ตอนที่6 เจ้าบ่าวหายไป
งานแต่งในวันนี้ดาเนียลเลและวันวิวาห์ตกลงกันไว้ว่าจะจัดทุกอย่างตามขนบธรรมเนียมของศาสนาคริสต์เพราะเป็นพิธีที่เรียบง่าย เมื่อภิวัฒน์ส่งตัววันวิวาห์ให้กับดาเนียลเลเรียบร้อยเจ้าบ่าวในชุดสูทสีขาวก็ค่อยๆ บรรจงยกเวลที่ปิดหน้าเจ้าสาวของเขาออก
“วินนี่ใส่ชุดนี้แล้วสวยไหมคะ” เธอกระซิบกับเจ้าบ่าวที่กำลังก้มหน้ามายิ้มให้
“ชุดจะสวยหรือไม่สวยมันอยู่ที่คุณครับ”
“แล้วสวยไหมล่ะคะ”
ดาเนียลเลยิ้มอ่อนแล้วพยักหน้าจากนั้นเขาก็พาเจ้าสาวของเขาเดินไปยืนที่หน้าบาทหลวงเพื่อฟังบาทหลวงอ่านคำภีร์คู่ชีวิตและให้สัตย์ปฏิญาณตนว่าจะรักและซื่อสัตย์ต่อกันทั้งยามทุกข์และยามสุข
จากนั้นทั้งสองต่างก็แลกแหวนแต่งงานให้กันก่อนจะจบลงด้วยการจดทะเบียนสมรส และเดินขอบคุณแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน
และแล้ววันของความสุขก็ดูจะมีปัญหาเกิดขึ้น หลังจากวันวิวาห์ไปพักได้เพียงครู่เดียวเจ้าบ่าวของเธอก็หายตัวไปดื้อๆ โดยที่ไม่คิดบอกกล่าวเธอสักคำ
“เพิ่งจะแต่งกันแท้ๆ หายไปแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน” นาถฤดีรู้สึกไม่พอใจดาเนียลเลอยู่มากเพราะแขกที่มายังกลับบ้านไม่ทันหมดเจ้าบ่าวก็ดันมาหายตัวไปเสียอย่างนั้น
“ตอนนี้มีเรื่องด่วนให้คุณเลต้องรีบกลับไปทำธุระครับ คุณเลฝากบอกทุกคนว่าขอโทษจริงๆ ครับ” เป็นคานโลที่ต้องรับหน้าแทนเจ้านาย เขาบอกอะไรทุกคนไปมากกว่านี้ไม่ได้จริงๆ
“ไม่ได้บอกเหตุผลอะไรเลยเหรอ” ถึงวายุภัคจะปลื้มน้องเขยคนนี้ขนาดไหนแต่การทำแบบนี้เขาก็ไม่พอใจดาเนียลเลเช่นกัน
“ผมก็ไม่ทราบครับ ทราบแค่ว่าเป็นธุระสำคัญเสร็จแล้วจะรีบกลับมาขอโทษทุกคนครับ”
“คุณเลคงมีธุระสำคัญจริงๆ เค้าต้องบริหารหลายกิจการคนเดียววินนี่เข้าใจค่ะ” วันวิวาห์เห็นทุกคนหน้าเสียจึงพูดเพื่อไม่ให้เป็นเรื่องใหญ่ทั้งที่ในใจเธอก็อดนึกเคืองดาเนียลเลไม่ได้
“ถ้าวินนี่เข้าใจพวกเราก็พร้อมจะเข้าใจ วินนี่อยู่ที่ห้องนี้นะลูก เดี๋ยวพ่อกับแม่จะไปส่งแขก”
“ค่ะคุณแม่” หลังจากทุกคนออกจากห้องของเธอไปได้วันวิวาห์ก็เปลี่ยนชุดแล้วเดินไปเดินมาอยู่ในห้องที่จัดเอาไว้เป็นห้องหอในคืนแรกของการแต่งงาน ทำไมเขาต้องมีธุระจำเป็นในวันสำคัญแบบนี้ด้วยนะ
ที่ทำเป็นไม่สนใจต่อหน้าพ่อกับแม่ของเธอก็เพราะไม่อยากให้การหายไปของดาเนียลเลเป็นเรื่องใหญ่ ถึงจะมีธุระสำคัญยังไงแต่ก็ควรจะบอกเธอก่อนไปให้รู้บ้าง ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของเขาแล้วนะ ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจ
วันเวลาพ้นผ่านนานร่วมสามวันที่วันวิวาห์ไม่ได้รับการติดต่อจากดาเนียลเล เธอไม่อยากตอบคำถามจากครอบครัวว่าเขาจะกลับมารับเธอเมื่อไหร่จึงออกมาอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์ของตัวเองที่อยู่ในย่านใจกลางเมืองในกรุงเทพมหานคร
“ทำแบบนี้กับวินนี่อีกแล้วนะคะคุณเล” เธอเฝ้ารอโทรศัพท์ว่าจะมีสายของดาเนียลเลโทรเข้ามาหาก็ไม่มี ซ้ำถามข่าวดาเนียลเลจากคานโลก็ไม่ได้รับคำตอบอะไร เพราะคานโลเองก็ไม่สามารถติดต่อเจ้านายตนได้เช่นกัน แถมคานโลยังขอร้องให้เธอเข้าใจดาเนียลเลเพราะเขามีงานมากมายที่ต้องดูแล แม้จะรู้แก่ใจดังนั้นวันวิวาห์ก็ไม่สามารถทำใจไม่ให้น้อยใจเขาได้อยู่ดี เพิ่งแต่งงานกันแท้ๆ แต่ไม่มีเวลาได้อยู่ด้วยกันเลยเจ้าสาวอย่างเธอคงทำใจไม่ให้รู้สึกอะไรไม่ได้
ติ๊ง ต่อง เปิดประตูได้เห็นชายร่างสูงยืนถือช่อกุหลาบแดงบังหน้า ใบหน้าสวยหวานเริ่มบึ้งตึงขึ้นในทันที “วินนี่ไม่อยากได้ดอกไม้ค่ะคุณคานโล วินนี่อยากเจอหน้าคุณเลมากกว่า” กำลังจะปิดประตูแต่คนด้านนอกก็ผลักเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยว”
“คุณเล” ยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นดาเนียลเล แต่สักพักก็เริ่มชักสีหน้าเพราะจำได้ว่าเธอกำลังเคืองเขาอยู่และรีบหันหลังทำเป็นไม่สนใจ
“ผมขอโทษนะครับที่หายไปหลายวัน”
“ไม่หายไปสักปีเลยล่ะคะ” สาวเจ้าที่กำลังเดินหนีถูกดาเนียลเลเข้ามายืนขวางหน้าก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าของเธอ
“หายไปไม่ได้หรอกครับ ภรรยาผมอยู่ที่นี่ยังไงผมก็ต้องมาที่นี่อยู่ดี ผมผิดเองที่ชีวิตผมมันมีอะไรวุ่นวายมาก แล้วผมก็ไม่ได้บอกให้คุณตั้งรับเอาไว้ก่อน ผมขอโทษจริงๆ ครับ”
วันวิวาห์มองมองคนที่กำลังคุกเข่าด้วยสีหน้าตกใจ หากเขาทำแบบนี้หัวใจของเธอก็อ่อนยวบอย่างง่ายดายเลยล่ะสิ
เห็นเขานั่งคุกเข่าเงียบๆ แบบนั้นเพียงครู่เดียวหัวใจเจ้ากรรมก็อ่อนยวบไปจนได้ เธอถอนหายใจอ่อนก่อนจะพูดออกมา “วินนี่ยอมรับว่าแอบน้อยใจที่คุณหายไป แต่วินนี่เลือกที่จะแต่งงานกับคุณเองก็คงต้องยอมรับว่าสามีตัวเองจะต้องยุ่งกับงานเป็นส่วนใหญ่” ก้มหน้างุด
ดาเนียลเลลุกยืนขึ้นและรวบคนตัวเล็กมาไว้ในอ้อมกอด “ขอบคุณที่เข้าใจผมครับ” หน้าสวยเริ่มแสดงออกถึงความตกใจเล็กน้อยเพราะไม่เคยใกล้ผู้ชายคนอื่นขนาดนี้ แต่ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นเธอก็อมยิ้มออกมาก่อนจะกอดตอบเขา ทั้งขบขันตัวเองในใจที่ลืมไปได้ยังไงว่าตอนนี้เธอเองก็มีสิทธิ์ในตัวของเขาทุกอย่างแล้ว รวมถึงคนที่กำลังกอดเธออยู่ตอนนี้ก็มีสิทธิ์ในตัวของเธอทุกอย่างเช่นกัน
วันวิวาห์ยิ้มหวานให้คนที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดคลุมสีขาว ตอนนี้เธอเริ่มกังวลถึงเรื่องการนอนของคนเป็นสามีเพราะเตียงที่เธอใช้ขนาดแค่สามฟุตแถมยังเป็นสีชมพูหวานแสดงออกถึงความเป็นผู้หญิงสุดๆ ไม่รู้เลยว่าคืนนี้เธอกับจะเขาจะนอนด้วยกันบนเตียงให้สบายยังไง หนำซ้ำยังรู้สึกขัดเขินที่จะได้นอนร่วมเตียงกับเขาอีก
“คุณเลนอนได้ใช่ไหมคะ วินนี่ชินกับเตียงเล็กพอดีตัวแล้วก็ไม่คิดว่าคุณเลจะมาที่นี่” ดาเนียลเลพยักหน้าขณะกำลังใช้ผ้าเช็ดผมที่เปียก
“ผมนอนได้ครับ แต่คุณไม่ชินใช่ไหมที่มีคนอื่นมานอนข้างๆ”
พยักหน้าน้อยๆ พร้อมส่งยิ้มเจื่อนให้ชายหนุ่มได้รู้ว่าเขาคิดถูก เธอไม่ชินแล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะชินเมื่อไหร่ เมื่อตอนที่ถูกเขากอดหัวใจเธอก็แทบจะกระเด็นหลุดจากอกแล้ว ไม่รู้ว่าถ้านอนด้วยกันคืนนี้เธอจะนอนหลับลงได้ไหม
“เรากลับไปนอนที่บ้านดีไหมคะ” ชวนเขากลับเพราะที่นั่นได้ถูกเตรียมเอาไว้ให้เป็นห้องหอในวันแต่งงาน
“ผมอยากนอนแล้ว” เดินมารวบกอดคนตัวเล็กในชุดเดรสชุดนอนสีขาวเข้าไปนอนกกกันบนเตียง
“เอ่อ...” วันวิวาห์นอนตัวเกร็งดวงตาคู่สวยเบิกโพลงไม่กระพริบ ไม่กี่วินาทีคนตัวโตก็พลิกคร่อมตัวของเธอเอาไว้
ดาเนียลเลยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นสีหน้าตื่นกลัวของคนตัวเล็ก เขากดปิดไฟที่หัวนอนเมื่อไฟสว่างในห้องมืดลงก็เหลือเพียงแสงเหลืองนวลสลัวของโคมไฟหัวเตียงส่องสว่างสร้างบรรยากาศโรแมนติก ดาเนียลเลเริ่มประสานมือทั้งสองกับมือเรียวก่อนจะก้มไล้จมูกโด่งดอมดมพวงแก้มนวล
“กลัวอะไรครับ”
“เปล่าค่ะ แค่...อื้อ...” กำลังจะเบือนหน้าหนีแต่ริมฝีปากบางก็ถูกบดจูบเสียก่อน
สัมผัสนุ่มนวลแปลกใหม่ที่ได้รับจากคนเป็นสามีทำสาวเจ้าที่อ่อนประสบการณ์ตัวเกร็งไม่ยอมหายใจ ซ้ำยังหลับตาปี๋ไม่ยอมมองภาพของคนที่กำลังจะปรนเปรอความสุขให้ หัวใจดวงน้อยตอนนี้เต้นแรงจนได้ยินเสียงของหัวใจตัวเอง
บอกไม่ถูกเลยจริงๆ ว่าตอนนี้กำลังตื่นเต้นหรือตื่นกลัวหรือมีความสุข รู้เพียงว่ามันเริ่มมวนท้องมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนมีผีเสื้อนับพันมาบินวนอยู่ในนั้น เธอกำลังมีความสุขใช่ไหม หรือเพราะตื่นเต้นจนเป็นแบบนี้กันแน่
