บทที่ 1
อันธิกาเริ่มต้นวันใหม่อย่างไม่สดชื่นเท่าไหร่นักเพราะเมื่อวานพ่อกับแม่ไม่อนุญาตให้เธอถอนหมั้น พวกท่านให้เหตุผลว่าวิศรุตไม่ใช่คนเลวร้าย คนเราอยู่กันไปเดี๋ยวก็รักกันได้เอง ไม่ว่าเธอจะหาเหตุผลมาให้พวกท่านสักแค่ไหน สุดท้ายคำตอบที่ได้ก็คือ ‘ไม่’ อยู่ดี
หญิงสาวคิดก่อนจะพาตัวเองเดินลงมาจากห้องนอน ก่อนจะพบว่านอกจากพ่อและแม่แล้วนั้น ยังมีใครอีกคนนั่งอยู่กับพวกท่าน จนเมื่อหันมาเจอเธอเข้า แม่ถึงได้เอ่ยขึ้นพร้อมๆ รอยยิ้มอ่อนโยน
“อ้าวยัยอันลงมาพอดี นี่พี่เขามารอเรานานแล้วนะ ทำไมถึงไม่บอกพ่อกับแม่ว่าพี่รุจเขาจะพาเราไปดูงานที่ภูเก็ตด้วย” คนถูกถามถึงบางสิ่ง ที่ก็เพิ่งจะรับรู้ก็ตอนที่มารดาถามตกใจไม่น้อยที่ได้ยิน
“แม่พูดเรื่องอะไรคะ อันไม่รู้เรื่อง” หญิงสาวตอบก่อนจะหันไปมองอีกคนอย่างหมดทางเลือกนี่เขาคิดจะทำเรื่องบ้าๆ อะไรอีก!
“สงสัยน้องอันคงจะลืมนะครับคุณพ่อคุณแม่ พี่เองก็มัวแต่ยุ่งเลยไม่ได้เตือนว่าวันนี้พี่จะมารับเราไปดูงานที่ภูเก็ตด้วยกัน” วิศรุตตอบก่อนจะลอบมองคนตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยนลึกซึ้ง ซึ่งคนเป็นพ่อและแม่เมื่อได้เห็นต่างก็มีความสุขที่บุตรสาวได้เจอคนดีๆ ที่ทั้งรักและเอาใจใส่บุตรสาวของพวกท่าน ต่างจากอันธิกาที่รู้ดีกว่าใครว่าภาพตรงหน้ามันคือการแสดงละครฉากใหญ่ที่เขาจะทำทุกครั้งต่อหน้าคนอื่นๆ เพื่อให้ตายใจ ความจริงแล้วเขาไม่ได้รักเธอเลย
เธอไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรักจากผู้ชายคนนี้เลยสักครั้งนับตั้งแต่วันที่เพื่อนรักจากไปด้วยอุบัติเหตุในคืนนั้น...
“อันขอไม่ไปได้ไหมคะ”
เธอคิดก่อนจะลองเสี่ยงปฏิเสธดูสักครั้ง แม้จะรู้แก่ใจดีว่าความเป็นไปได้ที่อีกคนจะตามใจกันมันจะมีน้อยเหลือเกิน และบางทีการทำเช่นนี้มันก็อาจทำให้เขาไม่พอใจแต่ก็ยังเลือกที่จะทำอยู่ดี
“แต่พี่อยากให้น้องอันไปด้วย นะครับ พี่ขับรถไกลๆ คนเดียวกลัวจะหลับใน ถ้ามีคนนั่งไปเป็นเพื่อนคงช่วยได้เยอะ” แต่อีกคนกลับไม่ยอมปล่อยกันง่ายๆ เขาตอบก่อนจะให้เหตุผลที่ทำให้อีกคนขัดใจไม่ได้ ก่อนที่จะทิ้งไพ่ใบสุดท้ายด้วยการหันไปมองหน้าพ่อกับแม่ของเธอเหมือนจะขอให้พวกท่านช่วยพูดให้อีกแรง ซึ่งมันได้ผล!
“นั่นสิลูก ไหนๆ ช่วงนี้เราก็ลาพักร้อนอยู่ ไปเป็นเพื่อนพี่เขาหน่อยเถอะ อย่างที่ตารุจพูดก็มีเหตุผล ขับรถคนเดียวอันตรายจะตายไป เดี๋ยวแม่ไปช่วยเก็บกระเป๋า” คุณเปรมวดีเป็นคนตอบแทนบุตรสาวก่อนจะรั้งต้นแขนอันธิกาให้ลุกขึ้นเดินตามตนเองขึ้นไปชั้นบน ปล่อยให้ว่าที่ลูกเขยกับพ่อตาได้พูดคุยกันไปตามประสาผู้ชาย
อันธิกาใช้เวลาเก็บข้าวของเพียงไม่นานก็เดินตามแรงฉุดผู้เป็นแม่เดินกลับลงมาที่ชั้นล่างอีกครั้ง หญิงสาวยกมือไหว้ท่านที่อาสาเดินออกมาส่งกันถึงหน้าบ้านก่อนจะก้าวขึ้นรถโดยมีคู่หมั้นเดินอ้อมมาปิดประตูให้อย่างสุภาพ แต่แล้วความสุภาพของเขาก็หายไปเมื่อรถคันหรูเลี้ยวออกมาจากบ้านของเธอได้สักพักก่อนที่มันจะถูกเบรกอย่างแรงพร้อมๆ กับมือหนาที่เอื้อมมากระชากคอเธอเข้าไปจูบอย่างเร่าร้อนดุดัน จูบที่อัดแน่นไปด้วยความไม่พอใจพรากเอาลมหายใจของหญิงสาวไปจนหมด แม้ว่าเธอจะพยายามดิ้นรนขัดขืนสักแค่ไหน แต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเธอนั้น มันกลับสู้อะไรคนใจร้ายคนตรงหน้านี้ไม่ได้เลยสักครั้ง
“อย่าทำตัวมีปัญหาแบบนี้อีก ถ้าไม่อยากโดนดี!” วิศรุตตวาดสั่งหลังจากถอนริมฝีปากออกห่าง เขาจ้องมองแม่ตัวดีอย่างคาดโทษก่อนจะหันกลับไปสนใจการขับรถต่ออีกครั้ง ปล่อยให้อีกคนนั่งกอดตัวเองทั้งน้ำตาต่อไป ไม่แยแสเลยว่าการกระทำเมื่อครู่ของตนเองมันจะทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหน เพราะมันคือสิ่งที่เขาต้องการให้เกิดขึ้น เขาชอบเห็นความเจ็บปวดรวดร้าวผ่านสายตาของหล่อน!
แต่ความเจ็บของผู้หญิงคนนี้มันกลับเทียบไม่ได้เลยกับเขาและครอบครัวที่ต้องมาสูญเสียน้องสาวสุดที่รักอย่างปาหนันไปอย่างไม่มีวันกลับ แม้จะรู้ว่าเธอไม่ใช่คนเริ่ม แต่หากเธอตัดเยื้อไยกับไอ้ชาติชั่วนั่นอย่างเด็ดขาดในทันที ไม่ปล่อยตัวปล่อยใจให้มันเข้ามาวุ่นวายจนทำให้น้องสาวของเขามาเห็นภาพทุเรศๆ ในคืนนั้น เชื่อเถอะว่าปาหนันก็คงไม่ต้องตาย น้องสาวของเขาที่กำลังจะมีอนาคตที่ดีคงไม่ต้องตายในสภาพแบบนั้น แล้วจะให้เขาทำใจปล่อยคนชั่วสองคนให้ลอยนวลไปได้ยังไง! คนที่แม้จะไม่ได้ฆ่า แต่ก็เหมือนฆ่า
ไม่มีวันที่เขาจะทำได้
ถึงต่อให้ทำได้จริงเขาก็ไม่คิดที่จะทำ!
ใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมงในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงจุดหมาย วิศรุตจองห้องพักเอาไว้สองห้องด้วยจุดประสงค์บางอย่างที่อันธิกาไม่เข้าใจ จนเมื่อเธอได้เห็นร่างบอบบางของผู้หญิงคนหนึ่งที่วิ่งตรงเข้ามารั้งต้นคอเขาเข้าไปจูบ ถึงได้เข้าใจว่าเขาจงใจจะทำอะไรต่อไป
“ลินนึกว่าคุณจะเบี้ยวลินแล้วเสียอีก สวัสดีค่ะคุณอัน เคยได้เห็นแต่ในรูป ตัวจริงคุณดูเด็กกว่าที่คิดเอาไว้อีกนะคะ” ลินลดาเอ่ยทักทายคู่หมั้นของคู่ขาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉบ ไม่ได้สนอกสนใจเลยสักนิดว่าคำถามของตัวเองมันจะกรีดใจคนฟังสักแค่ไหนเพราะมันไม่ใช่เรื่องที่เธอควรใส่ใจเลยสักนิด ว่าใครจะรู้สึกแบบไหนหรือยังไง
อีกอย่างหากหล่อนดีจริง คู่หมั้นคงไม่มาใช้บริการเธอหรอก!
เรื่องแบบนี้ตบมือข้างเดียวมีหรือจะดังได้ถ้าอีกคนไม่ช่วยตบ!
“ค่ะ เชิญพวกคุณสองคนตามสบาย ฉันขอกุญแจห้องพักด้วยค่ะ” ซึ่งอันธิกาก็ตอบกลับเพียงสั้นๆ ด้วยรู้ว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร
เธอเพิ่งจะเป็นข่าวกับคู่หมั้นของเธอไปเมื่อไม่กี่วันก่อน และเขาก็เป็นคนบอกกับเธอด้วยตัวเองว่าผู้หญิงตรงหน้าคนนี้คือผู้หญิงที่มีดีมากกว่าเธอแทบทุกอย่าง จึงไม่ต้องสอบถามอะไรจากปากของเขาหรือว่าใครให้มันมากความ! และยิ่งได้มาเห็นภาพของพวกเขาเมื่อสักครู่มันก็ยิ่งตอกย้ำความเป็นจริง ให้เธอเข้าใจทุกอย่างมากขึ้น
สำหรับวิศรุตเธอคงเป็นได้แค่ผู้หญิงไร้ค่า ไม่มีความหมายอะไรสำหรับเขาทั้งนั้น เขาถึงได้อยากเห็นความเจ็บปวดของเธอนัก!
“หิวอะไรก็หากินเองแล้วกัน คืนนี้ฉันคงจะอยู่กับลินเขาทั้งคืน คงไม่ว่างเจียดเวลามาดูแลเธอ” วิศรุตเอ่ยบอกก่อนจะยัดกุญแจห้องให้อีกคนอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนทั้งคู่ก็เดินโอบเอวผ่านหน้ากันไปทิ้งให้อีกคนยืนนิ่งอยู่กับที่พร้อมกับความชอกช้ำภายในใจตามลำพัง
กว่าจะพาตัวเองเข้ามาในห้องพักได้อันธิกาก็เสียน้ำตาไปหลายหยด หญิงสาวทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงก่อนจะปลดปล่อยน้ำตาให้ไหลทันทีที่มาถึงจุดหมาย เธอเหนื่อยเหลือเกินกับสภาพของตัวเองที่เป็นอยู่ในตอนนี้ จนบางครั้งก็นึกอยากจะตายไปให้พ้นๆ แต่ก็ไม่อาจจะทำมันได้ เพราะว่าคนใจร้ายคนนั้นเขาได้เคยขู่กันเอาไว้ว่า...
“ถ้าเธอตายหรือพยายามจะหนีไปจากฉัน…จำไว้ให้ขึ้นใจว่าฉันจะตามไประบายความแค้นกับพ่อแม่เธอแทน! พ่อที่กำลังป่วยด้วยโรคหัวใจ คงอาการทรุดหนักว่าไหมถ้าลองได้เห็นภาพถ่ายกับคลิปลูกสาวของตัวเองเวลาที่อยู่กับฉันบนเตียง…” วิศรุตเลวกว่าที่ใครจะคาดคิดเอาไว้มาก!
เขาข่มขืนเธอในคืนที่เธอตัดสินใจเดินทางไปขอโทษเขาสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นที่คอนโด เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำผิดอะไร แต่สิ่งที่เธอได้รับกลับมานั้นกลับกลายเป็นกรงขังขนาดใหญ่ที่เขาใช้มันเพื่อที่จะกักขังกันเอาไว้ ด้วยสถานะที่เธอไม่เคยต้องการมัน ไม่เคย!
หญิงสาวหลับตาลงอย่างอ่อนล้า แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาลากเธอมาทิ้งเอาไว้ก่อนจะหนีหายไปกับผู้หญิงอีกคน แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่ เธอก็ไม่ทำใจให้ชินกับมันได้เลย เธอปวดร้าวทุกครั้งที่ได้เห็นมือที่เคยสัมผัสเรือนร่างเปลือยเปล่าของตัวเองไปสัมผัสคนอื่น และยิ่งรู้สึกเกลียดตัวเองมากเข้าไปทุกที ที่มันไม่สามารถเลิกเลวๆ รักคนอย่างเขาได้เลยสักครั้ง ไม่ว่าเธอจะพยายามสักแค่ไหนก็ทำไม่ได้!
