ลิขิตรัก ยัยเลขา [ซีรีย์ชุดลิขิตรักลำดับที่1]

81.0K · จบแล้ว
นญาดา
51
บท
19.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เธอเป็นเลขาเฉิ่มๆ แต่งตัวเชยๆอยู่ข้างกายเขามาตั้งสามปี ทำไมเขาไม่เคยรู้เลยนะว่าตอนกลางคืนเธอจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนขนาดนี้ ไหนๆอาม่าก็สั่งให้เขารีบแต่งงานอยู่แล้ว แผนรวบรัดยัยเลขานี่แหละเวิร์คที่สุดแล้ว

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันประธานเลขาสัญญาทางรักฟินๆเศรษฐี

บทนำ

คฤหาสน์ตั้งเจริญกิจสกุล

ภายในคฤหาสน์ที่ตอนนี้คนรับใช้กำลังวุ่นวายกับการจัดโต๊ะไหว้บรรพบุรุษเนื่องในวันตรุษจีน รถสุดหรูสี่คันเลี้ยวเข้ามาจอดเรียงกันที่ลานจอดรถหน้าคฤหาสน์

รถคันที่หนึ่ง ลัมโบร์กินี อเวนตาดอร์สีดำสนิท ถูกเปิดประตูออกด้วยลูกชายคนโตของบ้าน เฮียอัล หรือ อัลฟ่า รชณกร ตั้งเจริญกิจสกุล วัยสามสิบปี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เค.เอส กรุ๊ป จำกัด เขาจำเป็นต้องขึ้นรับตำแหน่งซีอีโอตั้งแต่อายุยี่สิบเจ็ดปี ท่ามกลางความกดดัน เพราะคุณธนกร ตั้งเจริญกิจสกุล พ่อของเขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่ตลอดระยะเวลาการทำงานสามปีที่ผ่านมา เขาสามารถพิสูจน์ตัวเองให้บอร์ดบริหารไว้วางใจได้ด้วยยอดกำไรที่เพิ่มขึ้นปีละยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ ด้วยนิสัยส่วนตัวที่เป็นคนเพอร์เฟคชันนิสต์จึงทำให้เขาลัคกี้อินเกมส์แต่ไม่ลัคกี้อินเลิฟเท่าไหร่ เพราะเวลาทั้งหมดของเขาทุ่มเทไปกับการ

รถคันที่สอง ลัมโบร์กินี ฮูราคัน แอลพีหกหนึ่งศูนย์ สไปเดอร์สีน้ำเงิน ถูกเปิดประตูออกด้วยลูกชายคนรองของบ้าน เฮียเบ หรือ เบต้า ชยทัต ตั้งเจริญกิจสกุล วัยยี่สิบเจ็ดปี เจ้าของผับดังและนักเล่นหุ้นมือทอง ที่เป็นที่หมายปองของสาวๆ เกือบครึ่งประเทศ ด้วยปมเรื่องความรักที่เขามีในใจทำให้เขาเชื่อว่าหัวใจของเขาไม่สามารถใช้รักใครได้อีกแล้ว แต่เรื่องของปฏิสัมพันธ์ทางกายยังไงเกิดมาเป็นผู้ชายแล้วก็ต้องใช้มันให้คุ้มสิ นอกจากเรื่องผู้หญิงแล้วเขาก็ยังมีเรื่องชกต่อยเป็นอาจิน ประเภทชายเลือดร้อนที่แค่หันมองหน้าก็สามารถมีปัญหากับเขาได้แล้ว

รถคันที่สาม เฟอร์รารี เอสเอฟเก้าสิบ สไปเดอร์สีเหลือง ถูกเปิดประตูออกด้วยลูกชายคนเล็กของบ้าน เฮียแกรม หรือ แกรมม่า ติณณภพ ตั้งเจริญกิจสกุล วัยยี่สิบเอ็ดปี นักศึกษาปีที่สี่คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ หนุ่มทะเล้น ขี้เล่น เป็นกันเอง งานเข้าสังคมคงต้องยกให้เขา เพราะเขาเป็นแขกวีไอพีของแทบจะทุกไนต์คลับ เรื่องเจรจาต่อรองเป็นที่หนึ่งเรียกได้ว่าที่เรียนผ่านมาได้จนถึงปีสี่น่าจะเป็นเพราะวาจาฉอเลาะมากกว่าความสามารถในการเรียน ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาทำให้เขาเปลี่ยนผู้หญิงไม่เว้นแต่ละวัน จนขึ้นชื่อเป็นคาสโนว่าตัวพ่อ

และรถคันสุดท้าย เฟอร์รารี โรมาสีพิงค์โกลด์ ถูกเปิดประตูออกด้วยลูกสาวคนสุดท้องของบ้าน ที่เรียกว่าเป็นยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจของคนทั้งบ้าน เมเบล หรือ พิชญ์สินี ตั้งเจริญกิจสกุล วัยสิบเก้าปี นักศึกษาสาวปีสองคณะนิเทศศาสตร์สาขาวิชาการโฆษณา ด้วยความที่ครอบครัวตั้งเจริญกิจสกุลมีลูกชายมาแล้วถึงสามคน ทำให้พ่อและแม่ของเขาอยากมีลูกสาวมาก แม้ในขณะนั้นสุขภาพร่างกายของแม่ไม่พร้อม แต่ก็เลือกที่จะเก็บเธอไว้ทำให้คุณหญิงอรอุมา ตั้งเจริญกิจสกุล เสียชีวิตหลังจากคลอดเธอออกมาได้เพียงสองชั่วโมง เธอจึงได้รับการดูแลจากคุณพ่อและพี่ชายทั้งสามราวกับไข่ในหิน ทำให้เธอมีนิสัยเป็นคุณหนูเอาแต่ใจ ขี้วีน ขี้เหวี่ยง จนได้รับฉายาจากเหล่าคนในคณะว่า ‘นางปีศาจ’

ทั้งสี่คนเดินลงจากรถมุ่งตรงไปยังหญิงสูงอายุที่กำลังเดินออกมาหน้าคฤหาสน์

อัลฟ่า “สวัสดีครับอาม่า”

เบต้า “สวัสดีครับผม”

แกรมม่า “นี่ฮ่าวครับอาม่า”

เมเบล “อาม่าขา”

น้องสาวคนสุดท้องรีบวิ่งเข้าไปกอดเอวอาม่าเพื่อแสดงความคิดถึงและอ้อนตามประสาน้องคนสุดท้อง

อาม่า “อ้อนแบบนี้อยากได้อะไรล่ะอาเบล”

เมเบล “เปล่าสักหน่อยค่ะ หนูก็คิดถึงอาม่าไงคะ”

อาม่า “ไม่ต้องมาหลอกคนแก่เลย ถ้าไม่ออกคำสั่งให้กลับบ้านพวกลื้อก็ไม่กลับมาให้เห็นหัวสักคน”

แกรม “โธ่ อาม่าไม่น้อยใจสิครับ ผมคิดถึ๊งงง.. คิดถึงอาม่าทุกวันเลยนะ”

น้องชายคนเล็กรีบเดินเข้าไปกอดแขนอาม่าพร้อมหอมแก้มให้ฟอดใหญ่

อาม่า “พอเลยๆๆ รีบไหว้กันได้แล้วอาป๊าอาม้าลื้อคงรอกันแล้วมั่ง”

หลังจากจบพิธีไหว้บรรพบุรุษ พวกเขาทั้งสี่คนก็โดนเรียกเข้ามานั่งในห้องรับแขก

เมเบล “ทำไมอาม่าหน้าเครียดจัง”

น้องสาวคนสุดท้องหันไปกระซิบกับพี่ชายคนเล็กของเธอ

แกรม “ไม่รู้สิ น้องไปทำผิดอะไรมาหรือเปล่า”

เมเบล “หนูยังไม่ได้ไปทำอะไรมาเลยนะเมื่อวานนี้อะ”

อาม่า “อะแฮ่ม”

เมเบลและแกรมรีบแยกตัวออกจากกันทันที พร้อมกับอาม่าที่พูดขึ้น

อาม่า “พวกลื้อรู้หรือเปล่า ปีนี้อาม่าอายุหกสิบห้าปีแล้วนา”

เบ “ผมคิดว่าอาม่าอายุสี่สิบห้าอยู่เลยนะครับ”

เบพูดกึ่งเล่นกึ่งตลกออกไปเพราะไม่อยากให้บรรยากาศในห้องดูตึงเครียดมากจนเกินไป

อัล “อาม่าพูดความต้องการออกมาเถอะครับ”

ด้วยความเป็นนักธุรกิจ เขาจึงไม่อยากเสียเวลากับการยืดเยื้อความต้องการของคู่สนทนา

อาม่า “หึ อาม่าก็แก่ลงทุกๆ วัน ไม่รู้ว่าจะอยู่กับพวกลื้อไปได้อีกนานแค่ไหน วันนี้อาม่าต้องการจะแบ่งสมบัติทั้งหมดให้กับพวกลื้อ”

เมเบล “อาม่ายังอยู่กับหนูอีกนานนะคะจะรีบแบ่งไปทำไม”

อาม่า “สิ่งที่อั๊วอยากเห็นมากที่สุดตอนนี้คือพวกลื้อทุกคนได้เป็นฝั่งเป็นฝากัน”

ทันทีที่อาม่าพูดจบประโยคนี้สี่พี่น้องก็ลอบกลืนน้ำลายกันทันที เพราะเริ่มรู้ถึงสิ่งที่อาม่าต้องการจะสื่อสารในวันนี้

อาม่า “อาม่าอยากเห็นพวกลื้อทุกคนแต่งงาน”

แต่งงาน!

ทั้งสี่เสียงประสานขึ้นพร้อมกันไม่เว้นแม้แต่อัลฟ่าที่ดูเหมือนว่าจะสุขุมที่สุดก็ตาม

เมเบล “แต่อาม่าคะ หนูยังเรียนไม่จบเลยนะคะ อาม่าจะมา

ให้หนูแต่งงานได้ยังไง”

อาม่า “สำหรับลื้อ อาม่าก็อยากให้หมั้นหมายกันไว้ก่อน”

เมเบล “ไม่เอา! หนูยังไม่อยากจะมีบ่วงคล้องคอตอนนี้หนูยัง.!”

อัล “เงียบก่อนเบล”

พี่ชายคนโตรีบปรามน้องสาวทันทีเมื่อเธอเริ่มจะวีนขึ้นมา ซึ่งนั้นก็ทำให้เธอเงียบลงแม้จะทำเสียงฟึดฟัดอย่างขัดใจก็ตาม

อาม่า “อั๊วจะแบ่งสมบัติออกเป็นสี่ส่วนเท่าๆ กันไม่ได้แบ่งให้พี่หรือน้องมากกว่ากัน ใครหมั้นหมายแต่งงานก่อน อั๊วก็เซ็นยกให้เลย”

เบ “ผมไม่เอาก็ได้”

เบต้าแอบบ่นเบาๆ

อาม่า “แต่ถ้าใครยังไม่มีการหมั้นหมาย แต่งงานแล้วอาม่าเกิดตายไปสักก่อน ทั้งสมบัติของอาม่าและทรัพย์สินที่เป็นชื่อของคนๆ นั้นทั้งหมด จะถูกบริจาคให้สมาคมสงเคราะห์ในเครือ ที.เค.เอส กรุ๊ป”

เบ/แกรม/เมเบล “อาม่า!”

สามพี่น้องเริ่มหัวเสียกันขึ้นมาทันที ยกเว้นก็แต่อัลฟ่าพี่ชายคนโตสุด

อาม่า “อาบัว มาพาอั๊วไปพักหน่อย”

อาม่าหันไปเรียกบัวคนรับใช้คนสนิทของอาม่าให้เข้ามาช่วยพยุงตัวเข้าขึ้นไปพักผ่อนบนห้องนอน ทิ้งให้สี่พี่น้องนั่งมองหน้ากันด้วยอารมณ์ที่แตกต่างออกไป