๘ โง่ เซ่อ บ้าเพราะว่ารัก (๒)
“ไอ้น้ำ มาคุยกับข้าหน่อย” หัวหน้างานเรียกเสียงเข้มกว่าทุกวันทำให้รู้ว่าเรื่องที่จะคุยคงเครียดพอสมควร หญิงสาวลุกขึ้นเดินตามท่านไปพร้อมเสียงซุบซิบจากคนที่อยู่ข้างนอกและมีสายตาเป็นห่วงของปภพมองไล่หลัง
“พี่สันต์มีอะไรคะ” เข้ามาในห้องที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวหล่อนจึงนั่งลงตรงข้ามคุณสันติสุขที่ยกมือขึ้นกุมขมับไม่รู้จะจัดการเรื่องนี้อย่างไร
“ข้าไปช่วยพูดกับคุณสงครามให้แล้ว” ดวงตากลมโตเป็นประกายทันทีเมื่อได้ฟัง
“เขาให้เวลาแค่เคลียร์งานที่เหลือ ถ้าเสร็จแล้วเอ็งคงต้องออกจากบริษัท” ความสดใสหม่นแสงลงทันที..เขาไม่ให้โอกาสเธอสินะ
“แต่น้ำไม่ได้ทำจริงๆ นะคะพี่สัน” ถึงพยายามจะพูดแค่ไหนเขาก็ไม่เชื่อเธอเลยสักนิด สงครามเชื่อเพียงเอกสารงานที่เห็นว่าหล่อนทำให้ไทยโหลดซึ่งที่จริงก็ทำในนามของฉันทิต เขามาจ้างอย่างลับๆ และให้เงินตอบแทนสูง ในช่วงที่ต้องหาเงินรักษามารดาเนตรนภาไม่มีทางเลือกมานัก
จึงตัดสินใจทำในสิ่งที่ผิด
“ข้าเชื่อเอ็ง แต่ทางนั้นเขาก็มีหลักฐาน ที่จริงเขาจะฟ้องเอาผิดเอ็งก็ได้แต่เขาไม่ทำ” ถ้าอย่างนั้นเธอต้องขอบคุณชายหนุ่มใช่ไหมถึงจะถูก
เค้นยิ้มอย่างนึกสมเพชตัวเองอีกครั้ง
“น้ำจะไปคุยกับเขา” เธอจะไม่ยอมแพ้ทั้งที่ไม่เป็นคนผิดเด็ดขาด
“ไปคุยอะไร คุณสงครามเขาตัดสินใจแล้วขนาดพ่อเขายังทำอะไรไม่ได้เลย” เรื่องนี้ถึงจะไปคุยกับคุณอากรแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้มากนักในเมื่อยกให้อยู่ภายใต้การดูแลของสงครามไปแล้ว
เนตรนภาถอนหายใจก่อนจะพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้อย่างสุดความสามารถทำเอาคนที่รู้สึกเอ็นดูหญิงสาวเหมือนลูกหลานก็หนักใจเช่นเดียวกัน
“น้ำจะทำยังไงดีพี่สันต์”
“คนเก่งๆ แบบเอ็งมีหลายคนต้องการ ออกไปทำงานที่อื่นก็ได้ยังไงก็มีลูกค้าเก่าตามไป” พยายามให้กำลังใจเพราะหากจะให้อยู่ที่นี่ต่อก็ไม่ได้แล้ว สงครามตัดสินใจอะไรไม่เคยเปลี่ยนใจเลยสักครั้ง ถือว่าเป็นคนเด็ดขาดพอสมควร
“ขอบคุณนะคะพี่สันต์” ท่านเป็นคนเดียวในบริษัทที่เชื่อในตัวเธอทำให้พอมีกำลังใจบ้าง หญิงสาวยกมือไหว้คนสูงกว่าวัยแล้วเดินออกจากห้องทันที เป้าหมายคือห้องผู้บริหารชั้นบน หล่อนต้องการคุยกับเขาอีกครั้งให้รู้เรื่อง
อย่างไรเสียก็ไม่อยากออกจากบริษัททั้งที่ตัวเองไม่ได้ผิดแบบนี้
“มาหาคุณสงครามค่ะ” แจ้งความประสงค์แก่เลขาหน้าห้องทันทีซึ่งอีกฝ่ายก็เดินเข้าไปบอกหัวหน้าโดยตรงของตัวเองก่อนจะออกมาแล้วมองหน้าเธอแล้วเอ่ยขอโทษ
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ คุณสงครามไม่อนุญาตให้เข้าพบค่ะ” ใบหน้าหวานแดงก่ำทันทีด้วยความโกรธ วินาทีนี้เธอไม่สนใจว่าเขาจะเป็นนายจ้างของตัวเองกลับเดินไปเปิดประตูโดยที่เลขาห้ามไม่ทัน
“เข้าไม่ได้นะคะคุณ” จังหวะนั้นหล่อนเปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมจ้องดวงตาคมที่เงยขึ้นมาสบตาพอดี
“ขอโทษด้วยค่ะคุณสงคราม ดิฉันพยายามห้ามแล้ว” อีกฝ่ายปัดมือไล่เลขานุการออกไปด้วยใบหน้าเรียบเฉยก่อนจะหันมามองคนมาเยือนที่ไร้มารยาทเสียเหลือเกิน ทั้งที่เจ้าของห้องไม่อนุญาตแต่ก็ยังดึงดันจะเข้ามา
“มีอะไรอีก ผมแจ้งคุณชัดเจนแล้วนะ หรือต้องการมายื่นใบลาออก” ร่างสูงที่อยู่ในชุดสูทเนื้อดีโดยมีภาพแบล็คกราวเป็นวิวทั่วกรุงทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างอีกครั้งจนเนตรนภาสำนึกได้ในวินาทีนี้ว่าเขาไม่ใช่พี่ครามของตัวเอง
เขาคือคุณสงคราม พิชิตสมุทร ลูกชายเจ้าของบริษัทที่อีกไม่นานก็คงเลื่อนขั้นเป็นเจ้าของบริษัทสมุทรธารา ดีไซน์
“ฉันทำผิดกฎบริษัทที่ทำงานนอก แต่เรื่องขายความลับฉันไม่เคยทำ” แววตาของเธอแข็งกร้าวอย่างเอาเรื่อง ตอนนี้ไม่ใช่เนตรนภาที่อ่อนแออีกต่อไปแล้ว
เธออาจจะเคยโง่หรือเทิดทูนความรักทว่านับแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปมันจะไม่ใช่แบบนั้น
กลับมาเป็นคนเดิมได้แล้วเนตรนภา ลืมความรักจอมปลอมที่เขามอบให้เถอะ
สงครามยกยิ้มมุมปากทันทีพร้อมกับหมุนปากกาที่มีในมือราวได้ยินเรื่องตลกที่สุดในชีวิต ผู้หญิงตรงหน้ากำลังล้อเล่นกับเขาอยู่หรือไงกันในเมื่อหลักฐานมัดตัวขนาดนี้
“ถ้าอย่างนั้นงานของไทยโหลดที่จะเสนอครั้งล่าสุดอยู่ในบ้านคุณได้ยังไง” เอ่ยถามเสียงเข้มพร้อมจ้องดวงตากลมโตนิ่งไม่ไหวติง
“จะบอกว่ามันมีขาเดินไปหาอย่างนั้นเหรอ” ถามอย่างเย้ยหยันจนร่างบางกำมือแน่นขณะที่ก้าวเดินมาหาเขาโดยมีเพียงโต๊ะทำงานกั้นกลาง
“ฉันยอมรับว่างานนั้นอยู่บ้านฉันแต่ว่าฉันไม่ได้ขายความลับ” ยังย้ำคำเดิมไม่เปลี่ยนและมันฟังไม่ขึ้นเลยสักนิด
ปัง!
“เลิกล้อเล่นสักทีเนตรนภา ผมไม่ใช่ไอ้โง่มีเขาให้คุณหลอกนะ” คนตัวโตตบโต๊ะเสียงดังพร้อมตะโกนใส่หน้าเธออย่างโมโห ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะปากแข็งขนาดนี้ทั้งที่หลักฐานมัดตัวแทบดิ้นไม่หลุดแต่ก็ยังจะหาข้อแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นให้ตัวเอง
“ฉันยอมรับว่าคุณฉันทิตให้ฉันมาเพื่อแลกเปลี่ยนกัน แต่ฉันไม่ได้บอกอะไรเขาเลย คุณอยู่กับฉันตลอดก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอ” สรรพนามที่เปลี่ยนไปของหญิงสาวทำให้สงครามรู้สึกคันยิบในใจแต่ก็ปัดตกใจเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระหากให้ความสำคัญกับเรื่องนี้
เขาแสยะยิ้มเหมือนปีศาจร้ายที่กำลังมองมนุษย์กิเลสหนา “อย่างนั้นเหรอ” ไม่ว่าจะง้างปากแค่ไหนเธอก็คงไม่ยอมบอกอยู่ดี
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปทำงานกับมันสิ แล้วยื่นใบลาออกมาในตอนที่ผมยังพูดดีๆ ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไปเจอกันที่ศาล” นั่นไม่ใช่แค่คำขู่เพราะเขาพูดความจริง ขณะนี้สงครามกำลังทำเรื่องยื่นฟ้องฉันทิตที่คัดลอกงานออกแบบครั้งล่าสุด เขานัดประชุมทีมกฎหมายไว้ตอนบ่ายและอีกไม่นานคงเรียบร้อย
“คุณไม่เชื่อฉันเลย” พึมพำเสียงเบาทั้งยังแววตาผิดหวังขั้นรุนแรงซึ่งส่งไปให้ชายหนุ่ม
“เพราะผมไม่โง่ไงเนตรนภา” แม้แต่ชื่อของเธอเขายังเรียกแบบห่างเหิน ทำไมไม่สังเกตนะว่าอีกฝ่ายพยายามเว้นระยะห่างไว้ตลอด ทั้งการแทนตัวเองว่าผมตลอดเวลาและปิดบังเกี่ยวกับครอบครัว
ก่อนความจริงจะตรงแสกหน้าเธอว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา
พี่สงครามของเธอตายไปแล้วจริงๆ ด้วย
“ขอบคุณนะคะที่สอนฉันหลายเรื่องเลย ขอบคุณจริงๆ” ย้ำกับเขาด้วยแววตาที่มีน้ำคลอเต็มเบ้าแล้วค่อยหันหลังเดินออกไปด้วยท่าทีมั่นคง แต่เมื่อออกมาได้กลับเหมือนคนไร้เรี่ยวแรงเดินไปยังลิฟต์ด้วยอาการชาไปทั่วร่าง
คงต้องยอมรับความจริงเสียแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องออกจากที่แห่งนี้โดยมีข้อหาร้ายแรงติดตัว
“เอาน่าน้ำ เขาไม่ฟ้องก็บุญแค่ไหนแล้ว” ปลอบตัวเองทั้งน้ำตาก่อนจะเช็ดมันออกอย่างรวดเร็วแล้วก้าวอย่างมั่นคงไปนั่งโต๊ะประจำของตัวเอง ถึงจะมีสายตาหลายคู่มองมาก็พยายามไม่ให้ความสนใจ ตอนนี้ต้องทำหน้าที่ให้ดีสุด
เนตรนภานั่งเคลียร์งานของตัวเองพร้อมกับส่งข้อความไปบอกเรื่องสำคัญกับลูกค้าสองถึงสามคนที่ให้เธอออกแบบบ้าน ทุกคนตกใจและคาดไม่ถึงพร้อมแสดงความเสียดายอย่างเห็นได้ชัดพร้อมบอกว่าจะตามไปใช้บริการเธอเหมือนเดิมเนื่องจากถูกใจในฝีมือการออกแบบ
แต่เดี๋ยวนะ..ถ้าเธอไม่ได้เป็นคนเอาความลับบริษัทไปขายแล้วใครทำ หญิงสาวเพิ่งนึกได้ถึงความจริงข้อนี้ ถ้าเธอหาตัวคนผิดที่แท้จริงมาได้ก็คงไม่ต้องออกจากที่นี่ทั้งยังล้างมลทินให้ตัวเองได้ด้วย ใบหน้าหวานยิ้มออกมาทันทีเมื่อคิดได้ดังนั้น
“นี่ภพ มีเรื่องให้ช่วยหน่อย” หล่อนสะกิดคนที่กำลังวางแปลนบ้านก่อนเขาจะหันมาให้ความสนใจ
“อะไรครับ”
“นายหาให้ฉันหน่อยได้ไหมว่าในพวกเราที่ทำโครงการ SOP Group ใครสนิทกับคุณฉันทิตที่สุด” คนใส่แว่นขยับแว่นตาก่อนจะนิ่งคิดไป
“ผมไม่แน่ใจเลยครับ” เธอยกมือขึ้นแตะบ่าเขา
“เอาน่า หาให้หน่อยนะ ช่วยหน่อยเถอะ” พยายามขอร้องด้วยแววตาออดอ้อนจนคนตรงหน้าแก้มแดงเพราะเขินอายค่อยพยักหน้าตกลงง่ายดาย
“ผมจะพยายามครับ” ปรบมือดีใจเมื่อเขาตอบตกลง ค่อยหันไปสนใจงานของตัวเองพลางฮัมเพลงอย่างมีความสุข อีกไม่นานเรื่องก็จะคลี่คลายและเธอก็จะกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่จะให้สงครามชดใช้สาสมกับที่เขาใส่ร้ายหล่อน
เนตรนภาเคลียร์งานเสร็จก็เกือบสองทุ่มทำให้ชั้นสี่แทบร้างผู้คน เธอถอนหายใจก่อนจะปิดดวงตาแล้วเอนกายพิงเก้าอี้พลางถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า
“ดึกแล้วครับ กลับบ้านได้แล้วนะ” หล่อนลืมตาพร้อมสะดุ้งสุดตัวหันไปมองโดยรอบก็ไม่พบใครจึงส่ายศีรษะไล่ความทรงจำในอดีตออกไปทันที ปกติสงครามมักจะมาตามพร้อมเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบทว่าเต็มไปด้วยความอบอุ่น
พี่ครามคนที่อ่อนโยนและมักยิ้มให้เธอเสมอหายไปแล้ว “หยุดคิดเถอะน้ำปิง” ยกมือขึ้นกุมขมับพยายามไม่คิดถึงเขาก่อนจะจัดการปิดคอมพิวเตอร์แล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย ตรวจตราความเรียบร้อยทุกอย่างค่อยก้าวออกจากห้องเพื่อไปรอลิฟต์
ไม่นานนักพาหนะสี่เหลี่ยมก็หยุดลงพร้อมประตูที่เปิดออก วินาทีนั้นหล่อนอยากจะหายไปจากตรงนี้เสียเหลือเกิน ไม่เข้าใจว่าคนเบื้องบนต้องการกลั่นแกล้งเธอไปถึงไหนเหตุใดต้องให้มาเห็นภาพบาดตาเช่นนี้
“อ้าว คุณนั่นเอง” สงครามอยู่ในนั้นไม่พอข้างกายเขายังมีแฟนสาวสุดสวยยืนส่งยิ้มมาให้อีกด้วย
“เข้ามาสิคะ” เห็นว่าร่างบางยังคงยืนนิ่งจึงเรียกซ้ำอีกครั้ง
“เชิญก่อนเลยค่ะ ฉันลืมของ” เนตรนภาเดินหันหลังกลับเข้าไปภายในออฟฟิศอีกครั้ง เธอไม่อาจอยู่ในลิฟต์ที่สงครามอยู่กับแฟนได้ ยังไม่ได้ใจแข็งขนาดที่สามารถทนมองภาพบาดตาให้เจ็บปวดหัวใจ แผลยังใหม่และสดเกินไป
เสียงปิดประตูดังขึ้นทำให้หล่อนรู้ว่าทั้งสองคงลงไปชั้นล่างแล้ว น้ำตาที่นึกว่าหายไปกลับไหลลงมาอีกครั้งย้ำความเจ็บปวด พยายามคิดว่าสงครามตายจากแต่ความจริงเป็นอย่างไรก็รู้ดีแก่ใจ
ร่างเล็กทรุดนั่งลงยังเก้าอี้ทำงานพลางปิดปากไม่ให้เสียงร้องไห้เล็ดลอดออกไป ต้องทำอย่างไรจึงจะลืมได้เสียที เข้าวัดฟังธรรมจะช่วยได้ไหมหากใจของหล่อนยังคงคิดถึงแต่ชายหนุ่มอยู่อย่างนี้ หลับตาก็มีภาพเขา ลืมตาก็จดจำทุกอย่างที่มีความทรงจำร่วมกันเป็นอย่างดี
เหนื่อยจนแทบขาดใจ เจ็บจนเหมือนตัวจะฉีกขาดจากกัน
จะให้ลืมเขาก็ทำได้ยากในเมื่อไม่นานมานี้ยังรักกันหวานชื่น เขากระซิบบอกรัก กอดหล่อนเอาไว้แนบแน่นแล้วจะต้องทำใจรับรู้ว่าชายหนุ่มมีตัวจริงอยู่แล้วมันก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่
อีกนานแค่ไหนถึงจะลบผู้ชายคนนี้ออกจากใจได้ ในเมื่อเขาคือรักครั้งแรกของเธอ...
