ลับไม่ลับกับซุปตาร์

173.0K · จบแล้ว
สวรรยสร
91
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ดาร์ลีน หยางลี่เซียน สาวน้อยลูกครึ่ง T และ C เธอเริ่มต้นความมีชื่อเสียงจากการเป็นนักสเก็ตลีลา กีฬาที่ประเทศ C ไม่เคยได้ครองเหรียญทองโอลิมปิกฤดูหนาวแม้แต่ครั้งเดียวจนกลายเป็นความใฝ่ฝันของคนทั้งประเทศ เพราะต้องการครองเหรียญทองกีฬาชนิดนี้ เมื่อหยางลี่เซียนที่อายุเพียงหกปีได้เป็นแชมป์โลกสเก็ตลีลารุ่นอายุไม่เกินสิบปี ทำให้เธอถูกจับตามอง และพ่อของเธอก็พลอยถูกจับตาไปด้วย เพราะพ่อของเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญฝีมือฉกาจในกิจการด้านอวกาศของประเทศ U กิจการที่ประเทศ C ใฝ่ฝันที่จะพัฒนาให้ไม่แพ้ประเทศ U จนถึงขั้นประกาศแผนระยะยาวกับโครงการอวกาศของตนเอง หยางลี่เซียนและพ่อของเธอซึ่งถือสองสัญชาติ ถูกทาบทามจากประธานาธิบดีของประเทศ C ให้มาถือสัญชาติและลงแข่งโอลิมปิกฤดูหนาวในนามของประเทศ C พร้อมกับให้พ่อของเธอย้ายมาทำงานให้องค์การอวกาศ ข้อเสนอที่ได้รับน่าดึงดูดใจอย่างยิ่ง หยางลี่เซียนและคุณพ่อของเธอจะตัดสินใจอย่างไรกับข้อเสนอนี้ เพราะการย้ายประเทศหมายถึงการดำเนินชีวิตของพวกเขาในประเทศ C จะต้องมีกฎระเบียบมากขึ้น เปรียบเทียบกันแล้ว ข้อเสนอที่ได้รับจะคุ้มค่าพอสำหรับพวกเขาหรือไม่ เอ๊ะ! แล้วดาร์ลีนจะเป็นซุปตาร์ได้ยังไง เธอเป็นนักกีฬานะ ไม่มีใครเรียกนักกีฬาว่า ‘ซุปตาร์’ หรอก หรือว่า…เธอจะไปเป็นดารา? อยากรู้เรื่องลับที่เม้าส์มอยในแวดวงดารามั้ยล่ะ ฉันน่ะรู้ลึกทุกอณูและรูขุมขนเชียวนะ ถ้าอยากรู้ล่ะก็ มาติดตามเรื่องราวของฉันสิ รับรองว่าปาปารัสซี่ยังอาย

นิยายรักนิยายปัจจุบันดารารักหวานๆวงบันเทิง

บทที่ 1 นางฟ้าแห่งสเก็ตลีลา (1/3)

“ดาร์ลีน ตามแม่มานะคะ ไม่ต้องกลัวนะลูก” เสียงของหญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่งบอกกับเด็กหญิงตัวน้อยที่สวมรองเท้าสเก็ตน้ำแข็ง เธอจับสองมือของลูกสาวให้ค่อยๆ เคลื่อนไหวตามเธออย่างระมัดระวัง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเริ่มฝึกให้ลูกสาวของเธอเล่นสเก็ตน้ำแข็ง

เด็กหญิงผิวผ่อง ผมดำสนิท นัยน์ตากลมโตสีดำวาวหวาน ขนตายาวเฟื้อย แก้มแดง ก้าวไปอย่างไม่ตื่นกลัว เท้าน้อยๆ ก้าวตามผู้เป็นแม่ไปอย่างสนุกสนาน ไม่ว่าแม่ของเธอจะพาไปทางไหน

“เร็วอีกค่ะ แม่” เด็กหญิงร้องบอกเสียงใส พาให้คนรอบข้างที่มาฝึกเล่นสเก็ตต้องมองตามอย่างเอ็นดู ผู้เป็นแม่จึงเร่งความเร็วขึ้นอีกนิดตามใจลูกสาว

สองแม่ลูกเล่นสเก็ตน้ำแข็งไปรอบๆ สนามแห่งนี้อยู่หลายรอบ กว่าที่ลูกสาวตัวน้อยจะยอมหยุดเล่นเพราะเหนื่อยจนหมดแรง

“ดาร์ลีนชอบสเก็ตน้ำแข็งมากเลยหรือลูก” เธอถามขึ้นเมื่อพาลูกสาวมานั่งพักเหนื่อยและกินขนมที่ร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่งใกล้ๆ สนามสเก็ตน้ำแข็ง

“ค่ะ ชอบที่สุด พาหนูมาอีกนะคะ” เด็กหญิงรีบตอบก่อนจะหยิบคุกกี้ช็อกโกแลตเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมกับดื่มช็อกโกแลตร้อนอีกอึกใหญ่ตามไป

“แล้วดาร์ลีนชอบจนอยากฝึกแบบเป็นนักกีฬาไปแข่งมั้ยคะ”

“นักกีฬา? คืออะไรคะแม่” เด็กหญิงถามอย่างงุนงง นัยน์ตาดำสนิทใสแป๋วจ้องมองอย่างสงสัย เพราะเจ้าตัวยังเล็กนักจึงไม่รู้จักอะไรมากมาย

“นักกีฬาก็คือคนที่ฝึกเล่นในด้านใดด้านหนึ่งจนชำนาญมาก แล้วก็ไปแข่งกับคนอื่น” เธออธิบายให้ฟังอย่างง่ายที่สุด

เจ้าตัวน้อยพยักหน้าหงึกหงักว่าเข้าใจ

“ดาร์ลีนอยากฝึกเป็นนักกีฬามั้ยคะ” เธอถามลูกสาวต่อ

“ฝึกค่ะ หนูชอบสเก็ตน้ำแข็ง” เด็กหญิงตอบรับทันที

“งั้นแม่จะหาที่ฝึกให้นะจ๊ะ”

“อ้าว ! คูล มาเมื่อไหร่” เสียงของหญิงสาวอีกคนทักขึ้นจากด้านหลัง

มารดาของเด็กหญิงดาร์ลีนหันไปมองแล้วจึงยิ้มตอบ “แคลร์นั่นเอง มาได้สักชั่วโมงแล้วล่ะ พาดาร์ลีนมาเล่นจนเหนื่อย เลยมานั่งพักกินกาแฟ”

“อ้าว พาดาร์ลีนมาด้วยเหรอ...” แคลร์ตอบรับเพราะเพิ่งมองเห็นเด็กหญิงหน้าตาน่าเอ็นดูนั่งอยู่อีกด้านของโต๊ะ

“...หวัดดีจ้า ดาร์ลีน นี่น้าแคลร์นะคะ ดาร์ลีนชอบเล่นสเก็ตน้ำแข็งมั้ย” แคลร์แนะนำตัวเองกับเด็กหญิงพร้อมกับถามกลับ

“ชอบค่ะ” เด็กหญิงตอบรับ

“ดาร์ลีน เจอผู้ใหญ่ต้องทำยังไงคะ” ผู้เป็นแม่ถามขึ้น

ดาร์ลีนจึงเพิ่งนึกได้ สองมือป้อมยกพนมระหว่างอกแล้วยกมือไหว้แคลร์ทันที “สวัสดีค่ะ น้าแคลร์”

อากัปกิริยานี้ทำให้แคลร์ยิ่งเอ็นดูมากกว่าเดิมก่อนจะออกปาก “การทักทายแบบนี้ของประเทศ T สวยนะ สุภาพด้วย แล้วยังน่ารักอีก” เธอบอกกับคูลหรือกุลนันท์ อินทรมา มารดาของเด็กหญิง เพราะชื่อ ‘กุลนันท์’ จึงทำให้ชื่อเล่นที่สะดวกปากสำหรับคนต่างชาติกลายเป็น ‘คูล (Cool)’

“ดาร์ลีนชอบสเก็ตน้ำแข็งมั้ย” แคลร์ถามคำถามเดิมซ้ำ

“ชอบค่ะ คุณแม่บอกว่าจะพาหนูไปฝึก” เจ้าตัวเล็กตอบรับอย่างกระตือรือร้น ท่าทางตื่นเต้น

“คูล จะพาดาร์ลีนไปฝึกที่ไหน ดาร์ลีนนี่อายุเท่าไหร่แล้วนะ” แคลร์หันมาถาม

“ดาร์ลีนจะสามขวบแล้ว อีกห้าเดือนข้างหน้าก็สามขวบพอดี ฉันว่าจะให้ดาร์ลีนเรียนที่โรงเรียนไพน์ฮิลล์ ที่นั่นเปิดสอนตั้งแต่ Kindergarten จนถึงเกรด 12 มีสอนสเก็ตน้ำแข็ง แล้วก็ใกล้บ้านด้วย”

“ก็ดี อย่างนั้นเสาร์อาทิตย์ คูลก็เอาดาร์ลีนมาฝึกที่สนามสเก็ตของฉันสิ เดี๋ยวฉันช่วยฝึกให้”

“หืมมม? ช่วยฝึก? เอ่อ...เธอเล่นสเก็ตน้ำแข็งเป็น?” คูลถามด้วยความงุนงง

“เป็นสิ ก็สนามที่เธอมาเล่นและพาดาร์ลีนมาน่ะ ของฉันเอง ฉันเปิดให้คนเช่าชั่วโมงมาเล่น มาซ้อม แค่ไม่ได้รับสอนเท่านั้น”

“เธอเป็นครูสอนสเก็ตน้ำแข็ง !?” คราวนี้กุลนันท์อุทานออกมา

“ใช่สิ จริงสินะ ฉันยังไม่เคยบอกเธอเลยนี่ ฉันน่ะได้เหรียญทองโอลิมปิกฤดูหนาวมาหนหนึ่งนะเมื่อปี 1998” คำบอกเล่าทำให้กุลนันท์ทึ่งจัด

“วันนั้นที่เธอเป็นลมแล้วฉันช่วยเธอไว้ นี่คือฉันช่วยนักกีฬาโอลิมปิกเหรียญทองเหรอเนี่ย” กุลนันท์เอ่ยออกมาอย่างตกใจไม่น้อย

“ก็ใช่น่ะสิ แต่ตอนนั้นฉันเพิ่งเลิกเล่นสเก็ตน้ำแข็งเพราะสุขภาพฉันไม่ดี มันก็เริ่มไม่ไหว แต่ฉันยังชอบมันมากก็เลยมาเปิดลานสเก็ตกับร้านกาแฟนี้”

“ฉันก็เข้าใจมาตลอดว่าเธอเช่าที่เจ้าของลานสเก็ตมาเปิดร้านกาแฟเสียอีก” กุลนันท์บ่นออกมา แคลร์ต้องยิ้มอย่างขบขัน

“ให้ฉันสอนดาร์ลีนเถอะนะ ฉันอยากมีลูกศิษย์แต่ก็ไม่รู้จะสอนใคร ลูกเธอก็เหมือนลูกฉัน เรารู้จักกันมาตั้งสี่ห้าปีแล้วนะตั้งแต่เธอยังเป็นนักศึกษาวิชากฎหมายอยู่เลย จนตอนนี้เป็นทนายใหญ่ แถมแต่งงานมีลูกน่ารักด้วย”

“ได้สิ อุตส่าห์ได้ครูฝึกเป็นนักกีฬาเหรียญทองทั้งที จะปฏิเสธได้ยังไง” กุลนันท์ตอบรับ

“ดาร์ลีน อยากเรียนกับน้าแคลร์มั้ยคะ” กุลนันท์หันมาถามลูกสาวที่นั่งเคี้ยวคุกกี้ตุ้ยๆ พร้อมกับดื่มช็อกโกแลตร้อนอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ได้สนใจผู้ใหญ่สองคนที่นั่งคุยกัน

“เรียนค่ะ” เด็กหญิงหันมาตอบสั้นๆ ก่อนจะกินต่อด้วยความหิว เพราะเล่นเสียจนหมดแรง ตอนนี้เจ้าตัวจึงหิวเป็นพิเศษ

วันรุ่งขึ้นที่กุลนันท์พาดาร์ลีนมา แคลร์จึงไม่ได้ฝึกอะไรให้เด็กหญิงมากนัก เพียงฝึกขั้นพื้นฐานให้ดาร์ลีนชำนาญที่สุด เมื่อเด็กหญิงอายุสี่ขวบจึงเป็นการเริ่มฝึกอย่างจริงจัง

“เหรียญทองเป็นของดาร์ลีน หยาง”

เสียงโฆษกประจำสนามแข่งประกาศด้วยความตื่นเต้นเมื่อผลคะแนนออกมา นี่เป็นการแข่งขันสเก็ตลีลาชิงแชมป์โลกรุ่นอายุไม่เกินสิบปี และดาร์ลีน หยางคือผู้เข้าแข่งขันสเก็ตเดี่ยวที่อายุน้อยที่สุดและยังได้แชมป์โลกไป