหตุเมื่อปีกลาย เวลานี้กำลังทำกายภาพบำบัดอยู่
“คุณวี เราเหลือคนที่จะต้องสัมภาษณ์กี่คน”
วีระ เลขานุการสาวในร่างของชายหนุ่ม เงยหน้าขึ้นมองนายจ้าง พร้อมตอบอย่างฉับไว
“หมดแล้วครับ”
อัครพลพลิกกระดาษใบสมัครงานบนโต๊ะก็ขมวดคิ้ว
“เอ๊ะ ยังขาดไปคนหนึ่งนี่”
“ครับท่าน คุณเพียงขวัญ โทร.มาแจ้งว่าจะมาช้า แต่ทางฝ่ายบุคคลเห็นว่าเลยเวลานัดแล้ว จึงปฏิเสธครับ”
อัครพลพยักหน้ารับ แล้วพลิกดูรายชื่อของคนที่สมัครพร้อมคอมเมนท์ที่ตัวเขาเองเขียนขึ้น เพื่อเปรียบเทียบกัน
“ไม่มีใครถูกใจเลยหรือครับท่าน”
วีระลองเลียบเคียงถาม เขาเป็นเลขานุการที่ขยันขันแข็ง แต่งานล้นมือจริงๆ จึงต้องขอให้นายจ้างหาเลขานุการมาเพิ่ม จะเป็นผู้หญิงก็ได้ ผู้ชายก็ดี แต่ถ้าเป็นผู้ชาย วีระ ก็คงนั่งทำงานอย่างมีความสุขมากขึ้น
“ก็มี แต่ทุกคนก็มีข้อดี ข้อเสียต่างกัน”
“ข้อดีคือสวยมากใช่ไหมครับท่าน” วีระลองถาม
“สวยมาก อาจเป็นข้อเสียก็ได้ เพราะบางคนสวย แต่
ตอบคำถามไม่ได้เรื่องเลย”
“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าคนสวยบางคน สวยแต่ไม่มีสมองใช่ไหมครับ”
อัครพลเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้ม วีระทำงานดี แม้จะช่างเจรราไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารำคาญเพราะสุดท้ายแล้ววีระก็ทำให้เขายิ้มและหัวเราะได้เสมอ
“มันก็ไม่เสมอไปหรอกคุณวี เพียงแต่บางทีความสวยมันก็บดบังความสามารถของเขา”
“แหม...ท่านประธาน มองโลกในแง่ดีจังนะครับ”
เจ้านายและลูกน้อง คุยกันและหัวเราะคลายเครียดกันอยู่ในห้องครู่หนึ่ง ก็มีเสียงร้องห้ามจากหน้าห้องตะโกนเข้ามาแว่วๆ
“เสียงใครโวยวายอยู่หน้าห้อง ออกไปดูสิ”
อัครพลสั่งการด้วยความสงสัย แต่ประโยคที่แว่วเข้ามา ทำให้เขาพอรู้ว่าน่าจะเป็นคนที่ไม่ได้มาสัมภาษณ์
“ไม่ได้นะคะคุณ นี่มันหมดเวลานัดสัมภาษณ์แล้ว ทางเราตัดสิทธิ์คุณไปแล้วนะคะ”
“ฉันขอร้องเถอะค่ะ ให้ฉันเข้าไปพบท่านเถอะค่ะ อย่างน้อยก็ขอให้ฉันได้สัมภาษณ์”
“ไม่ได้ค่ะ ไม่ได้”
“คุณเพียงขวัญหรือครับ”
เสียงจากวีระ ทำให้ผู้หญิงที่กำลังฉุดกระชากกันอยู่หยุดลงทันที และผู้หญิงที่ดูท่าทางโทรมสุดชีวิต ก็เดินรี่มาหาเขา
“ค่ะ ดิฉันชื่อเพียงขวัญ ดิฉันขอความกรุณาเถอะนะคะ ให้ดิฉันได้เข้าไปสัมภาษณ์งาน ดิฉันพยายามรีบมาอย่างที่สุดแล้ว”
วีระใช้สายตากวาดดูสภาพการแต่งงานของหญิงสาวที่บอกว่าจะมาสมัครงาน ก็ได้แต่กรอกตา เพราะชุดสมัครงานของเธออยู่ในสภาพเปรอะเปื้อน ยับย่น ทั้งเสื้อสูทตัวนอก และเสื้อเชิ้ตด้านใน ซึ่งดูเหมือนจะมีรอยเลือดเปื้อนอยู่ด้วย
“นี่ไปฟัดกับใครมาละจ๊ะ ถึงได้หอบสังขารมาสัมภาษณ์งานในสภาพแบบนี้”
เพียงขวัญหายใจเหนื่อยหอบ สายตามีความหวังขึ้น เธอพยายามเช็ดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าของเธอออก แต่มันก็ไม่ได้ผลมากนัก
“เอาเถอะๆ ฉันมันคนขี้สงสาร มาสภาพนี้แสดงว่ารีบมาก แต่บอกไว้ก่อนนะ ภาพลักษณ์ของคนที่มาสมัครงานก็สำคัญ ฉัน
ให้เธอไปสัมภาษณ์งานกับท่านได้ แต่จะได้งานหรือเปล่า..ฉันไม่รู้นะ”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
เพียงขวัญปราดเข้าไปจับมือของวีระทันทีด้วยความซาบซึ้ง ขณะที่ชายหนุ่มผงะถอยหลังออกเพราะตกใจ พร้อมสะบัดมือหนี
“พอๆ ฉันจะไปรายงานท่านประธาน เธอรออยู่ตรงนี้”
“คุณสมบัติของคุณ ตรงกับที่เราต้องการ”
อัครพลบอกกับหญิงสาวที่นั่งสงบเสงี่ยมอยู่ตรงหน้า เขาสัมภาษณ์เธอเกี่ยวกับการทำงาน และไหวพริบของการตอบคำถาม ก่อนปิดแฟ้มประวัติของหญิงสาวแล้วยิ้มให้
“ขอบคุณมากนะคะ แล้วดิฉันจะได้งานไหมคะ?”
