บทที่19 ถ้าหนูอยากได้
ในเช้าวันใหม่เนตรนลินออกจากบ้านพร้อมปฐพีตั้งแต่เช้า หญิงสาวนั่งอยู่ในร้านกาแฟหลังจากที่ช่วยพนักงานเตรียมร้านเรียบร้อยแล้ว สายตาของหญิงสาวเบนไปยังบริษัทที่เป็นของอินทรโยธาด้วยความรู้สึกครุ่นคิดส่วนหูก็พยายามฟังบทสนทนาของลูกค้า
เช้า ๆ แบบนี้ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามามีมากที่เป็นพนักงานบริษัทในแถบนี้ และมีหลายรายมาจากบริษัทของอินทรโยธา เรื่องราวที่พนักงานเหล่านั้นคุยกันเป็นเรื่องที่ทำให้เนตรนลินกังวลไม่ใช่น้อย
“บริษัทเราน่ะท่าจะหนักแล้วว่ะ อีกไม่นานคงปิดตัวแหง”
“นั่นสิ เนี่ยน่ะฉันว่าจะชิงลาออกก่อนแล้วล่ะ”
“ฉันก็ด้วยล่ะ งานก็หนัก เงินเดือนก็น้อย จะเจ๊งตอนไหนก็ไม่รู้ แถมคุณหญิงวาริณีกับคุณอมรายิ่งชอบกดอีกต่างหาก คุณนนทิวัตรก็ดูไม่เป็นโล้เป็นพาย ไม่เอาด้วยแล้วไอ้บริษัทแบบนี้”
“จริง ๆ บริษัทนี้ก็ดีนะสมัยที่ท่านประธานคนเก่ายังอยู่น่ะ แต่พอท่านจากไปแล้วคุณหญิงวาริณีเข้ามาสานต่อเนี่ยไม่อยากจะพูด กดขี่ข่มเหงพนักงานอย่างกับทาส ใครอยากอยู่ต่อก็อยู่เถอะ ป้าไม่อยู่แล้ว ต่อให้ไม่มีกินป้าก็จะไปตายเอาดาบหน้า ไม่ทนให้คุณหญิงวาริณีโขลสับอีกแล้ว”
การสนทนาของลูกค้าที่ลอยมาเข้าหูทำให้คนนั่งฟังอยู่พ้นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ในความทรงจำของเนตรนลิน คุณหญิงวาริณีนั้นเหมือนกับนางร้ายในละครหลังข่าวแต่กับคุณปู่นั้นท่านคือพ่อพระที่เธอรักและบูชา ถ้าเธอไม่ได้คุณปู่ช่วยไว้ เธอคงจะตายไปตั้งแต่ไม่ทันลืมตาดูโลกแบบพี่ของเธอก็ได้
คุณปู่รักบริษัทแห่งนั้นมาก เธอในฐานะหลานควรจะทำอะไรสักอย่างเพื่อรักษาบริษัทแห่งนั้นไว้และช่วยให้พนักงานมีงานทำไม่ต้องลาออก
“พี่นาฮะ คุณดินให้เลขาโทรมาสั่งกาแฟ” กินรีหรือกิ๊ก พนักงานส่งกาแฟนอกสถานที่สาวหล่อคนเดียวของร้านเอ่ยขึ้นทำให้ความคิดของหญิงสาวต้องสะดุดลง
หญิงสาวเข้าใจความหมายในทันทีจึงลุกขึ้นไปชงตามสูตรที่ปีย์วราบอกก่อนที่จะยื่นแก้วกาแฟให้กินรี
“พี่เลขาบอกว่าคุณดินให้ชวนพี่นาไปด้วย ไปด้วยกันไหมฮะ” กินรีถาม
“ไปจ้ะ ทุกคนจ๊ะ เดี๋ยวพี่มานะ” หญิงสาวตอบรับและเดินตามไปทันที บางทีปฐพีอาจจะเป็นคนที่ช่วยเธอได้ และอาจจะเป็นคนเดียวที่ช่วยได้เสียด้วย
ภายในบริษัทคีรีกรุ๊ปของปฐพีมีพนักงานหลากหลายสัญชาติหลาย ๆ คนมองมายังเนตรนลินด้วยความประหลาดใจแต่ก็ไม่มีการจับกลุ่มคุยกันและดูเป็นระเบียบเรียบร้อยเสียจนเนตรนลินรู้สึกทึ่ง ดูท่าแล้วเจ้านายกับลูกน้องจะมาดเดียวกันหมด นิ่ง เงียบ จริงจัง มีระเบียบวินัย
“ไฮ ไนน์” เสียงทักดังขึ้นเมื่อหญิงสาวตามกินรีมาถึงชั้นบนสุดของตึก ซึ่งเป็นชั้นของผู้บริหาร คนที่ขึ้นมาถึงชั้นนี้ได้มีเพียงเลขาและบอดี้การ์ดเท่านั้น
“ไฮ เดวิด” หญิงสาวทักทายกลับพร้อมกับยิ้มให้และหันไปทักอีกคน “ไฮ คารอส”
“สวัสดีครับมาดาม เดวิดนั่นไม่ใช่ไนน์เฉย ๆ แล้วนะ” คนถูกเรียกว่าคารอสเอ่ยทักเนตรนลินแล้วหันไปตำหนิคนที่ถูกเรียกว่าเดวิด
“อุบ! ขอโทษครับมาดาม ผมลืมตัว”
“เรียกไนน์เหมือนเดิมก็ได้” หญิงสาวบอกพร้อมกับยิ้มให้คนทั้งสอง เดวิดและคารอสเป็นบอดี้การ์ดที่ปฐพีส่งไปดูแลเธอในช่วง5ปีที่ผ่านมานี้ บางครั้งทั้งคู่ก็ทำตัวราวกับอากาศที่มองไม่เห็นแต่ในบางทีก็เข้ามาคุยเฮฮากับเธอแทบจะทั้งวัน เธอจึงสนิทกับทั้งสองไม่น้อย
“แล้วนี่มาเมืองไทยเมื่อไหร่ มาทำอะไรกันน่ะ”
“ก็พวกเราเป็นคนของไนน์นะครับ ไนน์อยู่นี่เราก็ต้องอยู่นี่สิ” เดวิดบอก
“ใช่ครับ บอสน่ะเรียกตัวพวกเรามาที่นี่ตั้งแต่วันก่อน เตรียมตัวกันแทบไม่ทันเลย” คารอสเสริม “เอ้อ ผมว่าไนน์เข้าไปหาบอสดีกว่านะครับ”
“เออจริง งั้นเดี๋ยวค่อยคุยกันนะ” หญิงสาวบอกอย่างนึกขึ้นได้ก่อนจะรับแก้วกาแฟจากกินรีและตามเลขาของปฐพีเข้าไปด้านใน เลขานุการของปฐพีเป็นชายวัย30ต้น ๆ ชื่อว่าวิรัช วิรัชคนนี้ติดตามปฐพีมานานและติดตามไปแทบทุกที่เธอจึงมีโอกาสได้รู้จักตั้งแต่แรก ๆ ที่ได้รู้จักปฐพีแล้วจึงไม่มีปัญหา
“เชิญครับไนน์” วิรัชบอกหลังจากเปิดประตูให้
“นี่วิรัช คุณเป็นคนไทยนะ เรียกนาไม่ยากหรอก ไนน์น่ะให้คนต่างชาติเรียกก็พอ” หญิงสาวแกล้งตำหนิก่อนที่จะเข้าไปด้านในห้อง ปฐพีกำลังก้มหน้าก้มตาทำงานแต่ก็รับรู้ถึงการมาของเธอ
“ผมไม่กล้าเรียกหรอกครับ บางทีคนแถวนี้อาจจะอยากเรียกนาแค่คนเดียวก็ได้” วิรัชบอกก่อนจะปิดประตู ปล่อยให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันตามลำพัง เนตรนลินส่ายหน้าก่อนจะเดินเข้าไปหาชายหนุ่มพร้อมกับแก้วกาแฟ
“กาแฟค่ะ”
“มานั่งนี่มา” ชายหนุ่มเอ่ยบอกหลังจากที่รับกาแฟมาดื่ม “ตรงนี้”
ตรงนี้ที่ชายหนุ่มบอกก็คือบนตัก หญิงสาวหน้าร้อนก่อนจะทำตามอย่างว่าง่าย
“ข่าววงในบอกมาว่าสิ้นเดือนหน้าบริษัทอินทรากรจะปิดตัวลง” ปฐพีบอกพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “อยากได้ไหม?”
“ถ้าหนูอยากได้เสี่ยจะเอามาให้หนูเหรอคะ?” หญิงสาวดัดเสียงให้น่ารักก่อนจะหัวเราะชอบใจ คำว่าอยากได้ไหมของปฐพีให้ความรู้สึกเหมือนกับอาเสี่ยสายเปย์ที่อีหนูอยากได้อะไรก็หาให้ไม่มีผิด จะว่าไปแล้วปฐพีก็เป็นสายเปย์ของเธอจริง ๆ เขาพร้อมจะบันดาลให้เธอได้ทุกอย่างเลยล่ะ
“เป็นเล่นไปได้”
“คิกคิก ก็เล่นขำ ๆ บ้างไม่ได้เหรอ?” หญิงสาวบอกพร้อมกับหัวเราะชอบใจก่อนจะถูกค้อนใส่จึงต้องเลิกพูดเล่นและบอกไปอย่างจริงจัง
“นาก็กำลังจะขึ้นมาพูดเรื่องนี้พอดีเลย”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้ภากรกับทนายวิกรไปคุยกับคุณหญิงวาริณีเรื่องเทคโอเวอร์อินทรากร” ปฐพีบอก บริษัทอินทรากรตั้งตามชื่อของคุณอินทรากร อินทรโยธา ผู้เป็นปู่ของเนตรนลินตั้งใจไว้แล้วว่าถ้าเทคโอเวอร์มาจะยังคงชื่อเดิมไว้และจะไม่ลดสวัสดิการของพนักงานลงส่วนชื่อของเจ้าของคนใหม่ก็จะให้เป็นชื่อของเนตรนลิน
เพราะบริษัทอินทรากรควรจะเป็นของเธออยู่แล้วตั้งแต่แรก
ปฐพีลอบยิ้มแม้จะบอกว่าจะเทคโอเวอร์แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่ได้คิดจะจ่ายเงินซื้ออินทรากรมาหรอกแต่เป็นการเข้ายึดครองโดยไม่ต้องเสียอะไรสักบาทแดงเดียว และเรื่องนี้เขาจะไม่บอกเนตรนลินจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม
เขาเชื่อว่าเมื่อถึงวันนั้นคุณหญิงวาริณีคงจะเจ็บปวดใจจนกระอักเลือกออกมาเลยทีเดียว สิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพราะเขาหรือเนตรนลิน แต่เป็นหนึ่งในลูกหลานอินทรโยธาเองที่จะทำให้มันเป็นแบบนั้น
