1. ที่โรงพยาบาล
สิปปกร รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของมือนุ่มนิ่มที่เขากำลังเกาะกุมอยู่ ทำให้ศีรษะของเขาที่ฟุบอยู่กับเตียงคนป่วยผงกขึ้นมาทันทีก่อนจะจ้องมองไปยังใบหน้าของคนที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความตื่นเต้น
ทว่า..ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ให้เห็นนอกจากใบหน้ารูปไข่ที่ปราศจากเครื่องสำอาง แต่ก็ยังดูสวยน่ามองกำลังนอนหลับตาพริ้ม ที่ศีรษะของหญิงสาวมีผ้าพันแผลสีขาวพันอยู่โดยรอบ และหลังมือข้างที่ไม่ได้ถูกกุมจากมือของสิปปกรมีเข็มน้ำเกลือทิ่มคาอยู่
“ดรีม...”
สิปปกร บีบมือคนที่เขาเรียกชื่อเบา ๆ เผื่อว่าจะช่วยกระตุ้นให้คนที่นอนหลับตาอยู่นั้นได้รู้สึกตัว
“ดรีม..เมื่อไหร่ดรีมจะฟื้นเสียที รู้ไหมว่าปอนด์เป็นห่วงแค่ไหน”
เขากระซิบบอกหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน และดูเหมือนว่าคำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้เกิดความเคลื่อนไหวขึ้นที่มือ
“ดรีม!.”
สิปปกร ตื่นเต้นจ้องมองที่มือของหญิงสาวก่อนจะหันไปมองที่ใบหน้าของเธอแทบไม่กะพริบตา
“วิน...วิน..”
เสียงแผ่วเบาเล็ดรอดออกมาจากปากหญิงสาว หากแต่ยังคงนอนหลับตาพริ้ม
สิปปกร รู้สึกถึงความปวดร้าวภายในใจเมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่หญิงสาวเผลอเรียกออกมาโดยไม่รู้สึกตัว แต่ความห่วงใยคนที่กำลังนอนหลับอยู่นั้นก็ทำให้เขาข่มความรู้สึกเอาไว้ได้เหมือนทุกครั้ง ที่เขาเคยเก็บความเจ็บปวดใจเวลาที่ได้เห็นนัฏนรี กับ ชวิน ควงคู่หรือหยอกล้อกันอย่างมีความสุข
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ก่อนที่ประตูจะถูกผลักเข้ามา สิปปกร หันไปมองพร้อมกับค่อย ๆ ปล่อยมือจากการเกาะกุมมือของนัฏนรี
“อ้าว...ปอนด์ยังไม่กลับไปพักผ่อนหรือจ๊ะ แล้วนี่ป้าสมใจล่ะ”
คนที่กล่าวทักสิปปกร คือ ดร.นีรนุช ที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับ ดร.ฉันทวัฒน์ ผู้เป็นสามี ทั้งคู่เป็นบิดามารดาของณัฏนรี หญิงสาวที่กำลังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยนั่นเอง
“ป้าสมใจลงไปซื้อของที่ร้านข้างโรงพยาบาลน่ะครับ ผมก็เลยจะรอให้ป้าเขากลับมาก่อน ผมถึงจะกลับ”
สิปปกร บอกพร้อมกับลุกจากเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วย
“งั้นก็ไม่ต้องรอแล้วล่ะ ปอนด์กลับไปพักผ่อนเถอะ พวกเราจะอยู่ดูแลดรีมเอง ขอบใจมากนะลูก”
ดร.ฉันทวัฒน์ บอกแก่ชายหนุ่มด้วยแววตาอ่อนโยน
“ถ้าอย่างนั้นผมลานะครับ เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะมาใหม่”
เขารีบยกมือไหว้ดอกเตอร์ทั้งสอง
“จ๊ะ..ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะปอนด์ เพราะเราจ้างพยาบาลพิเศษดูแลดรีมอยู่แล้ว อีกอย่างป้าสมใจก็เฝ้าอยู่ด้วย”
ดร.นีรนุช บอก เธอกับสามีรู้สึกซึ้งใจกับความห่วงใยที่สิปปกร มีให้กับบุตรสาวอย่างมาก
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากจะมาเป็นกำลังใจให้ดรีมจนกว่าเธอจะฟื้น”
“แล้วนี่จะกลับที่ไหน คอนโดหรือว่าบ้านคุณยายจ๊ะ”
ดร.นีรนุช ถามด้วยความสนิทสนม ทั้งสองสามีภรรยาต่างก็ทราบว่าสิปปกร อาศัยอยู่ทั้งสองที่สลับกัน ทั้งที่คอนโดหรูย่านสุขุมวิทของมารดา และบ้านสวนของคุณยายกันยามาศ
ที่เมืองนนท์
“กลับคอนโดครับ วันนี้คุณพ่อแวะไปหาที่นั่นน่ะครับ”
สิปปกร บอกก่อนกล่าวลา และเดินออกไปจากห้องนั้น สองสามีภรรยามองตามด้วยแววตาชื่นชมผสมเอ็นดู เพราะเห็นว่าสิปปกร เป็นชายหนุ่มที่มีสัมมาคาระ ที่สำคัญเขาเป็นคนที่ห่วงใยเอาใจใส่นัฏนรี ลูกสาวของดอกเตอร์ทั้งสองอย่างมาก
นับตั้งแต่วันที่นัฏนรี เกิดอุบัติเหตุอยู่ที่เชียงใหม่ ก็ได้สิปปก รเป็นคนเดินทางไปช่วยดูแลติดต่อประสานงานจนนำนัฏนรี ขึ้นเฮลิปคอปเตอร์มารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพฯ และเขายังมาคอยเฝ้าดูอาการนัฏนรีอยู่ตลอดเวลา
ในขณะที่เพื่อนในกลุ่มที่สนิทกับนัฏนรี อย่าง ลิลลี่ กับ ไปรยา แม้เพื่อนสาวทั้งสองคนนั้นจะห่วงใยนัฏนรีเช่นกัน แต่ก็มาเยี่ยมเยียมดูอาการตามปกติเท่านั้น ไม่ได้ทุ่มเทเวลามาเฝ้าตลอดเวลาเหมือนกับสิปปกร
“ถ้าลูกดรีมเลือกปอนด์เป็นแฟนก็คงจะดีนะคุณ เวลาลูกรู้สึกตัวขึ้นมาจะได้ไม่ต้องเสียใจ”
ดร.นีรนุชกล่าวกับสามี เมื่อสิปปกร ออกจากห้องไปแล้ว เธอรู้สึกห่วงกังวลกับการที่นัฏนรีจะต้องฟื้นขึ้นมารับรู้ความจริงที่น่าเศร้าใจ
“ทำไงได้ล่ะคุณ ก็ลูกเราเลือกชวินเป็นคนรักแล้ว ทีนี้ก็คงต้องช่วยกันแก้ปัญหาว่าจะบอกลูกยังไงดี”
ดร.ฉันทวัฒน์ มีสีหน้ากังวลใจ ทำให้ภรรยารู้สึกไม่สบายใจไปด้วย ทั้งคู่ทราบดีว่าลูกสาวเพียงคนเดียวของพวกตนนั้น ทั้งรักทั้งหลงชวินมากมายเพียงใด
หากนัฏนรี ฟื้นขึ้นมารับรู้ว่าไม่มีชวินอยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว นัฏนรีจะมีสภาพจิตใจเป็นเช่นไร สิ่งนี้ต่างหากคือสิ่งที่ทั้งสองเฝ้ากังวลมากที่สุด
