บทที่4/1 อริรัก
บทที่๔ ลวงใจซ่อนใยรัก
อริรัก
"มานั่งข้างพ่อมาน้องเพชร" คุณณรงค์ศักดิ์ตบโซฟาข้างๆเพื่อบอกให้บุตรสาวมานั่งลงข้างตน
เพชรไพลินเองก็เดินโค้งตัวไปนั่งตามที่บิดาบอกอย่างว่าง่าย เพราะภายในห้องรับแขกนี้ไม่ได้มีแค่หล่อนกับบิดาเพียงลำพัง แต่มีชายร่างท้วมกับชายหนุ่มร่างสูงโปร่งอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันซึ่งแน่นอนว่าทั้งคู่เป็นแขกของบิดา
"นี่ลุงชิตเพื่อนพ่อ ส่วนนี่ก็เจ้าปรินทร์ไงจำได้ไหม เพิ่งกลับจากอังกฤษเมื่ออาทิตย์ก่อน" ท่านแนะนำทั้งสองกับบุตรสาวคร่าวๆ เพชรไพลินก็ยกมือขึ้นไหว้ทั้งคู่ตามมารยาท
"สวัสดีค่ะคุณลุง สวัสดีค่ะพี่ปรินทร์"
"สวัสดีครับ" ปรินทร์รับไหว้คนตัวเล็กและยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
"น้องเพชรอยู่คุยกับพี่เขานะ พ่อขอคุยธุระกับลุงชิตก่อน" คุณณรงค์ศักดิ์เอ่ยบอกบุตรสาวพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินออกไป ตามด้วยคุณอนุชิตบิดาของปรินทร์ที่ลุกขึ้นเดินตามกันไปติดๆ
"ของฝากจากอังกฤษ" ปรินทร์เอ่ยบอกพร้อมกับยื่นถุงกระดาษใบใหญ่สองใบให้คนตัวเล็ก ดูออกว่าน้องเองก็ยังเกร็งอยู่ไม่น้อย ไม่แปลกเลยเพราะระยะเวลาที่เราเริ่มห่างกันนั้นสิบกว่าปีได้กระมัง เขากลับบ้านทุกปีและบิดามักจะพามาเยี่ยมเยือนอาศักดิ์ทุกปี แต่น้อยครั้งนักที่จะเจอน้อง นั่นจึงทำให้เขากับน้องค่อยๆห่างกันไป
"ขอบคุณค่ะ" เพชรไพลินยกมือไหว้ชายหนุ่มก่อนจะยื่นมือไปรับของฝากจากปรินทร์
"สบายดีนะเรา" ปรินทร์เริ่มชวนคุย เมื่อเห็นว่าน้องยังเกร็งอยู่
"ค่ะ พี่ปรินทร์สบายดีนะคะ" เพชรไพลินถามกลับบ้างตามมารยาท หล่อนเองก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันเมื่อต้องอยู่กับปรินทร์ตามลำพัง
"ครับ เห็นอาศักดิ์บอกว่าอีกแค่ห้าหกเดือนก็จะจบแล้ว? " ปรินทร์ชวนคุยต่อ
"ค่ะ ฝึกงานอีกแค่เดือนกว่า เวลาที่เหลือทำโปรเจคก็น่าจะจบมั้งคะ" เพชรไพลินพูดติดหัวเราะ
"จบอยู่แล้ว น้องสาวพี่เก่งจะตาย" เพชรไพลินไม่ได้เอ่ยตอบ หล่อนทำเพียงแค่คลี่ยิ้มบางๆเท่านั้น
ผ่านไปครู่ใหญ่บิดาหล่อนกับปรินทร์ก็คุยธุระกันเสร็จ ท่านทั้งสองเดินออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม จนปรินทร์เอ่ยแซว
"เดินยิ้มกันมาแบบนี้คงเป็นข่าวดีใช่ไหมครับ"
"แน่นอนสิปรินทร์ ระดับอากับพ่อเราแล้วมีพลาดซะที่ไหน" คุณณรงค์ศักดิ์บอกทีเล่นทีจริง พร้อมกับยกยิ้มให้กับชายหนุ่มรุ่นลูกเป็นเชิงรู้กัน
"น้องเพชรขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าแล้วเข้านอนได้แล้วลูก" คุณณรงค์ศักดิ์หันไปบอกบุตรสาว
"คะ? " เพชรไพลินขานรับอย่างงุนงง สรุปบิดาเรียกหล่อนมาเพราะเรื่องแค่นี้น่ะเหรอ
"ผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน" ท่านย้ำอันเป็นที่รู้กันว่าท่านนั้นจะดื่มกับแขก นั่นก็คือลุงชิตและปรินทร์
"ค่ะ อย่าดื่มเยอะนะคะ" เพชรไพลินกระซิบบอกบิดาก่อนก่อนจะเอ่ยลาแขกทั้งสองแล้วเดินเลี่ยงออกมา
เมื่อขึ้นมาถึงห้อง เพชรไพลินก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาไปกับเตียงกว้าง เปลือกตาบางหลับลงช้าๆ แต่เสียงเรียกเข้าจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูกลับดังขึ้นมาขัดจังหวะจนเจ้าตัวจิ๊ปากเสียงดัง พร้อมกับควานหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดรับ
"พี่โทรหาตั้งหลายสายกว่าจะรับ" เสียงบ่นที่ดังมาจากปลายสายทำให้ใบหน้าหวานคลี่ยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติ
"เพชรเพิ่งว่างนี่คะ คุณพ่อมีแขกตั้งแต่ช่วงเย็นเลย"
"ไม่ได้อยู่ที่บ้านเหรอคะ" เพชรไพลินเลิกคิ้วถามอย่างต้องการจับผิด
"ครับ กำลังจะกลับ" ภาธรไม่ได้โกหก หลังจากที่เขาไปส่งณิชกมลที่บ้านเขาก็แวะนั่งดื่มร้านเหล้าและเจอเข้ากับชลกรพอดีจึงนั่งดื่มกับมันซะเลย ซึ่งตอนนี้เขาออกมาข้างนอกร้านและเตรียมจะกลับบ้านแล้ว แต่เขาเลือกที่จะโทรหาคนตัวเล็กก่อน เกรงว่าหากรอถึงบ้านจะอาจจะดึกไปและคนตัวเล็กจะหลับไปก่อน
"ดื่มอีกแล้วนะคะ" เพชรไพลินบ่นอย่างเป็นห่วง
"ขี้บ่นจังเลยเรา บ่นเป็นคนแก่ไปได้" ภาธรแสร้งว่าแต่ใบหน้าคมกลับปรากฏรอยยิ้มจางๆ
"ก็ใครล่ะคะชอบทำให้บ่นน่ะ" เพชรไพลินถามกลับด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด
"คุณธรครับ จะคุยอีกนานไหมครับ ศรีภรรยากูโทรตามแล้วครับ" เสียงที่แทรกเข้ามาจากปลายสายทำให้เพชรไพลินหลุดขำออกมา ส่วนภาธรนั้นหันไปชี้หน้าคาดโทษเพื่อนที่มันแหกปากขัดจังหวะเขา
"วางสายได้แล้วค่ะ รีบกลับบ้านนะคะ ขับรถดีๆนะ"
"ฝันดีครับ คิดถึงนะ" สิ้นเสียงภาธรเพชรไพลินก็กดวางสาย พี่หมียักษ์ถูกดึงมากอดแน่น มิหนำซ้ำยังโดนคนตัวเล็กบีบแก้มซ้ายทีขวาทีอย่างมันเขี้ยวถ้าหากเป็นคนคงช้ำหมดแล้วกระมัง
"พี่หมี เพชรเขินจัง" ถ้าหากใครมาเห็นหล่อนตอนนี้คงคิดว่าเป็นบ้าแน่ๆ นอกจากจะยิ้มกับตุ๊กตาหมีแล้วหล่อนยังคุยกับมันอย่างกับมันรู้ภาษายังไงยังงั้น
เมื่อวางสายจากคนตัวเล็ก ภาธรก็กลับไปนั่งฝั่งคนขับดังเดิม หันไปมองเพื่อนทีหนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ตั้งแต่มันแต่งงานมีลูกมีเมียมานี้เวลาสังสรรค์แทบจะไม่มี แอบหนีกลับก่อนเพื่อนบ้าง ผิดนัดบ้าง ไม่ใช่เพราะเมียมันสั่งห้ามหรอกเห็นทีจะเป็นมันติดเมียเสียมากกว่า
"ออกรถสิครับ" ชลกรเร่งเพื่อนเมื่อเห็นว่ามันเข้ามานั่งแล้วแต่ยังนิ่งอยู่
"เออ หุบปากได้แล้วมึงน่ะ กูหนวกหู" ภาธรหันมาว่าเพื่อนเสียงขุ่น ก่อนจะขับรถไปส่งมันที่บ้าน ส่วนตัวเขาตัดสินใจวนรถกลับไปที่คอนโด
เครื่องดื่มสีอำพันถูกสาดลงคอแกร่งแก้วแล้วแก้วเล่า แต่ไม่มีท่าทีว่าจะเอาชนะคนตัวโตได้สักนิด ดวงตาสีนิลเข้มเหม่อมองออกไปยังแสงไฟระยิบระยับจากตึกสูงตระหง่านฟ้าและแสงไฟดวงน้อยใหญ่ที่เปล่งประกายในยามค่ำคืนช่างเป็นภาพที่สวยงาม แต่ในใจเขาตอนนี้กลับวูบโหวงอย่างอธิบายไม่ถูก คิดมาโดยตลอดว่าตนเองนั้นสามารถลืมหญิงสาวผู้ที่เป็นอดีตคนรักได้ ลืมฤทธิ์ความเจ็บปวดเมื่อสามปีก่อนได้ แต่เมื่อได้กลับมาเจอในวันนี้มันกลับทำให้เขามั่นใจ ว่าเขาไม่เคยลืมหล่อนเลย
