บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 พรหมลิขิตข้างห้อง 1

“โธ่เว้ย!” หญิงสาวสบถกับตัวเองอย่างหัวเสีย หากมีของหล่นจากกล่องอีกแค่ชิ้นเดียว เส้นความอดทนของเธอคงขาดผึงลงตรงนี้เป็นแน่

การต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองที่ไม่คุ้นเคยมันช่างหนักหนาสาหัส โดยเฉพาะเมื่อห้องพักของเธออยู่บนชั้นสูงลิบที่ต้องแบกของขึ้นบันไดหลายต่อหลายขั้น แถมลิฟต์เจ้ากรรมก็ยังมาเสียอีกต่างหาก แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อชีวิตนี้เธอไม่เหลือใครให้เอ่ยปากขอความช่วยเหลือเลยสักคน จะให้หวนกลับไปอยู่บ้านเดิมก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป ที่นั่นไม่มีอะไรเหลือสำหรับเธอแล้ว

ชีวิตใหม่ต้องเริ่มต้นที่นี่ เดี๋ยวนี้!

สลิลโน้มตัวลงเก็บโคมไฟที่เพิ่งกลิ้งหล่นลงไปกองกับพื้น ก่อนจะบรรจงวางมันอย่างเบามือไว้บนสุดของกล่องลังอีกใบ พลางภาวนาให้มันทรงตัวอยู่ได้ตลอดทางที่เหลือ ถ้าไม่...เธอก็คงต้องวางมันทิ้งไว้บนขั้นบันไดนี่แหละ แล้วหวังว่าจะไม่มีใครมือดีหยิบฉวยไปหรือเดินสะดุดมันเข้า โชคยังดีที่ดูเหมือนว่ามันจะตั้งอยู่กับที่ เปิดโอกาสให้เธอค่อย ๆ ขยับกายขึ้นไปได้อีกหน่อย

ทว่าในแต่ละย่างก้าวที่หนักอึ้ง ความคิดกลับล่องลอยไปถึงทุกสิ่งที่เธอสลัดทิ้งไว้เบื้องหลัง ทุกสิ่งที่เธออยากจะวิ่งหนีให้พ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ดำรง พ่อเลี้ยงใจร้ายของเธอ

มารดาอยู่กินกับเขามานานเท่าที่สลิลจำความได้ เธอไม่เคยมีภาพของบิดาผู้ให้กำเนิดอยู่ในความทรงจำ ดำรงจึงเป็นต้นแบบของผู้ชายเพียงคนเดียวในชีวิตที่เธอต้องทนเห็น และบอกได้เต็มปากว่าเขาไม่ใช่แบบอย่างที่ดีเลยแม้แต่น้อย ชีวิตของเธอภายใต้ชายคาเดียวกันกับเขา มีเพียงเสียงตวาดด่าทอและความเกรี้ยวกราด ความรุนแรงที่เกิดขึ้นหลังประตูบานที่ปิดสนิท แต่ก็ไม่เคยมีสิ่งใดเล็ดลอดสายตาของเธอไปได้

เพราะผู้ชายคนนั้น...คนที่ทำลายครอบครัวของเธอจนป่นปี้ สลิลจึงไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับมารดา ทั้งที่หัวใจของเธอโหยหาอ้อมกอดและความรักจากท่านไม่ต่างจากเด็กคนอื่น ๆ

มันยังส่งผลกระทบต่อมิตรภาพทั้งหมดของเธอ สลิลอยากมีใครสักคนไว้เคียงข้างเพื่อปลอบประโลม แต่กำแพงที่ก่อไว้สูงลิ่วในใจก็ทำให้เธอไม่กล้าเปิดรับใครเข้ามา เธอจึงไม่เคยมีเพื่อนสนิทจริง ๆ สักคน ไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ฉันหนุ่มสาวเลย ในขณะที่เพื่อนรุ่นเดียวกันเริ่มออกเดท เธอก็ยังคงจมจ่อมอยู่กับการเรียนอย่างหนัก เพียงเพื่อไขว่คว้าหาหนทางหลุดพ้น

สลิลรู้ดีว่าการศึกษาคือใบเบิกทางเดียวที่จะทำให้เธอก้าวต่อไปได้ เธอจึงทุ่มเททุกอย่างให้กับการเรียน แม้จะต้องพลาดช่วงเวลาดี ๆ ในชีวิตวัยรุ่นไปมากมาย แต่การเสียสละครั้งนี้มันคุ้มค่า เพราะเธอไม่อยากจมปลักอยู่กับเงาของดำรงอีกต่อไป เป้าหมายสูงสุดในชีวิตของเธอคือการหนีไปให้ไกลจากเขาให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แน่นอนว่าเธออยากจะพาแม่ออกมาด้วยใจจะขาด แต่ท่านก็ยังคงหลงผู้ชายคนนั้นหัวปักหัวปำ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม

นั่นคือเหตุผลที่สลิลมาอยู่ที่นี่ ในสถานที่แห่งใหม่ เพียงลำพัง และพร้อมจะมุ่งมั่นกับอนาคตที่รออยู่เบื้องหน้า เธอตั้งใจว่าจะต้องกลับไปช่วยแม่ให้ได้เมื่อถึงเวลาที่ท่านพร้อม แต่สำหรับตอนนี้ เธอต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเสียก่อน และความทุ่มเททั้งหมดของเธอก็คุ้มค่า...เมื่อเธอได้งานในฝันที่รอคอยมานาน และแทบจะอดใจรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ไม่ไหว

“โอ๊ย! ให้มันได้อย่างนี้สิ!” สลิลกลอกตามองบน เมื่อของอีกชิ้นกลิ้งหลุดออกจากกล่อง เธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเป็นอะไร เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่เริ่มหดหาย ความเหนื่อยล้าถาโถมเข้าใส่จนแทบจะยืนไม่ไหว “เอาเถอะ...นอนอยู่ตรงนั้นไปก่อนแล้วกันนะ”

“ให้ผมช่วยไหมครับ”

เสียงทุ้มนุ่มชวนฟังทว่าสำเนียงแปร่งหูดังขึ้นจากด้านหลัง ทำเอาสลิลสะดุ้งสุดตัวจนข้าวของอีกสองสามชิ้นร่วงกราวลงมาจากกล่องตามไปด้วย

“คุณโอเคหรือเปล่าครับ?”

“เอ่อ...” สลิลพยายามจะหันไปมองเจ้าของเสียง แต่บันไดที่แคบเกินไปก็ทำให้เธอทำได้เพียงขยับตัวอย่างยากลำบาก “ฉัน...ฉันไม่เป็นไรค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำของหล่นเกะกะ พอดีเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ค่ะ”

“อ้อ ถ้าอย่างนั้นให้ผมช่วยดีกว่า คุณคงขนทั้งหมดคนเดียวไม่ไหวแน่ ๆ” เขาอาสา “ผมพอมีเวลาอยู่บ้างครับ”

สลิลกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ ทั้งที่ใจจริงอยากจะร้องตะโกนขอความช่วยเหลือใจจะขาด แต่ความรู้สึกอับอายมันมีมากกว่า ทว่าเขากลับตรงเข้ามายกกล่องใบนั้นไปจากมือเธอหน้าตาเฉย ราวกับว่ามันเบาเหมือนปุยนุ่น ซึ่งเมื่อเห็นมัดกล้ามแข็งแรงบนต้นแขนของเขา มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก

ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีเข้มและนัยน์ตาสีฟ้าคมกริบคู่นั้น รูปลักษณ์ของชาวต่างชาติที่เหมือนกับชายในฝันที่เธอเคยวาดไว้ไม่มีผิดเพี้ยน สลิลตกอยู่ในภวังค์จนพูดอะไรไม่ออก แม้แต่คำขอบคุณ เธอก้าวถอยหลังเล็กน้อยเพื่อให้เขาเดินผ่านไปได้ แล้วก้มหน้าลงซ่อนความร้อนผ่าวที่แล่นริ้วขึ้นมาบนพวงแก้ม บางทีการอยู่คนเดียวอาจจะดีกว่านี้ การมีเขาอยู่ตรงนี้อาจทำให้ทุกอย่างยากขึ้นสำหรับเธอก็เป็นได้

“แล้ว...คุณอยู่ห้องไหนครับ” เขาถามพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจเธอแทบหยุดเต้น “อ้อ ผมชื่อ วิล นะครับ”

“ห้องแปดศูนย์สองค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ “อยู่สูงหน่อย...ต้องขอโทษด้วยนะคะ”

“อ้อ! งั้นคุณก็คือคนที่ย้ายเข้ามาอยู่ห้องข้าง ๆ ผมน่ะสิ!” เขาดูประหลาดใจ แต่ก็ยังไม่เท่าครึ่งของความตกตะลึงที่เธอรู้สึก สลิลไม่เคยคิดถึงเรื่องเพื่อนบ้านมาก่อน แต่การได้รู้ว่าเพื่อนข้างห้องคือเขามันช่างเหนือความคาดหมายจริง ๆ “อย่างนี้ก็ง่ายเลยสิครับ ถ้าไม่ว่าอะไร ให้ผมช่วยขนของที่เหลือขึ้นไปให้ไหม”

“หา? จริงเหรอคะ” สลิลกลืนก้อนความรู้สึกตื้นตันลงคออย่างยากลำบาก “ฉัน...ฉันชื่อสลิลค่ะ ขอบคุณมากจริง ๆ นะคะ”

เขาเหมือนอัศวินม้าขาว...อัศวินม้าขาวที่หล่อเหลาเอาการ ผู้ชายที่ราวกับหลุดออกมาจากหนังสือนิทานที่เธอเคยหลงใหลในวัยเยาว์ สลิลเคยฝันอยากจะเป็นเจ้าหญิงบนหอคอยสูงที่ถูกจองจำ รอคอยให้เจ้าชายรูปงามมาปลดปล่อย...แต่ในชีวิตจริงไม่มีเจ้าชายคนไหนมาช่วยเธอ เธอพาตัวเองออกมาจากนรกขุมนั้นได้ด้วยตัวเอง แต่การปรากฏตัวของเขาตอนนี้ ก็ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นหญิงสาวผู้เปราะบางที่ได้รับการช่วยเหลือจากฮีโร่ข้างห้องอย่างไรอย่างนั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel