บทที่4/2 ศัตรูหัวใจ
ศัตรูหัวใจ
วันนี้เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพชรไพลินจึงไม่ต้องไปฝึกงานเหมือนทุกวัน ตั้งใจว่าจะนอนทั้งวันให้สมกับที่เหนื่อยมาหลายวัน แต่แผนที่คิดไว้ต้องเป็นอันยกเลิกไป เมื่อเพียงธารโทรมาชวนไปเดินห้างและขอให้ช่วยเลือกของขวัญวันเกิดให้กับพี่ชาย
"แกว่าสีนี้โอปะ" เพียงธารชูสูทสีกรมให้เพื่อนดู
"อืม…ก็สวยดีนะ" เจ้าหล่อนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แต่สายตายังชำเรืองดูนาฬิกาข้อมือของอีกร้านที่ตั้งโชว์อยู่ในตู้โชว์กระจกใส
"แกว่าพี่ธรจะชอบสีไหนระหว่างกรมกับดำ" เพียงธารถามเพื่อนอีกรอบเมื่อชั่งใจอยู่นาน
"เพชร! " ร่างบางสะดุ้งโหยง เมื่อรับรู้ถึงแรงสะกิดของเพื่อนสาว
"ห้ะ! "
"ห้ะอะไรเล่า ฉันถามว่าสองสีนี้จะเลือกสีไหนดี" เพียงธารทำหน้ามุ่ย
"สีนี้ก็ได้มั้ง" เพชรไพลินชี้ไปที่สูทสีกรมท่าที่อยู่ในมือเพื่อน หล่อนก็ไม่ค่อยมั่นใจนักว่าเขาชอบใส่สูทสีอะไร
"โอเคสีนี้แล้วกัน ไปจ่ายตังแป๊บ แกไปรอที่ร้านเลยนะเพชร จ่ายตังเสร็จฉันจะแวะเข้าห้องน้ำก่อนแล้วเดี๋ยวตามไป" เพียงธารบอกก่อนจะจะแขวนสูทอีกตัวที่ไม่ได้เลือกไว้ที่เดิมแล้วเดินไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์
เมื่อพ้นหลังเพื่อนสาว เพชรไพลินก็เดินเข้าไปยังร้านนาฬิกาที่สนใจเมื่อครู่ เลือกซื้ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปยังร้านอาหารที่เพียงธารนัดแนะไว้
เสียงกรีดร้องของสมาร์ทโฟนดังขึ้น เท้าเรียวจึงชะลอความเร็วของการเร่งฝีเท้าลงเล็กน้อย
ก่อนจะควานหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดรับ ซึ่งปลายสายก็คือภาธรนั่นเอง
"ค่ะพี่ธร" ขณะที่สาวเจ้าแนบสมาร์ทโฟนไว้ข้างหูนั้น ก็มีเด็กหญิงตัวเล็กวิ่งออกมาจากร้านอาหารร้านนั้นมาพอดี ด้วยความที่ไม่ทันระวังกันทั้งคู่จึงทำให้ชนกับกันเข้าอย่างจัง
"ว้าย! ตุ๊บ! " สมาร์ทโฟนในมือของสาวเจ้าล่วงตกลงพื้นจนเกิดเสียงกระแทกดังตุบตามมา ส่วนเด็กหญิงตัวเล็กนั้นล้มหงายลงบนพื้นก่อนจะร้องไห้จ้าเสียงดังขึ้นด้วยความเจ็บที่ศีรษะโขกเข้ากับพื้น ทำให้ผู้คนรอบข้างหันมาให้ความสนใจ เพชรไพลินเองก็ตกใจไม่น้อยจึงรีบย่อกายลงไปประคองหนูน้อยขึ้นมาปลอบ
"น้องเนยลูก" ณิชกมลที่ลุกไปจ่ายเงินค่าอาหารครู่เดียวหันมาอีกทีก็ไม่เจอลูกน้อยเสียแล้ว จึงรีบวิ่งออกมาตามหา พอดีกับได้ยินเสียงเด็กร้องไห้จ้าดังขึ้นมา จึงรีบเร่งฝีเท้าตามมาก็เห็นว่าบุตรสาวตัวน้อยนั้นกำลังนั่งร้องไห้บนพื้นและมีผู้หญิงอีกคนที่ลูบหลังปลอบเจ้าตัวเล็ก เห็นดังนั้นหล่อนจึงรีบวิ่งเข้าไปหาลูกน้อยทันที
"น้องเนย เป็นอะไรคะลูก" คนเป็นแม่ที่เห็นลูกร้องไห้ก็รีบวิ่งเข้าไปกอดปลอบ เมื่อได้อยู่ในอ้อมอกมารดาเจ้าตัวเล็กที่ร้องไห้จ้าเมื่อครู่ก็เบาเสียงลง แขนป้อมทั้งสองข้างสวมกอดเอวคอดมารดาไว้แน่น ใบหน้าจิ้มลิ้มที่เปื้อนน้ำตาอยู่นั้นก็ซุกเข้ากับอกมารดา
"เกิดอะไรขึ้นคะ" ณิชกมลเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้า ที่ดูแล้วน่าจะอายุอานามห่างจากหล่อนหลายปีนัก
"ขอโทษนะคะ หนูเดินชนน้องน่ะค่ะน้องเลยล้ม หัวน่าจะโขกพื้น" เพชรไพลินบอกอย่างรู้สึกผิด เพราะหล่อนเองที่ไม่รู้จักระวัง มัวแต่ก้มควานหาสมาร์ทโฟนในกระเป๋า
"ไม่เป็นไรค่ะ ต้องขอโทษด้วยเหมือนกันนะคะ ที่ปล่อยให้น้องวิ่งซน" ณิชกมลเองก็เอ่ยขอโทษไป เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของตัวหล่อนเองที่ไม่รอบคอบ ไม่ดูแลลูกให้ดีกว่านี้
เพชรไพลินได้แต่ส่งยิ้มแหยๆไปให้อีกฝ่าย ก่อนจะนึกได้ว่าสมาร์ทโฟนของหล่อนเองก็ร่วงตกลงพื้น สาวเจ้าจึงรีบหันไปหยิบมันขึ้นมาปรากฏว่าหน้าจอแตกร้าวเป็นเสี่ยงๆ
ชนิดที่ว่าแตกละเอียดเลยล่ะ มิหนำซ้ำยังเปิดไม่ติดอีกด้วย ให้ตายเถอะ!
"มีอะไรหรือเปล่าคะ" ณิชกมลเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้านั้นจ้องสมาร์ทโฟนในมือแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ยังไงยังงั้น
"อ…เอ่อเปล่าค่ะ" เพชรไพลินปฏิเสธ
"น้องเนยขอโทษพี่เขาก่อนสิคะ" คุณแม่คนสวยออกคำสั่ง
"น้องเนยคะ" เสียงหวานแปรเปลี่ยนเป็นขรึมเล็กน้อย เจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดจึงยอมทำตามอย่างว่าง่ายทั้งๆที่น้ำตายังคลออยู่เต็มหน่วยตา
"ขอโทษค่ะ" มือป้อมทั้งสองยกมากระกบกัน พร้อมกับริมฝีปากจิ้มลิ้มเอ่ยออกมาเสียงเบา
"ไม่เป็นไรค่า พี่ก็ขอโทษเราด้วยน้าตัวเล็ก" เพชรไพลินคลี่ยิ้มให้กับเจ้าตัวเล็ก พลางยื่นมือไปบีบแก้มย้วยเบาๆ
"หนูวิ่งออกมาทำไมคะ ทำไมไม่รอมามี้ก่อน"
เมื่อหญิงสาวคนนั้นเดินจากไป ณิชกมลก็เอ่ยถามลูกน้อยเสียงดุ
"หนู…หนูอยากหาคุณพ่อ" เจ้าตัวเล็กบอกเสียงสั่นพร้อมกับเบะปากเตรียมจะร้องไห้อีกรอบ
"มามี้บอกว่าคุณพ่อไปทำงานไงคะ"
"ตะ…แต่หนูเห็นคุณพ่อเดินไป" เจ้าตัวเล็กชี้มือชี้ไม้บอกกับมารดา
"คุณพ่อไปทำงานค่ะ ทีหลังห้ามวิ่งออกมาแบบนี้อีกนะคะ ถ้าหนูไม่เชื่อฟังมามี้และยังดื้ออีก มามี้จะออกไปทำงานเหมือนทุกวันเลยดีไหม"
"ไม่อาว! จะอยู่กับมามี้" เจ้าตัวเล็กเริ่มทำน้ำเสียงงอแง
"งั้นหนูก็ต้องเป็นเด็กดี เชื่อฟังมามี้นะคะ สัญญากับมามี้ก่อน" ณิชกมลชูนิ้วก้อยไปตรงหน้าลูก เจ้าตัวเล็กที่รู้งานก็รีบเกี่ยวก้อยกับมารดาแล้วส่ายไปมาพร้อมกับบอกว่าสัญญาซ้ำๆ
