14 พ่อแม่กลุ้มลูกไม่กลับบ้าน
อาหารสามอย่างซื้อมาจากภัตตาคารชื่อดังถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะอาหารหินอ่อน กลิ่นหอมเตะจมูก ข้าวสองจานตามมาติด ๆ ฤกษ์และลัดดานั่งมองด้วยความเศร้า วันนี้เขากลับบ้านเร็วกว่าปกติ ต้องการที่จะรับประทานอาหารกับครอบครัว
เมื่อภรรยาบอกว่าลูกยังไม่กลับ แม้รู้อยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้เกิดเป็นประจำ แต่ก็ยังมีความหวังว่าลูกจะอยู่ที่บ้าน สุดท้ายก็เหมือนเดิม
“เราต้องทานข้าวสองคนอีกแล้ว ไม่ว่าอาหารอร่อยแค่ไหนก็ไม่มีความหมาย”
“ฉันทำใจแล้วค่ะ เจอเรื่องแบบนี้จนชินได้แต่ภาวนาให้ลูกปลอดภัย”
“คุณโทรไปถามหรือยัง ว่าจะกลับบ้านกี่โมง”
“โทรแล้วค่ะ ว่าเดี๋ยวกลับ”
“เหมือนเดิมทุกครั้ง เดี๋ยวกลับก็หมายความเกือบสว่าง ผมว่านะเผลอ ๆ เช้า ลองโทรไปตอนนี้สิ ปิดมือถือแล้ว ไม่รู้ว่ามันไปนอนที่ไหน”
ฤกษ์หงุดหงิด ไม่พอใจต่อพฤติกรรมของลูกสาวที่กลับบ้านไม่ตรงเวลา เมื่อก่อนจะกำหนดว่ากลับไม่เกินสามทุ่ม แต่ลันตาทำไม่ได้ เขาจึงเปลี่ยนใหม่ให้กลับบ้านทุกวัน ดึกแค่ไหนก็ได้ แต่ก็กลายเป็นว่าเช้าหรือลากยาวไปจนถึงเที่ยงและบ่ายของวันรุ่งขึ้น ลัดดาเองก็คิดว่าลูกไปนอนค้างกับแพรพิไล แต่ไม่กล้าโทรถามกลัวความจริงที่ว่า ลันตาไม่ได้นอนที่นั่น
อับอายขายหน้าเพื่อนลูกที่รู้ว่าคืนนี้ลูกไม่กลับมานอนบ้านอีกเช่นเคย
“คงไปนอนกับหนูแพร”
“ผมก็ภาวนาให้เป็นอย่างนั้น กลัวว่าไม่ใช่ ไปค้างกับผู้ชาย เสียหายหนักเลย ไม่รู้ว่าดื่มเหล้า สูบบุหรี่หรือเปล่า”
“คงไม่หรอกมั้ง ลูกไม่ใช่คนทำตัวเหลวไหลอย่างนั้นนี่คะ”
“เคยเล่าเรื่องผู้ชายให้ฟังไหม”
“ไม่ค่ะ ลันตาคงไม่กล้าทำเรื่องเลวร้ายขนาดนั้นหรอก อย่างมากสนุกกับเพื่อน ๆ แต่ไม่ใช่หนูแพร ขานั้นไม่เคยออกจากบ้านในเวลากลางคืน”
“เห็นไหม ลูกเขาไม่เหมือนลูกเราที่ทำตัวไม่สมกับเป็นนักเรียน เทอมนี้จะตกอีกไหมเนี่ย”
ความกลุ้มที่เกิดจากลูกทำตัวไม่ดี กัดกร่อนสุขภาพจิตให้เสีย ฤกษ์ไม่เคยนอนหลับเต็มตาสักครั้งที่ลูกไม่เข้าบ้าน มีแต่ความเป็นห่วง กลัวว่าลูกจะถูกล่อลวงไปในทางที่ไม่ดีหรือได้รับอันตรายต่อการออกไปเที่ยวราตรี
กลัวมากที่สุดคือเรื่องผู้ชายกับยาเสพติด พักหลังมานี่ลูกจะใช้เงินเปลืองมากและแต่งตัวจัดตามแฟชั่นทุกอย่าง เน้นไปทางเซ็กซี่ เห็นแล้วแทบไม่อยากให้ออกจากบ้าน เวลามีคนมองจะรู้สึกอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี แต่ลูกกลับเดินเชิด ไม่แคร์สายตาใคร
ไฟสว่างที่สาดส่องลงมาจากเพดาน ช่วยในการอ่านหนังสือได้ดี สี่ทุ่มกว่า แต่แพรพิไลยังไม่นอน รู้ว่าพรุ่งนี้มีสอบเกี่ยวกับวิชาหลัก ต้องใช้ความเข้าใจที่แม่นยำ พลาดไม่ได้เพราะซ่อมยากมาก เธอพยายามที่จะไม่ให้ตก กลัวว่าจะมีผลต่อการสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น รู้ว่าคนที่โทรเข้ามาในช่วงเวลานี้มีอยู่แค่ไม่กี่คน ลันตา ลัดดาและพ่อแม่ของเธอเวลาออกไปธุระนอกบ้านแล้วโทรเข้ามาถามความเรียบร้อย
“สวัสดีจ้ะลันตา มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
“ถ้าแม่โทรมาบอกว่าเราจะเข้ามานอนค้างกับเธอ”
“อีกแล้ว คืนนี้ไม่กลับไปนอนบ้าน อยู่ที่ไหนล่ะ เสียงเพลงดังลั่นเลย”
“อยู่ผับกับพี่นทีน่ะ”
“ใครกัน เราไม่เคยรู้จัก”
“เอาเหอะน่า หนุ่มคนใหม่ เราเคยบอกเอาไว้ในวันเลี้ยงข้าวไง คนนี้ใช่เลย สเป็กทุกอย่าง ร้องเพลงเพราะมากเธอจะฟังไหมล่ะ เราเอาโทรศัพท์ไปจ่อที่ลำโพงให้ได้ยินเสียง”
ท่าทางลันตาปลื้มผู้ชายคนนี้มา แพรพิไลไม่เคยเห็นว่าเพื่อนเป็นอย่างนี้มาก่อน เด็กสาวไม่อยากฟังจึงปฏิเสธ เธอไม่ชอบผู้ชายทำงานกลางคืน หาความจริงใจได้ยาก เจอผู้หญิงเยอะแยะ ลันตาจะต้องเจ็บอีก ทุกครั้งที่เลิกกับแฟน ลันตาจะดื่มเหล้าหนักมาก ทำตัวเละเทะ ไปกับผู้ชายที่ไม่รู้จัก อยากจะไปดูแลแต่ทำอย่างนั้นไม่ได้ พ่อแม่คงไม่ยอม
“ไม่ต้องหรอก รีบกลับเข้ามานอนนะ”
“ใครบอกว่าจะไปนอนกับเธอ คืนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำนอนที่ไหน”
“อะไรกัน พรุ่งนี้ไม่ไปเรียนหรือไง”
“ไม่ล่ะ หยุดอีกสักวัน ยังไงก็ตกอยู่แล้วล่ะ ตามซ่อมได้ น่าเพื่อนรัก ถ้าแม่โทรมาช่วยบอกหน่อยนะ ขอบใจมาก พี่นทีร้องเพลงเสร็จแล้ว เราต้องให้กำลังใจเขาหน่อย”
โทรศัพท์ถูกตัดสายไปแล้ว ป่านนี้ลันตาคงรื่นเริงมีความสุขกับผู้ชายที่ชื่อนที โดยที่พ่อแม่กำลังทุกข์ นอนไม่หลับเพราะลูกสาวยังไม่กลับบ้านและแพรพิไลเองก็เป็นห่วง กลัวว่าเพื่อนจะเรียนไม่จบ แต่สลัดความรู้สึกดังกล่าวออกไป อ่านหนังสือให้ได้มากที่สุด
ลัดดาไม่โทรมาคงเกรงใจและรู้ว่าลันตาไม่ได้มาค้างที่นี่ แพรพิไลสงสารแต่ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไรเพราะเพื่อนคนนี้แก่เกินดัดเสียแล้ว
